บทที่ 13

1560 Words
ในห้องทำงานติดกระจกใสรอบด้าน บนตึกที่มีความสูงระฟ้าเห็นวิวโดยรอบของกรุงเทพฯ ผู้ที่ถือครองสิทธิ์เป็นทั้งเจ้าของทั้งห้องทำงานและตึกนี้คือ ‘ศิระวัตร บุษกร’ ชายหนุ่มผู้เก่งกาจและทรงอิทธิพลตั้งแต่อายุยังน้อยคนนี้ หากใครไม่รู้จักศิระวัตรดีพอก็จะคิดว่าเขาร้าย เข้าถึงยาก เพราะบุคลิกที่นิ่งขรึม ตาดุ และจริงจังไปซะทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องงาน แต่แม้จะรู้จักสนิทสนมกันเป็นอย่างดีอย่างเพื่อนรัก และหุ้นส่วนธุรกิจทั้งสามคน ผู้ที่เป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้ร่วมกัน ศิระวัตรก็ยังดูเข้าใจยากอยู่ดี ! อาจเป็นเพราะครอบครัวของชายหนุ่มไม่ได้สมบูรณ์นัก พ่อแม่แยกทางกัน เขาโตมากับแม่ ส่วนพ่อซึ่งเป็นนายตำรวจยศดาบไปมีครอบครัวใหม่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทิ้งให้เขาเป็นเด็กกำพร้า เขาไม่เคยเห็นหน้าหรือได้รับการติดต่อจากผู้เป็นพ่อมานับสิบๆ ปี จนเขาลืมไปแล้วว่าผู้ชายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่บนโลก และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีแม่เขาก็จากไปด้วยอาการตรอมใจ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้รับการติดต่อจากเพื่อนสนิทของพ่อในวันที่ท่านสิ้นใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ท่านฝากฝังน้องสาวต่างแม่ไว้กับเขา ท่านคงคิดว่าเขาจะยอมรับเจ้าหล่อนง่ายๆ แน่นอนว่าเขาปฏิเสธที่จะดูดำดูดีเด็กสาวคนนั้น จนวันหนึ่งเขาได้ไปเจอจดหมายของพ่อในห้องแม่ตัวเอง จดหมายที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเพราะแม่ไม่เคยบอก... เนื้อความในจดหมายนับร้อยฉบับแสดงถึงความรัก ความห่วงใยที่พ่อมีให้ลูกชายคนนี้ และท่านไม่เคยลืมว่ามีเขาเป็นลูกอีกคน ของขวัญชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมทั้งหนังสือที่หน้าแรกของทุกเล่มจะเขียนเอาไว้ว่า ‘แด่วัตรลูกรัก’ และเซ็นกำกับด้วยลายเซ็นของพ่อ ทำให้เขาทั้งตื้นตันและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แม้จะเสียใจจนกลายเป็นคนเงียบขรึมยิ่งกว่าเดิมแต่ศิระวัตรก็ให้ ‘ระภูมิ’ ลูกน้องคนสนิทคอยติดตามสืบข่าวของน้องสาว เพื่อที่เขาจะได้ไถ่โทษให้พ่อ ที่เขาเคยเข้าใจท่านผิดมาตลอด “ขออนุญาตครับคุณวัตร” เสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงนุ่มทุ้มคุ้นเคยทำให้ผู้บริหารหนุ่มหลุดจากภวังค์ “เข้ามาได้ มีอะไรหรือเปล่าภูมิ” ลูกน้องคนสนิทนามระภูมิยื่นแฟ้มประวัติที่ได้รับมาจากฝ่ายบุคคลอีกทีให้เจ้านายหนุ่ม “วันนี้คุณวัตรมีสัมภาษณ์เลขา ลืมเหรอครับ” ชายหนุ่มถามพร้อมอาการอมยิ้มน้อยๆ เห็นคร่ำเคร่งจริงจังทำงานอย่างนายเขานี่ ที่จริงชอบลืมนั่นลืมนี่ตลอด จนบางทีเลยถูกมองว่าเป็นคนหยิ่งผยอง ไม่ใส่ใจรายละเอียดหรือความรู้สึกใครที่ไหน “เออๆ งั้นนายไปบอกคนสมัครให้เข้ามาได้เลยมา” พูดไปใครจะเชื่อว่าทั้งเขาและเพื่อนรวมสี่คนแต่มีเลขาแค่คนเดียวมาร่วมปี เพราะคนเก่าลาออกไปหมด รับใครมาก็อยู่ไม่ทน ไอ้สามคนนั่นเลยรวมหัวกันโบ้ยความผิดมาให้เขา หาว่าเขาเข้มงวด วีนเหวี่ยงจนใครก็ทนทำงานด้วยไม่ได้ ! … เลยเป็นหน้าที่เขาที่ต้องสัมภาษณ์เลขา (ของพวกมัน) เอง... “คุณวัตรจะไม่ลองอ่านประวัติดูก่อนสักหน่อยหรือครับ” พอพูดจบระภูมิก็ยิ้มดูมีเลศนัยจนเขานึกสงสัย “อะไรของนายวะภูมิ” แม้จะถาม แต่ด้วยความที่ไม่ชอบรออะไร ศิระวัตรเลยพลิกเปิดแฟ้มประวัติตรงหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ภาพหญิงสาวหน้าตาแฉล้มอ่อนหวานไม่ได้ทำให้ศิระวัตรเข้าใจความนัยอะไรที่คนสนิทบอกใบ้ทางสายตา แต่พอเลื่อนมาดูที่ชื่อ-สกุล และอายุเท่านั้น... ‘อุรัตน์นรินทร์ ปรากรณ์’ พอเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นระภูมิพยักหน้ารับรออยู่แล้ว “อาทิตย์นี้ผมยังไม่ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องของคุณอินให้คุณวัตรทราบเลยครับ เพราะยังไม่รู้แน่ว่าทำไมเธอถึงออกมาจากบ้านหลังนั้น สามีเธอผมก็ไม่เห็นจะมาตามกัน จะว่าเลิกราหย่าร้างผมก็ยังไม่แน่ใจ เพราะทั้งสองคนยังไม่ได้ไปที่เขตเลยครับ” ระภูมิรายงานเรื่องราวทั้งหมดไปตามที่ตนรู้ เพราะครึ่งปีที่ผ่านมาศิระวัตรสั่งให้เขาคอยตามอุรัตน์นรินทร์ แต่สืบไม่ค่อยจะได้ความคืบหน้าเท่าไร เพราะตระกูลปรากรณ์ที่หญิงสาวแต่งเข้าไปมีอิทธิพลมาก หูตาก็เยอะแยะมีอยู่ทุกที่ หากเขารุกคืบมากไป ผิดที่ผิดทาง อาจเอาชีวิตรอดกลับมายาก “แล้วทำไมไอ้น้องเขยฉันมันถึงปล่อยให้เมียมาทำงานนอกบ้านล่ะ ก็ไหนว่าบ้านร่ำรวย ใหญ่โต รับข้าราชการยศสูงนี่” ศิระวัตรกระแทกลมหายใจหนักๆ ถึงแม้ไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แถมเพิ่งมารู้เอาไม่นานนี้ว่ามีสายเลือดเดียวกัน แต่พอรู้ว่าตัวเองมีน้องนุชคนสุดท้องกับเขา มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรักและเป็นห่วง “ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่ที่แน่ๆ คือตอนนี้คุณอินเธอพักอยู่ที่คอนโดน้องตะวัน ที่ได้โบนัสเป็นของขวัญไปเมื่อปีก่อนแถวสุขุมวิทน่ะครับ” “ตะวัน ?” คิ้วของผู้บริหารหนุ่มหล่อหน้าดุขมวดมุ่นแทบเกยกัน เอาเข้าจริง เขาไม่ค่อยถูกชะตากับธารตะวัน เลขาของตัวเองเท่าใดนัก เห็นแล้วมันรำคาญลูกตาอยู่ร่ำไป แต่ด้วยความที่เจ้าหล่อนทำงานดีจนเขาหาเรื่องติไม่ได้ ทั้งงานที่ต้องออกภาคสนามลุยๆ แบบผู้ชาย ทั้งงานนั่งโต๊ะ เจราจาต้อนรับลูกค้า คุยกับลูกค้าคนไหนก็ติดใจกันทั่ว... โดยเฉพาะลูกค้าผู้ชาย ! เฮอะ ! ไม่รู้ว่าใช้วาทศิลป์ดีหรือมารยาหญิงกันแน่ “ครับ คุณอินกับน้องตะวันเธอเป็นเพื่อนกัน โลกกลมนะครับ” ศิระวัตรมองค้อนคนสนิท ไอ้นี่ก็อีกคน คำก็น้องตะวัน สองคำก็น้องตะวัน รู้จักกันมาสามสิบกว่าปี เขาไม่ยักรู้มาก่อนว่ามันไปมีน้องนุ่งกับเขาตั้งแต่ตอนไหน ?! “ไปตามน้องฉันเข้ามาได้แล้วภูมิ อย่ามัวพิรี้พิไรนอกเรื่อง” ระภูมิรีบยักคิ้วพร้อมยิ้มน้อยๆ เจ้านายเขาอารมณ์เสียประจำ เป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว สงสัยจะอยากเจอน้องสาวมาก “แต่คุณวัตรครับ อย่าไปเผลอเรียกคุณอินว่า ‘น้อง’ เข้าล่ะครับ เดี๋ยวเธอจะตกใจจนเป็นลมไปซะก่อน” บอสหนุ่มส่งสายตาคาดโทษคนรู้ดีไปซะหมด ใจอยากจะเขวี้ยงของใกล้มือสมนาคุณให้สักที แต่ไอ้ระภูมิตัวดีดันรู้ตัวรีบเผ่นแน่บไปซะก่อน... ธารตะวันเดินวนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องเจ้านายคนหนึ่ง เพราะขออนุญาตเจ้านายอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่คนละชั้นพาเพื่อนมาสัมภาษณ์งาน ป่านนี้ไม่รู้อุรัตน์นรินทร์จะเป็นยังไงบ้าง จะได้งานหรือไม่ หรือจะสัมภาษณ์ไม่ผ่านเหมือนอย่างหลายคนก่อนหน้านี้ หากเป็นเจ้านายอีกสามคนที่ไม่ใช่ศิระวัตร บุษกร เธอคงกล้าเข้าไปขอร้องฝากฝังเพื่อนเป็นพิเศษ แต่กับเจ้านายคนนี้เธอไม่กล้าจริงๆ ก่อนหน้าอุรัตน์นรินทร์นี่เขาสัมภาษณ์เลขาไปแล้ว 14 คนแต่ก็ไม่เข้ามาตาสักคน แต่เพราะ ‘เอสพีเจคอร์ปอเรชั่น’ สวัสดิการดีกว่าที่อื่นหลายเท่า เธอจึงอยากให้เพื่อนลองเสี่ยง เพราะถ้าหากอุรัตน์นรินทร์ได้งานที่นี่ โดยเฉพาะตำแหน่งเลขา หญิงสาวจะได้สบายขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องอีก “อิน เป็นยังไงบ้าง” ธารตะวันรีบปรี่เข้าไปหาเพื่อนสาวที่เดินหน้าเศร้าออกมาจากห้องท่านประธาน จับไม้จับมือปลอบใจแทบจะกอดปลอบกันอยู่รอมร่อ แค่เห็นหน้าเพื่อนเธอก็รู้แล้วว่าผลออกมาเป็นยังไง “ตะวัน...” อุรัตน์นรินทร์ยังแกล้งทำหน้าเศร้าต่อไป ขอแกล้งเพื่อนขี้โวยวายคนนี้อีกสักนิดให้พอหอมปากหอมคอ “ไม่เป็นไรนะอิน ที่นี่ไม่ได้ที่อื่นก็ยังมี เดี๋ยวตะวันพาไปสมัคร” ธารตะวันปลอบประโลมเพื่อนเสียยกใหญ่ กลัวอุรัตน์นรินทร์จะเสียใจที่สมัครงานที่แรก ครั้งแรกก็ผิดหวัง พอเห็นคนพามาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซะเอง หญิงสาวเลยกะว่าจะเลิกล้อเล่น “พูดอะไรของตะวัน อินไม่ได้...” อุรัตน์นรินทร์ยังไม่ทันได้ปฏิเสธเพื่อนก็จำต้องหยุดคำพูดลงกะทันหัน เมื่อมีใครก็ไม่รู้เดินเข้ามาหาธารตะวันและทักทายขึ้นก่อน “เอ... น้องตะวันขึ้นมาทำอะไรชั้นนี้ครับ วันนี้คุณ ‘จักร’ ขอตัวน้องตะวันไว้นี่ หรือผมดูตารางของคุณวัตรผิด ?” ระภูมิทำท่ากลบเกลื่อนได้แนบเนียนเหมือนแสดงละคร และ ‘คุณจักร’ ที่เขาพูดถึงก็คือเพื่อนของเจ้านายเขา หนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของเอสพีเจฯ ‘จักรวัฏ พิพัฒน์พงษ์’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD