Stay Hug ที่พบรัก 15

909 Words
Stay Hug ที่พบรัก 15 ห้าโมงครึ่งฉันสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกงัวเงีย แต่หลับต่อไม่ได้ เลยเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันเรียกความสดชื่นให้ตัวเอง ตื่นตอนเย็นขนาดนี้จะหลับอีกทีตอนไหนล่ะเนี่ย ได้แต่บ่นกับตัวเองไปเรื่อย และระหว่างที่กำลังดื่มน้ำอยู่นั้น คนที่นัดกันไว้ว่าจะแวะมากินข้าวด้วยก็โทร. เข้ามาพอดิบพอดี “...กะเวลาเก่งจัง” ฉันเอ่ยแซวปลายสาย (ตื่นนานแล้วเหรอ?) “สักพักเองค่ะ เพิ่งล้างหน้าไป” (โอเค ผมกำลังออกจากไร่ อยากได้อะไรไหม?) “อืมมม ไม่มีเลยค่ะ อ้อ ถ้ามาถึงแล้วเข้าไปรอที่ล็อบบีเลยนะคะ” (ได้ ไม่เกินยี่สิบนาที ผมน่าจะถึงพอดี) หลังจากวางสาย ฉันก็แอบไปนอนเล่นโทรศัพท์แป๊บหนึ่ง ก่อนจะบิดขี้เกียจหยิบเสื้อฮู้ดตัวใหญ่มาสวมทับเสื้อกล้ามและกางเกงยีนขาสั้นที่สวมอยู่ เสื้อฮู้ดตัวนี้ยาวมากอย่างน้อยก็คลุมต้นขาอย่างมิดชิด เมื่อมั่นใจว่าแต่งตัวเรียบร้อยมือก็คว้าโทรศัพท์มาใส่กระเป๋าเสื้อฮู้ด ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมปิดแอร์และปิดผ้าม่าน ล็อกประตูอย่างแน่นหนา ระหว่างที่เดินกางร่มออกจากห้องพักและลงบันไดจากเนินเขา สายตาก็เหลือบไปเห็นรถคันคุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ นั่นจึงทำให้เปลี่ยนเป้าหมายจากล็อบบีไปยังรถของคนที่นัดกันไว้ ฉันเดินไปใกล้ฝั่งคนขับเพื่อช่วยกางร่มให้คนที่เพิ่งมาถึง “เดี๋ยวก็ไม่สบาย” เพื่อนพี่ชายเอ่ยดุ เมื่อเปิดประตูรถลงมาและฉันช่วยกางร่มให้เขา แต่พอปิดประตูรถและล็อกเสร็จแล้วเรียบร้อย คนตัวสูงก็ฉกฉวยร่มในมือไปถือไว้เอง เขาเอียงคันร่มมาทางฉัน เพื่อกันละอองฝนให้ได้มากที่สุด “อยากกินอะไรคะ?” ระหว่างที่เรากำลังเดินไปห้องอาหาร ฉันก็เอ่ยถามคนที่กางร่มให้ตัวเองอยู่ “นึกไม่ออกเลย เลือกให้หน่อย” “งั้นเดี๋ยวรอดูเมนูก่อนแล้วกันค่ะ จริงด้วย ลานข้างนอกลูกค้าจองเต็มหมดแล้วอะค่ะ ไม่มีที่นั่ง” ลานที่มีหลังคากันฝนถูกจองไว้หมดแล้ว เพราะลูกค้าต่างชื่นชอบการนั่งกินหมูกระทะท่ามกลางสายฝน “ไม่เป็นไร ค่อยว่ากัน เดินระวัง ๆ เดี๋ยวลื่น” คนข้างกายเอ่ยเตือน กระทั่งเดินเข้ามาถึงส่วนของล็อบบี พี่ ๆ พนักงานก็มองอย่างตกใจที่จู่ ๆ ฉันก็มีแขกมาด้วย แล้วยังเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างคุณแทนคุณแบบนี้ คนที่ตกใจมากที่สุดเห็นจะเป็นพี่แก้วนี่แหละ “ไม่ต้องตกใจค่ะ คุณแทนคุณเขาแวะมากินข้าว” ฉันรีบบอกทุกคนที่แตกตื่นกันเสียยกใหญ่ “ได้ค่ะ รับโต๊ะเดิมเลยไหมคะ?” พี่แก้วเอ่ยถามอย่างเกรงใจ “ค่ะ นั่งโต๊ะเดิมนั่นแหละ ขอเมนูแล้วก็เครื่องดื่มให้คุณแทนคุณก่อนนะคะ” “ค่ะคุณอิง รอสักครู่นะคะ” “เชิญทางนี้ค่ะ” ครั้งนี้หันกลับไปมองเจ้าของสวนลำไยที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กระทั่งเราสองคนนั่งลงที่เก้าอี้บริเวณโต๊ะประจำของฉันภายในห้องอาหาร พนักงานก็นำเมนูมาให้เลือก ฉันเลือกเมนูเด็ดของโรงแรมมาสามสี่อย่างพร้อมกับเครื่องดื่ม ส่วนคนข้าง ๆ ส่งต่อหน้าที่ให้ฉันแล้วเรียบร้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าจะสั่งอะไร “ทำไมจู่ ๆ วันนี้ถึงมากินที่นี่ล่ะคะ” เพราะฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งที่เคยไปบ้านของเขาเหมือนจะมีทั้งคนงานและแม่บ้านอยู่กันหลายคน แน่นอนว่าเขาต้องมีคนทำมื้อเย็นให้อยู่แล้วเลยนึกสงสัยขึ้นมา “อยากกินข้าวด้วย” และเขาก็ยังคงตอบสั้น ๆ เหมือนเดิม “อ๋อ เหงาใช่ไหมล่ะ ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวน้องสาวคนนี้จะกินข้าวเป็นเพื่อนลุงเอง” ฉันบอกทีเล่นทีจริง ทั้งยังส่งรอยยิ้มซุกซนให้คนตรงหน้าที่โดนแกล้งโดยการเรียกว่าลุง “ไม่ได้อยากให้เป็นน้องสักหน่อย...” “อะไรนะคะ” อะไรนะ เขาพูดเบามากเลยฉันไม่ได้ยิน “เปล่า…” “อ้าว หรือว่า...โกรธเหรอคะที่เรียกว่าลุง” ฉันทวนถาม เพราะบางทีตัวเองอาจจะแซวแรงเกินไป เพราะเคยชินกับการเรียกพี่ชายแบบนั้นเวลาต้องการแกล้ง บางครั้งก็หลงลืมว่าคนอื่นอาจจะไม่ได้สนุกเหมือนกับตัวเอง “ขอโทษนะคะ จะไม่เรียกแล้ว” “ไม่ใช่ ไม่ได้โกรธ อย่าคิดมากเลย” “...” “จริง ๆ ไม่ได้โกรธเลยครับ เรียกได้” “จริงนะคะ?” ทวนถามอย่างไม่เชื่อหู แต่ก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะไม่เรียกเขาแบบนั้นแล้ว “ครับ เรียกอะไรก็ได้ ไม่ถือ” “ขอบคุณค่ะ แต่บางครั้งเราก็เล่นแรงเกินไป ถ้าไม่ชอบบอกได้เลยนะคะ” “ชอบ ชอบอยู่แล้ว เล่นได้” อีกฝ่ายตอบกลับมาทั้งยังจ้องตากับฉันอย่างต้องการสื่อความนัย และฉันก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่อีกฝ่ายบอกว่าชอบน่ะ หมายถึงว่าเขาชอบที่ถูกเรียกว่าลุงใช่ไหม? ถ้าใช่ก็แปลกดีเหมือนกัน คนอะไรชอบโดนเรียกว่าลุง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD