Stay Hug ที่พบรัก 9
“พร้อมหรือยัง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามฉันจึงพยักหน้าส่งให้ ใบหน้าหล่อเหลาพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วเดินนำไปที่ลานจอดรถ วันนี้รถคันที่อีกฝ่ายใช้ไม่ใช่รถกระบะสี่ประตู แต่เป็นรถเอสยูวีสัญชาตินอกคันหนึ่ง คุณแทนคุณช่วยเปิดประตูให้ฉันก่อนจะที่เขาจะค่อย ๆ ส่งเจ้าเหมียวตัวเล็กมาให้อุ้ม หลังจากที่ยืนรอฉันคาดเข็มขัดนิรภัยให้เสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะ”
“ครับ” อีกฝ่ายรับคำ และเดินกลับมาที่ฝั่งคนขับ ระหว่างที่เราต้องเดินทางเข้าตัวจังหวัดซึ่งจะใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิด ๆ ในการเดินทาง และเป็นหนึ่งชั่วโมงที่เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย สารถีดีกรีเจ้าของไร่เก่าแก่ขับรถอย่างตั้งใจ ส่วนฉันนั่งมองวิวข้างทาง สลับกับมองเจ้าเหมียวบนตัก พักหนึ่งก็แอบชำเลืองมองมุมข้างของคนขับรถจำเป็น
“รอบที่เจ็ดแล้วนะที่หันมามองน่ะ” และเขาคงทนไม่ไหว ถึงได้เอ่ยถามเจือเสียงหัวเราะ
“นับเหรอคะ?”
“ใช่ นี่ไง ทำหน้าตลกอีกแล้ว”
“โธ่ อย่าแซวกันเลยน่า ก็เพิ่งเคยนั่งรถมากับคุณครั้งแรกมันก็ออกจะแปลก ๆ หน่อยนี่นา” ฉันตอบอย่างพยายามเป็นกันเองโดยไม่ปิดบังความรู้สึก ตอนนั้นมัวแต่ตื่นเต้นที่เจ้าแมวตัวเล็กจะได้มีบ้านอยู่ดี ๆ โดยที่ไม่ต้องตากฝน แต่พอขึ้นมานั่งบนรถได้และดึงสติตัวเองกลับมาถึงได้รู้ตัวว่าฉันขึ้นรถมากับคนที่เพิ่งรู้จักกันสองวัน
“ฟังดูแก่จังเวลาเรียกคุณแบบนี้น่ะ” คนข้าง ๆ พึมพำเสียงเบา แต่เพราะภายในรถนั้นเงียบมากจึงทำให้ฉันได้ยินเสียงของเขา
“แล้วจะให้เรียกอะไรดีคะ ลุงดีไหม?”
“อันนั้นก็ออกจะเกินไปหน่อยมั้ง หรือผมหน้าแก่เหรอ” คนข้าง ๆ หลุดหัวเราะเบา ๆ จังหวะที่เขาเหลือบสายตามามองหน้าฉันทำให้หัวใจแอบเต้นแรงนิดหน่อย
“ก็...”
“ผมอายุสามสิบ คิดว่าไง จะเรียกว่าอะไรดี” คนข้าง ๆ บอกอายุตัวเอง
“อ้าว อายุเท่าพี่ชายคนโตฉันเลย งั้นเรียกลุงแล้วกันค่ะ”
“ไม่ดีมั้งคุณ”
“ดีสิคะ ฉันเรียกพี่อชิ เอ๊ย หมายถึงพี่ชายคนโตน่ะค่ะ ฉันเรียกเขาว่าลุงเหมือนกัน แบบถึงจะอายุแค่สามสิบแต่ชอบบ่นเหมือนคนแก่อะ บ่นงุ้งงิ้ง ๆ อยู่คนเดียว ไหน ๆ คุณก็อายุเท่าพี่ชายฉันละ เรียกลุงเหมือนกันคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ฉันยิ้มซุกซนส่งให้คนข้าง ๆ จนตาหยี ได้แกล้งคนอายุเยอะกว่าก็สนุกดีนะ
“อ่า เอาเถอะอยากเรียกอะไรก็เรียก”
“คิกคิก ไม่โกรธนะคะ” ถึงอย่างนั้นก็ชะโงกหน้าไปถามอีกรอบ
“ไม่โกรธ ก็แปลก ๆ นิดหน่อยนั่นแหละแต่ไม่อะไรอยู่แล้ว ถึงแล้ว คลินิกนี้ใกล้กว่าในตัวเมือง ให้ลงไปด้วยไหม?” คุณแทนคุณเอ่ยถามเมื่อเคลื่อนรถมาจอดยังลานจอดรถหน้าคลินิกรักษาสัตว์ ที่อยู่แถบนอกเมืองยังไม่ต้องเข้าไปถึงตัวจังหวัด
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวลงไปเอง”
“ครับ ผมรออยู่ที่รถนะ” อีกฝ่ายบอกแค่นั้น ฉันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูรถและอุ้มเจ้าเหมียวเข้าไปในคลินิก
“สวัสดีค่ะ น้องเป็นอะไรมาคะ?” เสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยถามฉันอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ พาน้องมาตรวจสุขภาพค่ะ พอดีน้องเป็นแมวจรทางนี้เพิ่งตีซี้ได้เมื่อเช้า ก็เลยพามาเช็กสุขภาพสักหน่อย” รีบแจ้งความประสงค์ต่อพนักงานและคุณหมอที่เดินออกมาต้อนรับ คุยกันสักพักคุณหมอก็พาเจ้าตัวเล็กเดินหายเข้าไปด้านหลังร้าน ฉันที่นั่งรออยู่ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตอบข้อความเพื่อนในกลุ่มแชตที่ส่งมาถามอาการป่วยรวมถึงเรื่องที่คุณแทนคุณมาหาที่โรงแรม ไม่รู้ว่าเพื่อนรู้ได้ยังไงแต่ก็เลือกที่จะตอบออกไปตามตรงว่าเขาแวะเอาชาข้าวโพดมาให้เท่านั้นและไม่ได้เอ่ยถึงสถานการณ์ตอนนี้ที่ฉันให้เขาพามาที่คลินิกรักษาสัตว์
“น้องไม่มีโรคนะครับ แต่เหมือนจะขาดสารอาหาร หมอฉีดวิตามินให้แล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก แต่น้องยังเป็นแมวเด็กต้องคอยระวังเรื่องอาหารสักหน่อยนะครับ บางอย่างน้องก็กินไม่ได้” คุณหมอที่หายเข้าไปตรวจเจ้าแมวเด็กสักพักใหญ่ออกมาแจ้งข่าว
“ขอบคุณค่ะ แล้วมีแนะนำไหมคะว่าต้องให้น้องกินยังไงบ้าง คือไม่เคยเลี้ยงเลยค่ะ” หลังจากที่ขอคำแนะนำไป คุณหมอและพี่พนักงานก็ใจดีช่วยแนะนำทั้งของที่ต้องใช้ อาหารที่น้องกินได้ และในระหว่างที่เลือกซื้อของอยู่นั้นจู่ ๆ คนที่บอกว่าจะรออยู่ที่รถก็เดินเข้ามาด้านใน และฉันจะไม่ตกใจเลย หากคุณหมอไม่ได้เอ่ยทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง
“อ้าวไอ้คุณ มาได้ไง”
“...” คนที่ถูกเรียกว่าด้วยความสนิทสนมไม่ได้ตอบรับ แต่ใช้สายตามองฉันแทน
“อ้อ ก็ว่ารถคุ้น ๆ นั่งก่อนน้องกำลังเลือกของให้แมว”
“อือ อย่าลืมคิวเข้าไปตรวจวัวที่ฟาร์ม”
“ครับ ๆ รู้แล้วครับเพื่อน” ระหว่างที่ฉันกำลังเลือกของใช้ให้เจ้าแมว หูก็ดันได้ยินบทสนทนาชัดเจน จึงรู้ว่าคนทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน กระทั่งจัดการทุกอย่างเสร็จก็จ่ายเงินทั้งค่าของและค่ารักษา
“เรียบร้อยค่ะ” ฉันหันไปบอก สักพักคุณเจ้าของไร่ก็ขยับเข้ามาช่วยถือของ แต่ก็ถือไม่หมด ลำบากคุณหมอต้องหิ้วของมาส่งถึงรถอีก ส่วนฉันมีหน้าที่อุ้มเจ้าเหมียวในกระเป๋าแมวที่เพิ่งซื้อใหม่มาที่รถ
“อย่าลืมพามารับวัคซีนนะครับ” คุณหมอเอ่ยย้ำ
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับและนั่นเราถึงได้เดินทางกลับมายังบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่บ้านฉัน แต่เป็นบ้านของคุณสารถีหน้าดุข้างกาย ที่ต้องใช้เส้นทางในไร่ขับผ่านแปลงนาที่อยู่บริเวณหน้าทางเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงสี่แยกที่ครั้งหนึ่งฉันเคยขับเลยเข้าไป เพื่อส่งเครื่องดื่มให้อีกฝ่าย แต่ในวันนี้คุณแทนคุณเลี้ยวไปยังถนนฝั่งขวา ขับต่อไปอีกสักพักใหญ่ พื้นที่โดยรอบก็ยังคงเป็นต้นลำไยที่มองจากตรงนี้คงไม่สามารถประเมินได้ว่ามีขนาดกี่ไร่ กระทั่งถึงบริเวณรั้วบ้าน เมื่อรถชะลอช้าลง ประตูรั้วก็ถูกเปิดกว้าง เผยให้เห็นบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านตาอยู่ท่ามกลางสวนลำไย
“ลงมาก่อน” คุณแทนคุณเอ่ยบอก แล้วเปิดประตูลงจากรถไป ส่วนฉันก็ค่อย ๆ เปิดประตูก้าวลงจากรถตาม เป็นจังหวะเดียวกับที่มีพี่ ๆ ผู้หญิงรีบเดินออกจากตัวบ้านเข้ามาใกล้
“เอาไปไว้ที่ห้องนั่งเล่นก่อน”
“จ้ะนาย” พี่ ๆ ขานรับ แล้วช่วยกันถือข้าวของมากมายไปเก็บตามที่ผู้เป็นนายบอก ฉันยกยิ้มให้กับพี่สาวคนหนึ่งที่มองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามหลังเจ้าของบ้านเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่
“เฮีย! มีกาแฟมาให้ไหม?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากบันได เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดมา เค้าโครงใบหน้าเหมือนกับคุณแทนคุณหลายส่วน แน่นอนว่าหากเหมือนกัน แสดงว่าต้องหล่อมาก ดูเหมือนจะสูงใกล้เคียงกันด้วยนะ แต่ที่แตกต่างคือผิวของคนที่ฉันเพิ่งเคยเจอนั้นดูขาวกว่าคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันในตอนนี้
“ไม่มี ไม่ได้ซื้อ”
“อะไรกัน แล้วนี่พาใครมาบ้านด้วยอะ?” คนมาใหม่ทวนถามทั้งยังหรี่ตามองฉันด้วยความสงสัย
“นี่อิงดาว น้องของอชิ น้องดูแลสเตย์ฮัก” อ้าว นี่เขารู้จักพี่ชายฉันด้วยเหรอ? ทำไมถึงได้เรียกด้วยความสนิทสนมกันแบบนั้นล่ะ
“สวัสดีค่ะ อิงดาวค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้ทักทายคนที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้อย่างทุลักทุเล เพราะมีเจ้าแมวเหมียวที่ไม่ยอมอยู่ในกระเป๋าแมว และกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน
“สวัสดี ๆ พี่ชื่อเทียนฟ้านะ เรียกเทียนก็ได้ครับ เป็นน้องเล็กของบ้าน แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก อยากรู้อะว่าทำไมมาด้วยกันได้?” พี่เทียนฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อ๋อ คือหนูจะฝากคุณแทนคุณช่วยดูแมวให้ชั่วคราวอะค่ะ”
“ฝากดูแมว? อืม ๆ แค่ฝากแมวอะเนอะ” พี่เทียนฟ้าทวนประโยคของฉัน แต่กลับมองผู้เป็นพี่ชายด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“อะไร? ไม่ต้องมอง ไหน ๆ ก็อยู่บ้านแล้ว มาช่วยกันดูแมวด้วยล่ะ”
“จ้างสิ นี่ต้องทำงานนะครับพี่ชาย” พี่เทียนฟ้าต่อรองผู้เป็นพี่ชายอย่างทะเล้น
“เออ ๆ เดี๋ยวโอนให้” และคนเป็นพี่ชายก็ยอมง่ายเสียด้วย
ฉันเลิกสนใจสองพี่น้อง แล้วเปลี่ยนมาช่วยเตรียมของใช้ให้เจ้าแมวเด็กที่ตั้งชื่อให้ว่าสีขาว แน่นอนว่าตั้งชื่อตรงข้ามกับสีขนจริง ๆ ของน้องเพราะน้องมีสีดำทั้งตัว เมื่อเตรียมของทุกอย่างเสร็จก็ขอตัวกลับก่อน เพราะตอนนี้ก็เย็นมากแล้วและเหมือนฝนจะตกอีกด้วย ส่วนคนที่มาส่งฉันก็คือคนที่พาฉันออกมาจากโรงแรมนั่นแหละ ก่อนลงจากรถจึงไม่ลืมเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายที่ช่วยเหลือฉันในเรื่องนี้ คนหน้าดุแต่ใจดีแบบเขาทำฉันซึ้งใจมากจริง ๆ จะยอมเรียกว่าพี่แทนลุงเป็นการตอบแทนแล้วกัน