Stay Hug ที่พบรัก 3
สายแรกลูกค้ายังไม่รับ ฉันจึงชะลอรถแล้วหยุดที่ริมถนน นับว่าดีมาก ๆ ที่ทางเข้าไร่แห่งนี้เป็นถนนคอนกรีตแต่รอบข้างทั้งซ้ายและขวาดันเป็นสวนผลไม้กว้างสุดลูกหูลูกตา และทางฝั่งขวามือเป็นนาข้าวเขียวขจีขนาดย่อม
(ฮัลโหล) เสียงทักทายจากปลายสายทำเอาฉันที่เหม่อมองรอบข้างสะดุ้งตกใจ ไม่นานก็รีบส่งเสียงทักทายกลับไปอย่างเร่งรีบ
“สวัสดีค่ะจากร้านคาเฟ่คาใจนะคะ เอาเครื่องดื่มมาส่งค่ะ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าอยู่จุดไหนของไร่คะ” รีบถามและมองซ้ายมองขวาหาพิกัด
(เครื่องดื่ม?)
“ใช่ค่ะ คุณลูกค้าสั่งไว้ค่ะ”
(ตอนนี้อยู่ตรงไหน” ปลายสายถามเสียงราบเรียบฟังดูดุอยู่ไม่น้อย
“เพิ่งขับเข้าไร่มาสัก เอ่อ สามร้อยเมตรค่ะ”
(ขับตรงเข้ามาเรื่อย ๆ เจอสี่แยกให้ขับตรงเข้ามาอีก จะมีรถจอดอยู่ทางซ้ายมือ ถ้ามาถึงแล้วไม่เจอคนก็ให้โทร. เข้ามาใหม่)
“ค่ะคุณลูกค้า” ฉันวางสายด้วยความกลัว ก็เสียงดุมากขนาดนั้นใครจะไม่กลัวกันล่ะ ฉันขับรถไปตามเส้นทางตรงหน้าเรื่อย ๆ เจอสี่แยกก็ขับต่อไปอีกเล็กน้อยก่อนจะเจอรถกระบะสี่ประตูคันหนึ่งจอดอยู่ แต่ไม่ยักกะเจอคนเลยสักคน จึงต้องตัดสินใจโทร. หาลูกค้าอีกครั้ง
“คุณลูกค้าคะ พอดีอยู่ท้ายรถกระบะแล้วค่ะ”
(...) ลูกค้าไม่ได้ตอบรับ แต่กดวางสายไปเลย ถึงจะงง ๆ แต่ก็แสดงว่าเขารับรู้แล้ว สักพักก็มีผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งเดินออกมาจากสวนผลไม้ เป็นคนเดียวกับที่ฉันเจออยู่ที่ร้านเมื่อช่วงสายของวัน แต่ตอนนี้เขาดูหงุดหงิดมากจนฉันไม่กล้าพูดอะไรมาก ทำเพียงหยิบแก้วเครื่องดื่มลงจากรถพร้อมกับเดินเข้าไปหา
“เครื่องดื่มค่ะ” ฉันส่งแก้วเครื่องดื่มให้ลูกค้า และแอบมองสำรวจไปด้วยอย่างเสียมารยาท คนตรงหน้ามีผิวคล้ำเล็กน้อยอาจจะเป็นเพราะทำงานกลางแจ้ง แต่ทั้งส่วนสูงและใบหน้าที่หล่อเหลา ดวงตาคมเข้มของอีกฝ่ายทำให้ทุกอย่างนั้นดูดีลงตัว
“เท่าไหร่?”
“สองร้อยเจ็ดสิบบาทค่ะ” ว่าพลางยื่นส่งบิลใบเสร็จให้เขาดู
“โอนได้ไหม ไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มา” คนตรงหน้าเอ่ยถาม
“ได้ค่ะ” พยักหน้าเตรียมแจ้งเลขพร้อมเพย์กับเขา และเมื่อเห็นแจ้งเตือนเงินเข้าฉันก็รีบเอ่ยขอบคุณ แล้วกลับมาที่รถตัวเองทันที หนึ่งคือ เกร็ง สองคือ กลัว ก็เขาดุกว่าเมื่อตอนสายมากเลยไม่กล้าอยู่นาน กระทั่งมองเขาเดินห่างออกไป ถึงได้ขับรถออกมา แอบขำในใจกับท่าทางงง ๆ เรื่องเครื่องดื่มของเขา ทั้งที่จ้องจะดุกันขนาดนั้น แต่กลับยอมจ่ายเงินมาง่าย ๆ ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว แต่เดี๋ยวนะ...
“โอนมาห้าร้อยเหรอ?” ฉันชะลอรถเพื่อดูรายการเงินเข้าอีกครั้งพบว่าลูกค้าหน้าดุเมื่อครู่โอนเงินมาห้าร้อย ซึ่งตอนเห็นแจ้งเตือนฉันไม่ได้อ่านตัวเลขดี ๆ พอเห็นแบบนั้นจึงรีบโทร. กลับไปทันที
(ฮัลโหล)
“ลูกค้าโอนเงินเกินค่ะ”
(ให้ค่าส่ง แค่นี้ก่อนงานยุ่ง...) เอ่ยจบก็วางสายไปทันที
“เอ้า? แต่เอาก็ได้ถือเป็นค่าน้ำมัน” ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก จะให้ตามตื๊อขอค*****นไม่เอาหรอกโดนด่ากลับมาไม่คุ้มเพราะลูกค้าดูหงุดหงิดอยู่ เอาละ กลับบ้านกันเถอะ ไม่รู้ว่าที่โรงแรมวันนี้จะเป็นยังไงบ้าง มีลูกค้าซื้อทัวร์กับทางที่พักให้พาเที่ยวด้วยนะวันนี้
ใช้เวลาเดินทางไม่นานฉันก็กลับเข้ามาถึงโรงแรมของตัวเอง เวลาสี่โมงครึ่งแบบนี้อากาศกำลังเย็นสบาย ลูกค้าหลายคนออกมาเดินเล่น นั่งเล่นกันที่โต๊ะสนามหน้าใกล้ลำธาร บางส่วนก็เดินถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ ของที่พัก และมีนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่กำลังเงยหน้ามองต้นลำไยต้นใหญ่ใกล้ลานจอดรถของที่พัก พร้อมกับคุยกันอย่างสนุก
“มันจะกินได้แล้วเหรอ?”
“น่าจะยังนะ ดูยังเด็กน้อยอยู่เลย”
“นั่นสิ”
“แต่ต้นใหญ่มากเลยนะ” ฉันที่เพิ่งลงจากรถได้แต่มองตามยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบพวกเขาเบา ๆ
“ยังกินไม่ได้ค่ะ ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงจะกินได้ แต่มะม่วงตรงนั้นเก็บไปกินได้นะคะ” ฉันส่งยิ้มและชี้นิ้วบอกกลุ่มลูกค้าที่หันมาส่งยิ้มกว้างให้ฉันเช่นเดียวกัน
“กำลังสงสัยเลยค่ะว่ากินได้หรือยัง?”
“ต้องรออีกสองเดือนเลยค่ะ ถ้าอยากชิม ไว้ถึงตอนนั้นมาพักกับเราอีกนะคะ” แกล้งขายที่พักให้ลูกค้าเนียน ๆ จนพวกเขาหัวเราะลั่นอย่างพอใจที่ได้คุยเล่นแบบนี้
“มาแน่นอนค่ะ สงบมาก กิจกรรมก็มีให้ทำเยอะเลย”
“ขอบคุณมากค่ะ อิงดีใจดีที่ชอบนะคะ ไว้ครั้งหน้าถ้ามาอีกจะพามาเก็บลำไยนะ แต่วันนี้ไปเก็บมะม่วงไหมคะเดี๋ยวพาไป” ฉันเอ่ยถาม และเหมือนจะมีแขกอีกสองคนมองมาทางเราด้วยความสนใจ
“เจ้าของจะไม่ว่าเหรอคะ?” หนึ่งในกลุ่มลูกค้าเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“ไม่ว่าหรอกค่ะ คุณลูกค้าไปด้วยกันไหมคะ เก็บมะม่วง?” ฉันเอ่ยชวนลูกค้าอีกสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ขอไปดูด้วยได้ไหมคะ” ลูกค้าผู้หญิงเอ่ยถาม
“ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” ฉันผายมือเชิญกลุ่มลูกค้าที่กำลังตื่นเต้นกับต้นมะม่วงและต้นลำไย ต้นมะม่วงยังมีผลอยู่บ้าง จึงมีเพียงพอให้ลูกค้าได้เก็บไปชิม กลุ่มที่มากางเต็นท์ฉันแจ้งไปแล้วแหละว่าหากอยากกินมะม่วงก็เก็บได้เลย แต่ส่วนมากทุกคนก็เกรงใจ ระหว่างที่พาลูกค้าเดินชมสวนต้นมะม่วงก็อธิบายและแอบขายทัวร์ของที่พักให้ลูกค้าไปด้วย แต่ไม่ได้ยัดเยียด แค่เป็นการเสนอให้ลูกค้าตัดสินใจเอง
จวบจนถึงช่วงเย็นก็แยกย้ายจากลูกค้า ฉันกลับเข้าไปยังล็อบบีเพื่อตรวจเช็กงานรายวัน และเป็นช่วงเวลาที่มีลูกค้านั่งอยู่ที่โต๊ะเก้าอี้รออาหารเย็นที่สั่งไว้ พร้อมกับกลิ่นหมูกระทะหอม ๆ นั้นช่างเรียกน้ำย่อยของฉันได้อย่างดีเยี่ยมเลยแหละ