"ทำไมวันนี้ยังไม่กลับอีกคะ" พิพัฒน์โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงานของคุณหมอ เหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
"เมื่อคืนแอบหนีงานไปสองชั่วโมงค่ะ เลยต้องนั่งเคลียร์งานก่อนกลับ" เขาจึงเดินเข้ามาในห้องและนั่งลงตรงข้าม
"อย่าจริงจังมากสิคะ พักบ้างก็ได้ ไปทานข้าวเช้ากันเถอะค่ะ" เขาบอกอย่างอารมณ์ดี
"ไว้วันหลังดีกว่าค่ะ พอดีวันนี้มีธุระต่อ" ส่งยิ้มให้สามีตามกฎหมายเพียงนิด ก่อนจะก้มลงอ่านแฟ้มงานตรงหน้าต่อ
"ก็ได้ค่ะ งั้นพี่ไปนะคะ" เขาจึงยอมเดินออกจากห้อง
"เห้อ..." คุณหมอถอนหายใจออกมา เขาคือผู้ชายที่แสนดี สุภาพ ไม่น่ารำคาญ มาก่อกวนทำให้ยิ้มได้ทุกวัน
'ครืด ครืด' เสียงโทรศัพ์ดังขึ้น ปลายสายคือ ฝ่ายอำนวยการคอนโด
"มาหาใครคะ" พอใจหันมองตามเสียงทักทาย พนักงานประจำของคอนโด เดินมาทัก เพราะท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ดูไม่น่าจะเป็นลูกบ้าน ยิ่งเรียกความสนใจให้หล่อน และการดูแลสถานที่นี้คือหน้าที่ ดังนั้น หล่อนจำต้องเข้ามาตรวจตรา
"คือ... หนูไม่ได้มาหาใคร หนูอยู่ที่นี่"
"ห้องไหนล่ะคะ" คำถามเหมือนจับผิด
"ห้อง อ้อ... ห้องหมอมะนาวน่ะค่ะ" ตอบออกมาอย่างนึกขึ้นได้ เพราะว่าจำเบอร์ห้องไม่ได้ จะนึกออกก็แค่ชื่อเจ้าของห้อง
"เป็น น้อง เหรอคะ" ในคอนโดแห่งนี้ เท่าที่รู้ก็จะมีเพียงคนเดียวที่เด็กสาวตรงหน้าเอ่ยถึง แต่ที่ไม่น่าเชื่อคือ ปกติ หมอมะนาวไม่เคยพาแขกมาที่ห้อง เธอเอาหัวเป็นประกัน และจำลูกบ้านในคอนโดได้ทุกคน เธอว่าเป็นพรสวรรค์ส่วนตัว ที่จะสามารถจดจำและรู้พฤติกรรมของสมาชิกในคอนโดทุกคน เอาเป็นว่าความรอบรู้และความสอดรู้ ก็มีเส้นบางๆ กั้น
"ใช่ ใช่ค่ะ" เด็กสาวพยักหน้ารัวๆ
"แล้วจะมาอยู่ประจำหรือ ชั่วคราว"
"ไม่นานค่ะ แค่ชั่วคราว"
"เดี๋ยวๆ พี่จะไปไหน" เพราะเห็นว่าหล่อนเดินกลับไปทางเก่าจึงรีบเดินตาม
"จะโทรไปเช็คกับลูกบ้าน เพราะน้องดูไม่น่าไว้ใจ" ก่อนจะเปิดสมุดเล่นหนา มือไล่เรียงหารายชื่อที่ต้องการ
"ไม่ได้การละ" เด็กสาวเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมยื่นมือไปจับมือพี่สาวตรงหน้าเพื่อหยุดการกระทำนั้น หากหมอมะนาวรู้ว่าเธอลงมาเดินเพ่นพ่านแถวนี้คงโดนดุจริงๆ แน่
"หนูเป็นน้องพี่หมอมะนาวจริงๆ นะคะ แล้วเมื่อคืนก็มาพักกับพี่แบบกะทันหัน แล้วตอนเช้าหนูก็ลงจากห้องมาโดยที่ลืมไปซะสนิทว่าไม่มีกุญแจ แล้วตอนนี้หนูก็แทบจะเป็นบ้า เพราะถ้าหากพี่หมอรู้ว่าหนูแอบลงมาซื้อไอ้โอเลี้ยงบ้านี่ คงโดนดุแน่ๆ นะ นะ นะคะ อย่าฟ้องพี่หนูเลย" พยายามทำหน้าตาให้น่าสงสารที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เมื่อคืนมาพร้อมคุณหมอใช่มั้ย"
"ใช่ค่ะ" พอใจรีบตอบทันควัน
และแค่คำบอกเล่าของเด็กสาวอย่างเดียวคงไม่พอ เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน พนักงานดีเด่นอย่างเธอและพอใจจึงต้องเข้ามานั่งกันอยู่หน้าจอขนาดใหญ่ เพื่อพิสูจน์คำพูดของเด็กสาว ภาพผู้คนเข้าออกถูกฉายเรื่องราวของเมื่อคืนนี้ จนพาให้คนไม่คุ้นชินเริ่มตาลาย ดูดโอเลี้ยงเข้าปากจนหมดแก้วอย่างแก้เก้อ
"ห๊า! " พนักงานสาวคนนั้นร้องออกมากับภาพที่เห็น ก็ที่เด็กสาวพูดนั้นคือเรื่องจริง หมอมะนาวผู้ไม่สุงสิงกับใคร ดันมีน้องสาว นี่เป็นข่าวใหญ่
"พี่สาวคนสวยมีกุญแจห้องใช่มั้ยคะ" หันไปยิ้มหวานให้คนจ้องจับผิด
"ไม่มีจ้ะ"
การที่ไปเสียเวลาดูวิดีโอกับพี่สาวคนนั้น ช่างไร้ประโยชน์เสียเหลือเกิน เพราะตอนนี้เธอถูกพาให้มานั่งยังโซนรับรองสำหรับแขก มากกว่าจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของลูกบ้าน
"รีบไปกันเถอะค่ะ" เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียก พร้อมกับเดินตรงดิ่งไปหน้าลิฟท์โดยไม่รอเลยสักนิด
"จะรีบไปไหนนะ" บ่นออกมาก่อนจะเดินตามไปติดๆ ลิฟท์ที่พวกเธอเพิ่งเข้ามาหยุดอยู่ที่ชั้น 17 นี่คือสิ่งที่เด็กสาวต้องจำ และ 1710 เบอร์ห้อง นี่ก็ต้องจำ
"นั่งสิ เราต้องคุยกัน" เอ่ยชวนเด็กสาวที่ยืนเก้ๆ กังๆ หน้าประตู ให้มานั่งด้วยกันที่โซฟา
"ยืนคุยตรงนี้ก็ได้" บอก ก่อนจะทำเป็นเดินเยื้องย่างเกาะกำแพงไปเรื่อย
"มานั่งคุยค่ะ" กดเสียงต่ำแบบนั้นยิ่งทำให้พอใจต้องยอมเดินไปนั่งข้างอย่างอิดออด แถมยังแอบทำปากขมุบขมิบ
"นี่คีย์การ์ดค่ะ สำหรับเข้าห้อง" พอใจยื่นมือไปรับ
"วันนี้จะพาไปซื้อเสื้อผ้า และจะพาไปมหาลัยฯ "
"ปะ...ไป ทำไม" เกรงว่าคุณหมอมะนาวจะรู้เรื่องหอพักที่ตัวเองแอบติดต่อไว้
"ก็เพิ่งมานี่คะ ต้องดูสถานที่เสียหน่อย เพราะหมอคงไปส่งพอใจทุกวันไม่ได้" เพราะงานที่ไม่เป็นเวลา จึงไม่สามารถรับปากเรื่องดูแลพอใจได้ตลอด แม้จะห่วง แต่ก็ต้องแน่ใจว่าเด็กสาวจะสามารถดูแลตัวเองได้
"เห้ย...ไม่ต้องหรอกหมอ โตแล้วนะ เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องเป็นห่วง" ปฏิเสธทันควัน ยิ่งหมอมะนาวพูดเรื่องการเดินทาง ยิ่งปวดหัวจี้ดขึ้นมา นี่หล่อนจะตามติดไม่ให้ได้มีอิสระบ้างเลยเหรอ
"ต้องห่วงสิคะ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา มายเอาหมอตายแน่" หล่อนย้ำ
"ชิ! ถ้าห่วงนัก ก็สั่งมาได้เลยค่ะคุณหมอ" ก็ในเมื่อคนตรงหน้าดูเหมือนจะห่วงตัวเองมากกว่า
"ค่ะ งั้นอย่างแรกก็เลิกประชดประชัน"
"ค่ะ! " กัดฟันตอบออกไป
"คงจะยาก ถ้าให้พอใจเลิกประชด" หล่อนสรุป
"ใช่ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอพูดตรงๆ เลยนะ ว่าหนูไม่ได้อยากอยู่กับหมอ"
"แต่หมออยากให้พอใจอยู่ด้วย หมอเหงา อยู่ด้วยกันเถอะค่ะ"
"ไม่! ไม่มีเพื่อนหรือไง" อะไรเนี่ยทำไมจะต้องอยากให้เธอเป็นเพื่อนด้วย
"ค่ะ หมอไม่มีเพื่อนหรอก"
"แล้วยังไงเล่า ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนด้วยสักหน่อย แล้วแก่กว่าแบบนี้เป็นเพื่อนไม่ได้หรอก ถ้าเป็น แม่ ป้า น้า อา หรือเป็นญาติผู้ใหญ่น่าจะได้" แว้ดออกมาอย่างไม่พอใจเสียยืดยาว จนคุณหมอถึงกับกลั้วหัวเราะก่อนจะเอ่ยออกมา
"เข้าใจพูดนะคะ งั้นก็เปลี่ยนจากเพื่อนเป็นญาติก็ได้ค่ะ แต่เป็นพี่สาวได้หรือเปล่า"
"เห้อ...น่าเบื่อ หมอเนี่ยเป็นผู้หญิงที่น่าเบื่อที่สุดในโลกเลย" ทิ้งตัวลงพิงพนักโซฟานุ่มๆ ด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก
"เรียกพี่หมอก็ได้นะคะ แล้วก็ลุกไปอาบน้ำค่ะ หมอก็จะอาบเหมือนกัน รู้สึกเหนียวตัว"
"อ้อ ต่อไปก็ใช้ห้องนั้นนะคะ ในนั้นมีห้องน้ำ อาบในนั้นได้เลย" เธอชี้ไปที่ห้องนอนข้างๆ กันที่เพิ่งให้แม่บ้านมาทำความสะอาด แถมพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินเข้าห้องตัวเองอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้เด็กสาวนั่งฟึดฟัดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินเข้าห้องอย่างเสียไม่ได้
"ถ้าออกจากที่นี่เองไม่ได้ ก็ต้องทำให้ไอ้พี่หมอนั่นไล่ฉันออกเอง ชิ! ให้เรียกพี่เหรอ ฝันไปเถอะ เรียกป้าซะยังดีกว่า" เอ่ยบอกตัวเองเบื้องหน้ากระจกภายในห้องน้ำอย่างจริงจัง ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูพาดไหล่และเดินเข้าตู้อาบน้ำ
'ก๊อก ก๊อก' เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับจากคนด้านใน จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเอง ก่อนจะค่อยๆ ย่องไปหาของที่ตัวเองต้องการนั่นคือกระเป๋าเป้ ที่วางไว้ในห้องนอนคุณหมอตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนจะลากถูมันออกจากห้องอย่างทุลักทุเลเพราะสภาพตัวเองตอนนี้มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวห่มกาย และ 'เปรี้ยง'
"โอ้ย! " เด็กสาวกระเด็นร่วงลงพื้น เพราะถูกประตูฟาดเต็มหน้า
"ว้าย" คุณหมอร้องออกมาด้วยความตกใจ
"เจ็บนะเนี่ย เปิดออกมาได้ ไม่เห็นคนหรือไง" ลูบหัวตัวเองป้อยๆ
"ขอโทษค่ะ" ตอบออกมาอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะยื่นมือไปช่วย
"ไม่ต้องเลย ลุกเองได้" พร้อมกับปัดแขนคุณหมออย่างไร้เยื่อใยแล้วรีบลุกขึ้นเดินไปทางประตูพร้อมกับกระเป๋าใบนั้น ไม่วายหันมาค้อน
"อะไรของเค้า" ได้แต่บ่นกับความฉุนเฉียวของเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจ
ก็แล้วทำไมฉันถึงไม่ชอบหมอมะนาวนะเหรอ เพราะความจุ้นจ้าน ทำเป็นรู้ดีไปหมดเสียทุกอย่าง เราเคยเจอกันตั้งแต่ปีที่แล้ว แถมยังเป็นคนที่เจ้านายของฉันแอบรักมาตั้งแต่สมัยสาวๆ ดังนั้นเลยรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตาตั้งแต่นั้นมา แต่! หล่อนก็ยังคงทำดีกับฉันตลอด คงเพราะเป็นผู้ใหญ่ล่ะมั้ง จึงไม่สนใจกับท่าทางของเด็กอย่างฉัน ที่นานๆ จะเจอกันที ไม่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้
"เราดีกันแล้วไม่ใช่เหรอ" เมื่อเข้ามานั่งด้วยกันภายในรถ เป็นคุณหมอที่เปิดประเด็นก่อน เพราะเธอไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่จะไม่รู้สึกอะไรกับปฏิกิริยาปั้นปึงของเด็กสาว และคงจะไม่ดีแน่ในอนาคต
"ใครบอกว่าดี อย่าคิดเองเออเอง"
"ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้ หมอคงต้องบอกมายหรือคุณสวย และพอใจคงรู้แล้วใช่มั้ยเรื่องข้อตกลงระหว่างที่เรียน"
"รู้สิ ใจเย็นๆ นะหมอ คุยกันดีๆ ก็ได้" คราวนี้พอใจถึงกับเสียงอ่อนลง ราวกับคนละคน
ก็เจ้านายทั้งสองของฉันที่คุณหมอเอ่ยถึงน่ะ คงจะจัดส่งฉันกลับเกาะด้วยช่องทางไปรษณีย์แน่ หากไม่ยอมพักอาศัยอยู่กับหมอมะนาวในระหว่างที่กำลังศึกษา พวกเธอว่าฉันต้องมีผู้ปกครองคอยอบรมและสั่งสอน ฉันจึงขัดไม่ได้
"งั้นเราก็เข้าใจกันตรงแล้ว ส่วนเรื่องที่อยากออกไปอยู่ข้างนอก หมอจะเป็นคนตัดสินใจเอง"
"จริงเหรอ" เด็กสาวหน้าตาตื่นอย่างดีใจ
"แต่ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ"
"นิสัยไม่ดี ชอบให้ความหวัง" คราวนี้บอกออกมาอย่างทีเล่นทีจริง ปากยื่นปากยาว ไม่ได้ดูตึงๆ เหมือนทีแรก ซึ่งคุณหมอก็ดูสบายใจขึ้นมาได้บ้าง ที่คนข้างๆ หายจากอาการงี่เง่า กลายมาพูดจากวนๆ แทน ซึ่งอย่างน้อยมันก็ดีกว่า
หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจโดยที่คุณหมอเอาชื่อของเจ้านายทั้งสองมาข่มขู่ พอใจก็กลับมาเป็นปกติ เธอเริ่มจะรู้จักวิธีปรามเด็กสาวบ้างแล้ว
"นึกว่าจะพาไปห้าง"
"ร้านนี้น่ะดีแล้วค่ะ ร้านเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยหมอยังเป็นนักศึกษา ราคาไม่แพงเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย" หล่อนเอ่ยออกมาอย่างภูมิใจ
"สวัสดีค่ะเฮีย" คุณหมอ ยกมือไหว้และเอ่ยทักทายคนแก่ร่างท้วมทันทีที่เข้ามาถึง เขานึกอยู่สักพักก่อนจะใช้สายตาเพ่งใบหน้า
"อามะนาวใช่มั้ย" ภาษาไทยสำเนียงจีนเอ่ยออกมา
"ค่ะเฮีย"
"กี่ปีแล้วเนี่ยที่ไม่ได้เจอกัน"
"น่าจะตั้งแต่หลังจากเรียนจบค่ะ"
"อืม...นานมากเลยนะ แล้ววันนี้มีอะไรให้เฮียรับใช้ล่ะ"
"พอดีอยากได้ชุดนักศึกษาสำหรับเจ้าตัวเล็กน่ะค่ะ" พูดพลางคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเด็กสาวให้มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา พอใจได้แต่ยิ้มแหยๆ ก็อยู่ๆ คุณหมอก็จู่โจมแบบไม่ได้ทันตั้งตัว
"ลูกสาวเรอะ"
"ป่าวค่ะ" ทั้งคู่ตอบออกมาพร้อมกัน
"น้องสาวค่ะ" คุณหมอจคงอธิบายเพิ่มให้เขาได้พยักหน้าเข้าใจ
"เด็กปีหนึ่งล่ะสิ หน้าใสๆ แบบนี้ ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ"
"พอใจค่ะ"
"ผิวพรรณดี หน้าตาก็ดี อยากเป็นดารามั้ย ลูกเฮียก็เป็นดารา ไอดอลอะไรนั่นน่ะ เฮียก็พูดไม่ถูกหรอก สมัยนี้ตามวัยรุ่นมันไม่ทัน ถ้าสนใจให้ลูกเฮียพาเข้าวงการได้น่ะ"
"ไม่สนใจหรอกค่ะ ปีหนึ่งคงต้องขยันเรียนหนักหน่อย" คุณหมอตอบแทนให้เสร็จสรรพ ไม่เห็นด้วยอย่างแรงหากเอาเวลาเรียนไปทำแต่งาน โดยแยกแยะและแบ่งเวลาไม่เป็น
"ที่ลื้อพูดก็ถูก ลูกสาวเฮียเนี่ยเรียนมาหลายปีแล้วไม่จบสักทีเพราะเอาแต่ไปเต้นกินรำกิน ไม่รู้จะ..."
"ฮะแฮ่ม! " เสียงกระแอมดังมาจากด้านในราวกับจงใจให้เขาหยุดพูด ก่อนจะมีผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกับอาเฮียเดินออกมา สังเกตใบหน้าหล่อนเหมือนจะไม่ค่อยพอใจสามีเท่าไหร่ เพราะเห็นสายตาค้อนๆ นั่น ก็แหงแหละ เพราะเฮียเพิ่งจะนินทาลูกสาวสุดที่รักของเธอไป จนทำให้สามีใบหน้าเจื่อนลง แสร้งทำทียุ่งกับงานตรงหน้าขึ้นมา
"สวัสดีค่ะเจ๊" หมอมะนาวยกมือไหว้และเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นว่าเป็นใครพาให้พอใจต้องยกมือไหว้ตาม ซึ่งหล่อนก็รับไหว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก
"จะซื้อชุดนักศึกษาไม่ใช่เหรอ ตามมาสิ มัวแต่คุยกันอยู่ได้ เสียเวลาทำมาหากิน" น้ำเสียงตำหนินั่นไม่ได้ทำให้ใบหน้าคุณหมอหุบยิ้มลงเลย ราวกับเตรียมใจมาอยู่แล้ว ต่างจากพอใจที่ดูเกรงกลัวผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ก็ท่าทางกระฉับกระเฉง ว่องไว ราวกับผู้ชาย แถมใบหน้าที่หงิกงอ คำพูดกระแทกแดกดันนั่นอีก
"ไปเถอะค่ะ" กระซิบบอกพอใจที่ยืนนิ่งด้วยนำเสียงเบาหวิวก่อนจะดันไหล่ให้ตามผู้หญิงคนนั้นไปอย่างอารมณ์ดี
"มหาลัยฯ อะไร และเอากี่ชุด" เธอเอ่ยถามห้วนๆ ระหว่างทางแอบลอบสังเกต ชุดนักศึกษา ชุดนักเรียน หลากหลายแบบ หลายยี่ห้อ จัดเรียงบนชั้นและมีป้ายบอกชัดเจน จำนวนมากมายนั่นสูงแทบท่วมศีรษะ จนแอบเห็นบันไดสูง นั่นคงใช้เป็นตัวช่วยในการหาสินค้า และที่ไม่อาจละสายตาได้คือเหล่าพนักงานมากมายที่กำลังแข็งขันทำงาน บ้างก็จัดเรียง บริการลูกค้า หรือไปถึงแพ็คสินค้าลงกล่อง
"มหาลัย... ห้าชุดค่ะ"
"ปีหนึ่งล่ะสิ"
"ค่ะ" หล่อนหันมาลอบสังเกตมองพอใจครู่หนึ่งก่อนจะเอาออกมา
"พวกลื้อนั่งรอตรงนี้แหละ เดี๋ยวเอามาให้ลอง ไซส์เอสใช่มั้ย เสื้อน่าจะ 36 ใส่หลวมๆ อย่าไปใส่แน่นรัดติ้วโชว์นมมาก เด็กสมัยนี้มันชอบโชว์" พูดจบก็เดินหายไปในมุมทิ้งให้ลูกค้าทั้งสองนั่งรอ
"ป้าคนนั้นปากจัดดีนะหมอ" แอบกระซิบบอกคนตัวสูงที่นั่งติดกัน
"ปกติก็ไม่อารมณ์เสียแบบนี้หรอกค่ะ ถ้าเฮียไม่แอบว่าลูกสาวสุดที่รัก" คุณหมอก้มลงบอก นั่นทำให้พอใจพยักหน้าเข้าใจ
"เอ้อ...หมอ จริงๆ แล้วหนูตั้งใจจะซื้อชุดนักเรียนแค่สามชุด ห้าชุดน่ะมันมากไป เปลืองเงิน" หันไปบอกคุณหมออย่างจริงจัง
"งั้นพอใจก็จ่ายแค่สามชุดค่ะ อีกสองชุดหมอจะจ่ายให้"
"ไม่เอา จะจ่ายให้ทำไม รวยนักหรือไง" รู้สึกเกรงใจขึ้นมา แค่อยู่ด้วยกันก็รู้สึกว่าเป็นภาระแล้ว หากต้องให้คุณหมอซื้อนั่นซื้อนี่ให้อีก ก็ดูจะแปลกไปเสียหน่อย
"ค่ะ หมอรวยมาก"
"เอาเป็นว่าถ้าพอใจทำงานเมื่อไหร่ ค่อยใช้คืน ที่หมอออกให้ก็ได้"
"โห...นั่นน่ะนานมากเลยนะ จะเรียนจบหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ ต้องเรียนจบสิ"
"ก็ลุงผู้ชายคนเมื่อกี้บอกว่า ลูกสาวเรียนหลายปีแล้วไม่จบสักที มันคงยากมากเลยใช่มั้ย" ก่อนจะพูดประโยคนี้ออกมา ต้องแอบมองซ้ายมองขวา ก็เพราะกลัวคนเป็นแม่จะมาได้ยิน
"ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องกลัวค่ะ ถ้าพอใจยังอยู่กับหมอ เรียนจบแน่ร้อยเปอร์เซ็น"
"ชิ! " เบื่อจริงกับความมั่นใจแบบนี้ของคุณหมอ
พูดคุยกันสักพัก คุณป้าก็มาพร้อมเสื้อ กระโปรง และกระดุมเข็มขัด เพื่อให้เด็กสาวได้ลองใส่
"หนูว่ามันยาวไปนะคะ" ก็เพราะว่าพอใจเตี้ย การที่ใส่กระโปรงพลีทคลุมไปถึงตาตุ่ม ยืนสำรวจตัวเองในกระจกแล้วรู้สึกว่าเป็นคนแคระไปเลย
"แบบนี้ก็ดีแล้ว" คนขายพูดพร้อมส่ายหัวอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
"หนูอยากได้แค่คลุมหัวเข่าก็พอ ยาวแบบนี้ จะเดิน จะวิ่ง หรือขี่มอเตอร์ไซค์คงไม่ถนัด" ก็เธอเป็นคนใส่เอง คนอื่นจะไปรู้ดีไปกว่าได้ไง ถึงแม้จะเป็นคนขายก็เถอะ
"เห้อ...เด็กสมัยนี้เถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ " กอดอกก่อนจะเปรยออกมา
"อ้าว...ป้า ทำไมพูดแบบนี้"
"แล้วจะ..."
"พอก่อนเถอะค่ะ เอาเป็นว่า เอากระโปรงแบบคลุมเข่าสี่ตัว และที่น้องใส่หนึ่งตัว" คุณหมอสรุปเพื่อห้ามทัพของทั้งคู่
"งั้นก็ตามนั้น! ทีหลังก็หัดอบรมสั่งสอนลูกสาวตัวเองบ้างนะ ไม่ใช่ให้มาเถียงผู้ใหญ่ฉอดๆ แบบนี้ อะไรกัน เป็นถึงหมอ"
"ขอโทษค่ะ" พอได้ยินคำขอโทษจากปากคุณหมอ หล่อนก็ดูพอใจและเดินหายกลับทางเก่าอีก
"อะไรเนี่ยหมอ จะไปขอโทษป้าเค้าทำไม แล้วก็บอกไปแล้วไงว่าไม่ใช่ลูก"
"ช่างเค้าเถอะค่ะ ไปเตรียมจ่ายเงินดีกว่า"
"ถึงว่าทำไมอยากจะขายกระโปรงตัวยาวนัก ที่แท้มันแพงกว่า" พอขึ้นมาบนรถก็รีบเช็คราคาของในใบเสร็จทันที
"คิดเล็กคิดน้อยจังเลยนะ"
"ก็ไม่น่าซื้อนี่นา ไม่ชอบใส่ยาวแบบนั้น มันเทอะทะ ดูไม่ใช่ตัวเอง"
"เชื่อเถอะค่ะ เดี๋ยวสักวันพอใจก็ต้องได้ใส่"
"พรุ่งนี้ปฐมนิเทศนี่คะ ใส่ยาวแบบนี้ตั้งแต่วันแรกก็เรียบร้อยดี"
"ก็หนูไม่ใช่คนเรียบร้อย"
"ค่ะ หมอรู้"
"งั้นคนไม่เรียบร้อย เราจอดรถไว้ตรงนี้ แล้วไปป้ายรถเมล์กันค่ะ หมอจะสอนวิธีขึ้นรถเมล์" เพราะมัวแต่สนใจกับการคุย ไม่ได้สังเกตว่าคุณหมอพามาหยุดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า
"เดี๋ยวนะ ต้องไปตอนนี้เลยเหรอ"
"ค่ะ"
"แต่หนูโหลด แอป... มาแล้ว สามารถเรียกแท็กซี่ได้ตลอด ไปส่งทุกที่ที่เราจะไป ปลอดภัยด้วย"
"ไหนว่าจะประหยัดเงินไงคะ เรียกรถมาแต่ละครั้งรู้มั้ย ว่าได้เสื้อนักศึกษาตัวนึงเลยนะ"
"จริงเหรอ" พูดไปก็ก้มเช็คมือถือไปด้วยก่อนจะอุทานออกมา
"โห...จริงด้วย ทำไมแพงจัง" เพราะเพิ่งจะดูราคาจากแอพลิเคชั่น
"ค่ะ งั้นไปกันเถอะ"
คุณหมอพาพอใจเดินมาหยุดนั่งหน้าป้ายรถเมล์ แต่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่นมากนักเพราะเป็นวันหยุด
"รถเมล์สายนี้ผ่านหน้าคอนโดค่ะ สุดสายคือมหาวิทยาลัย พอใจขึ้นคันนี้ได้"
"ส่วนคันนี้ ก็ผ่านหน้าคอนโด แต่จะไม่ถึงมหาวิทยาลัย พอใจต้องลงป้ายหน้าห้าง และจะขึ้นรถเมล์สายแรกที่หมอบอก หรือไม่ ก็ขึ้นรถตู้ได้ค่ะ สังเกตตัวหนังสือข้างรถ"
"ไม่ยากค่ะ" ระหว่างที่อธิบายเด็กสาวก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปไปด้วย
"ไปค่ะ"
"ไปไหน" ก็จู่ๆ คุณหมอก็ลุกขึ้นยืนและยื่นมือมาตรงหน้าให้จับ
"ลองขึ้นรถไงคะ" เพราะเอาแต่ลังเล คุณหมอจึงถือโอกาสคว้ามือเด็กสาวและจ้บจูงให้ขึ้นรถตามไปด้วยกัน ถ้ามัวแต่ช้าคงจะขึ้นรถเมล์สายที่ผู้คนอันแน่นไม่ทัน
"คนเยอะจัง" เด็กสาวบ่นเบาๆ มือที่คุณหมอจับจูงอยู่ยิ่งกำแน่นกว่าเดิมเพราะกลัวจะพลัดหลงกับคนตัวสูงที่เดินนำหน้าไป เอาเป็นว่าไม่มีที่ว่างเหลือให้นั่ง และผู้คนยังยืนชิดกันจนแน่น แต่กระเป๋ารถเมล์ก็ไม่หยุดส่งเสียงสั่ง 'ชิดใน หันหลังชนกัน' เหมือนเป็นเสียงสวรรค์ พอได้ยินปุ้บ ผู้คนก็เริ่มขยับแหวกทางให้ผู้โดยสารที่มาใหม่ได้มีที่ยืน และเสียงเขย่าแท่งยาวสแตนเลสนั้นทำให้ทุกคนต้องเปิดกระเป๋าและหยิบเงินออกมา
"โอ้ย" พอใจร้องออกมาไม่ดังนัก เพราะการเบรกอย่างกะทันหัน พร้อมเสียงตะโกนด่าของคนขับรถที่อารมณ์ฉุนเฉียว ใบหน้าของเด็กสาวกระแทกกับบางอย่างนุ่มๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับสายตาของคุณหมอที่ก้มมองเด็กสาวอยู่ งั้นก็แสดงว่าที่นุ่มๆ เมื่อกี้คือ 'หม่นน้ม' ของหมอ และ 'ปั้ก' ใบหน้าของพอใจก็กระแทก ฝังลงที่เดิมอีกครั้ง แถมครั้งนี้มือเล็กๆ ก็หลุดจากห่วงจับ มากอดเอวคุณหมอ มือของคุณหมอพาดกอดร่างเด็กสาวบ้างด้วยความตกใจ เพราะรถเมล์ออกตัวอีกครั้งอย่างกะทันหัน พวกเธอและทุกคนในรถต่างยืนไม่อยู่ ไหลไปรวมกันด้านใน ดีที่ไม่ล้มลงไปกองกับพื้น