" ข้าว...เดี๋ยวก่อนสิต้นข้าว " ต้นข้าวหันมาตามเสียงเรียกของฉันทันที
" มีอะไรหรือเปล่ากอหญ้า " ฉันถอนหายใจก่อนจะมองหน้าพี่สาวอีกครั้งหลังจากที่ต้นข้าวหยุดยืนอยู่กับที่แล้ว
" เธอต้องไม่หมั้นกับพี่ดินนะ " ฉันพูดขึ้นอย่างเอาแต่ใจตัวเองเพราะตอนนี้ต้นข้าวคือคนเดียวเท่านั้นที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ได้
" กอหญ้า เราจะคุยกันวันหลังไม่ใช่หรือไง " ฉันจ้องเข้าไปในตาของพี่สาวที่แสดงความวูบไหวออกมาชัดเจนทำให้น้ำตาที่เช็ดแห้งไปแล้วของฉันไหลออกมาอีกครั้ง
" เธอเองก็ชอบพี่ดินสินะ " ฉันถามออกไปอย่างห้ามใจไม่อยู่ถึงแม้ว่าคำถามนี้เธอเองจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็เถอะ
" พูดบ้าอะไรของเธอพี่อยากพักผ่อนแล้ว มีอะไรอีกไหม " ต้นข้าวเลี่ยงที่จะตอบคำถามเช่นกัน
" ต้นข้าวฉันอยากได้ยินคำตอบ เธอก็ตอบมาสิว่าเธอไม่ได้ชอบเขา ตอบสิต้นข้าว...ตอบฉันมา" ฉันเดินไปจับแขนพี่สาวเขย่าถามอย่างหงุดหงิด
" แล้วยังไงกอหญ้า...พี่ชอบเขาแล้วมันยังไงในเมื่อพี่ก็เปิดโอกาสให้กับเธอมาตลอด เพราะพี่รู้ไงว่าเธอรู้สึกยังไงกับพี่ดิน พี่ถึงเก็บความรู้สึกของพี่ไว้แล้วเธอจะมาบังคับให้พี่สัญญาบ้าบออะไรอีก ที่พี่ทำมาทั้งหมดมันไม่พออีกหรือไง " ต้นข้าวระบายออกมาทันทีเมื่อถูกฉันคาดคั้นพร้อมกับปัดมือฉันออกจากแขนเรียวของตัวเอง
" ทะเลาะอะไรกัน!! ต้นข้าว กอหญ้า " เสียงดุกร้าวของผู้เป็นพ่อตวาดขึ้นจนทั้งฉันและผู้เป็นพี่ตกใจ
" เปล่าค่ะพ่อ ข้าวขอตัวขึ้นห้องนะคะ " ต้นข้าวเตรียมตัวจะเดินหนีอีกครั้ง
" คุณพ่อ คุณพ่อไม่รับหมั้นพี่ดินกับต้นข้าวได้ไหมคะ " ฉันเดินไปเกาะแขนผู้เป็นพ่ออย่างขอร้อง
" กอหญ้า...ลูกโตแล้วนะ ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้ " คุณพ่อดึงมือฉันออกจากแขนก่อนจะจ้องตาฉัน
" ทำไมไม่มีใครถามความรู้สึกของกอหญ้าเลยละคะ แค่พี่ดินอยากหมั้นกับต้นข้าวพ่อก็รับหมั้นคุณลุงอย่างนี้เลยหรือไง ไม่ถามกอหญ้าบ้างว่าจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน ที่คนที่ตัวเองรักมากลายเป็นว่าที่พี่เขยของกอหญ้าแบบนี้ " ฉันถามคนเป็นพ่อทั้งน้ำตา
" แล้วลูกล่ะกอหญ้าลูกชอบพี่เขาแล้วเขาชอบลูกไหม ทำไมลูกไม่มองพี่สาวตัวเองบ้างทำไมไม่มองความรู้สึกของตาดินคนที่ลูกบอกว่ารักเขานักหนาบ้าง ทุกคนที่รักลูกจะต้องตามใจลูกทุกอย่างเลยหรือยังไง คนเราไม่ใช่จะสมหวังไปซะทุกอย่างหรอกนะกอหญ้า " ฉันมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิดหวัง นี่สินะความคิดของท่านฉันคงเห็นแก่ตัวมากเลยสินะ
" อะไรกันคะคุณเราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือไงคะว่าจะคุยกันวันอื่น " คุณแม่กับคุณป้าพรรณนิภาเดินเข้ามาถามทันทีที่เห็นเรา3คนยืนอยู่ก่อนที่พายุจะเดินตามเข้ามา
" ตอนนี้กอหญ้าเข้าใจคุณพ่อแล้วค่ะ เข้าใจแล้วจริงๆ สำหรับคุณพ่อกอหญ้ามันก็แค่เด็กเอาแต่ใจ เด็กงี่เง่าคนหนึ่งเท่านั้น กอหญ้าสู้ต้นข้าวไม่ได้เลย " พูดจบฉันจึงเดินหนีออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะมาเห็นบอดี้การ์ดของพายุที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านและสายตาฉันดันเหลือบไปเห็นปืนกระบอกสีดำที่เหน็บอยู่ที่เอวของบอดี้การ์ด ความคิดตื้นๆจึงเกิดขึ้นในหัวทันทีพร้อมกับมือที่เอื้อมไปคว้าปืนออกมาจากเอวของบอดี้การ์ดของพี่ลมอย่างรวดเร็ว
" เฮ้ย!...คุณหนูจะทำอะไรครับ " บอดี้การ์ดที่ฉันไปแย่งปืนมาถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก
" ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ฉันไม่มีค่าในสายตาของใครเลย ไม่มีใครสนใจความรู้สึกฉันสักคน " ฉันพูดออกไปทั้งน้ำตาก่อนจะค่อยๆยกปืนจ่อที่ขมับของตัวเอง
" คุณหนูใจเย็นๆก่อนนะครับ คืนปืนมาให้ผมเถอะครับใจเย็นๆก่อนนะ พวกมึง..ใครก็ได้ไปตามนายมาหน่อยบอกว่าเกิดเรื่องแล้ว " เสียงบอดี้การ์ดเจ้าของปืนสั่งการ์ดอีกคนอย่างร้อนรนการ์ดคนนั้นจึงรีบวิ่งไปทันที
" ทำบ้าอะไรของคุณกอหญ้า " ไผ่ถามขึ้นเมื่อเห็นบอดี้การ์ดยืนมุงกันอยู่เขาฝ่าวงล้อมของทั้งแขกที่มางานวันเกิดทั้งบอดี้การ์ดเข้ามาถามก่อนจะเห็นปืนที่ฉันใช้จ่อที่ขมับตัวเอง ไม่นานทุกคนก็เริ่มมามุงกันตรงที่ฉันยืนอยู่
" ว๊าย! กอหญ้าทำอะไรลูก วางปืนลงแล้วมาคุยกันกับแม่ดีๆนะ วางปืนลงเถอะมันอันตราย " คุณแม่ที่วิ่งออกมาเห็นท่านยกมือปิดปากอย่างตกใจ
" แม่คะ กอหญ้าขอโทษนะคะแต่กอหญ้าคงทำใจไม่ได้ถ้าพี่ดินจะต้องมาเป็นพี่เขยของกอหญ้า กอหญ้าขอโทษนะคะคุณแม่ " ฉันขอโทษคุณแม่ก่อนจะหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างน้อยใจ
" กอหญ้าวางปืนลงเดี๋ยวนี้นะ " คุณพ่อสั่งอย่างใจเย็น
" ไม่ค่ะ คุณพ่อต้องรับปากว่าจะไม่รับหมั้นพี่ดินกับต้นข้าวก่อน " ฉันบอกอย่างไม่ยอมแพ้
" คุณคะ รับปากลูกไปก่อนนะคะ นะคะคุณ " คุณแม่ขอร้องอย่างร้อนใจ
" กอหญ้าวางปืนลงซะพี่รับปาก วางปืนลงก่อนนะ " ต้นข้าวค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉันช้าๆ