“ค่ะ” เธอทำท่าดีอกดีใจ กระโดดลงจากเตียง
“อาณัฐคุยสนุกดีนะคะ เมื่อคืนคุยกันจนหลับไปเลย”
“กลับห้องไปได้แล้ว”
“ไล่กันกันจริงนะคะ เมื่อกี้จะหอมแก้มหนูดีใช่ไหม”
“หอมแก้มอะไรที่ไหน” เขาร้อนตัว
“จะแอบหอมแก้มเพราะหนูดีน่ารัก แต่หนูดีดันตื่นซะก่อนเลยตกใจกลิ้งตกเตียง คิกๆๆ”
เธอหัวเราะเสียงใส ณัฐถึงกับเก้อไปเลยทีเดียว
“จริงไหมคะ”
“ไม่จริงเสียหน่อย” เขาปากแข็ง
“จะหอมแก้มหนูดีเหรอคะ มาค่ะ”
เธอกระโดดมาหาเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะโน้มคอเขาลงไปหาแล้วหอมแก้มเขาฟอดใหญ่
แก้มของณัฐขึ้นสีแดงเรื่อ เขาอึ้งเมื่อริมฝีปากนุ่มๆ สัมผัสกับแก้มสากแบบเต็มๆ
เธอเดินไปแล้ว ยืนโบกมืออยู่หน้าประตู แต่เขายังยืนใบ้กินอยู่ที่เดิม ณัฐยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง หัวใจเขาเต้นแรงอย่างประหลาด บ้าบอไรนี่
ยัยเด็กบ๊องเอ๊ย!
อาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมูสับ ไข่คน สลัดผักและน้ำส้มคั้นสดๆ นุดีรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่ตื่นมามีคนเตรียมอาหารให้เธอ ถ้าณัฐเปลี่ยนเป็นพ่อหรือแม่เธอก็คงดี
“เป็นอะไรนั่งตาลอย”
เขาดีดหน้าผากเธอเบาๆ อย่างเอ็นดู
“เปล่าค่ะ แค่คิดว่าถ้าคนที่อยู่ตรงนี้เป็นพ่อหรือแม่ก็คงดี ตื่นมาทำทำกับข้าวให้หนูดีกิน”
“พวกท่านไม่เคยทำอาหารให้กินเหรอ”
เธอส่ายหน้าไปมา ตั้งแต่จำความได้แทบไม่มีเลย ไม่ซื้อกินก็ให้แม่บ้านทำให้
“อย่าคิดมากเลย เอาเป็นว่าหลังจากนี้อาจะทำให้กินทุกวัน”
“สัญญาแล้วนะคะ”
เธอพูดอย่างดีใจ ก่อนจะยกนิ้วก้อยให้เขาเกี่ยว
“ต้องเกี่ยวก้อยสัญญาด้วยเหรอ”
“ใช่ค่ะ อาณัฐจะได้ไม่ผิดสัญญายังไงล่ะคะ”
“เอา... สัญญาก็สัญญา”
เขาเกี่ยวก้อยกับนิ้วก้อยเล็กๆ ของเธอ
“สัญญาแล้วนะคะ”
เธอดีใจเมื่อเขารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“กินเถอะ วันนี้มีข้าวต้มหมูสับ ไข่คน สลัดผักและน้ำส้ม กินได้ไหม”
“มันหอมมากๆ เลยค่ะ วันหลังให้หนูดีมาเป็นลูกมือนะคะ”
“จะไหวเหรอ”
“อย่าสบประมาทกันนะคะ หนูดีเก่งนะ”
“ช่วงนี้ปิดเทอมใช่ไหม”
“อาณัฐรู้ด้วยเหรอคะ”
“ได้ยินพนักงานในโรงแรมคุยกันน่ะว่าลูกปิดเทอม”
“ปิดเทอมก็เบื่อๆ เหงาๆ ค่ะ ไม่รู้จะทำอะไรดี”
“ไปเรียนพอเศษสิ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ พ่อกับแม่ของหนูดีส่งไปเรียน หนูดียังโดดเรียนเลย เรียนในห้องว่าเหนื่อยแล้วต้องไปนั่งเรียนพิเศษให้ปวดหัวอีก เรียนไปหลายอย่างก็ไม่ได้ใช้”
“แล้วจะทำอะไร อยู่บ้านเฉยๆ ก็เบื่ออีก”
“เรียนทำอาหารกับอาณัฐดีไหมคะ”
“อาต้องไปทำงานไม่มีเวลาสอนหรอกนะ”
“ทำตอนเช้า ตอนเย็น แล้วก็วันหยุดของอาก็ได้นี่คะ อาณัฐต้องทำอาหารทานเองนี่นา มีลูกมืออีกสักคนน่าจะช่วยผ่อนแรงไปได้นะคะ”
“จะช่วยผ่อนแรงหรือยุ่งกว่าเดิมไม่รู้”
เธอหน้างอเล็กน้อย
“จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เหรอ”
เขาไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่เห็นว่าเธอมีความมุ่งมั่น
“จริงค่ะ รับรองว่าจะเป็นลูกมือที่ดีค่ะ”
“ถ้าทนได้ก็เอา”
“อาอย่าขู่สิคะ ดูสิ ทำหน้าจริงจังเหลือเกิน ยังกับจะไปออกรบ”
“อยู่ในครัวไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าไม่มีใจรัก ต้องอดทนกับอะไรหลายอย่าง ถ้าทนได้ก็ถือว่าผ่าน เหมาะที่จะเป็นเชฟต่อไปในอนาคต”
“หนูดีจะอดทนและจะทำให้ได้ค่ะ”
เธอยิ้มแป้น อย่างน้อยช่วงปิดเทอมอันแสนเงียบเหงาของเธอก็ไม่ได้ทำให้เธอเบื่อมากนัก
นุดีเดินหนีบิดามารดาที่กำลังทะเลาะกันเรื่องเดิมๆ อีกครั้ง เธอหนีขึ้นห้องด้วยความรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวบนโลกใบนี้
เธอจะมีความสุขอยู่บ้างก็ตอนที่ไปอยู่กับณัฐที่บ้านอีกหลัง เมื่อบิดามารดาปั้นปึ่งและขับรถออกไปคนละทิศคนละทางพร้อมกับทิ้งเงินเอาไว้ให้เธอคนละก้อน เหมือนกับจะบอกว่าฉันก็รับผิดชอบลูก และผมก็รับผิดชอบลูก ฉันมีปัญญาให้เงินลูก และผมก็มีปัญญาให้เงินลูกเหมือนกัน
เด็กสาวไม่เคยขัด เมื่อบิดามารดาทิ้งเงินเอาไว้แม้แต่น้อย เพราะเธอมักเอาไปซื้อข้าวของและวัตถุดิบมาทำอาหาร
หรือหลายครั้งที่เธอต้องใช้เงินในการดำรงชีวิต ยอมรับอยู่ลึกๆ ว่ามีเงินก็ทำให้อะไรง่ายขึ้นแม้แต่การคบเพื่อนในห้อง เธอมักเลี้ยงเพื่อนเสมอ แม้จะหาความจริงใจไม่ได้ แต่ก็ได้ไหว้วานอะไรหลายๆ อย่าง
เธอปีนขึ้นไปบนต้นมะม่วง เป้าหมายคือบ้านข้างๆ วันนี้บิดามารดาออกจากบ้านไปแล้ว พวกท่านเห็นว่าเธออยู่ดี และเธอก็บอกว่าสุขสบายดี ไม่ไปเที่ยวไหน ดูแลบ้านช่องเรียบร้อย ท่านก็พร้อมที่จะจากไปอย่างไม่ไยดี เพราะคิดว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ความเป็นอยู่และความสุขสบายของเธอ
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”
“อุ๊ย! อาณัฐ ตกใจหมดเลย”
“ทำไมชอบปีนป่ายนัก ยังกับเด็กผู้ชาย”
“กำลังจะโหนตัวลงไปที่บ้านอาณัฐค่ะ”
จริงๆ รั้วบ้านของเขากับเธอไม่ได้สูงมากนัก กระโดนโหนตัวนิดหน่อยก็ปีนข้ามไปได้แล้ว
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้มาทางประตู เกิดตกลงมาแข้งขาหักจะทำยังไง”
“อาณัฐคะ ช่วยด้วยค่ะ รับหนูดีด้วย”
เธอตะโกนร้องโหวกเหวกให้ช่วย ณัฐแทบถลาเข้าไปรับร่างอวบเอาไว้ แต่เธอกลับโหนตัวกลับ หัวเราะคิกๆ อย่างมีความสุขที่ได้แกล้งเขา
“แสบนักนะเรา”
เขาคาดโทษเธอเอาไว้ ก่อนที่นุดีจะโหนตัวลงมาอย่างชำนาญ แต่เธอก็ยังพลาดจนได้ เพราะพอจะถึงพื้น เท้าดันเหยียบพลาด
“อาณัฐช่วยด้วยค่ะ ว้าย!”
เธอลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า เขากอดอกมองเฉยไม่ได้ช่วยเหลือ เด็กสาวหน้างอในทันที
“ทำไมอาณัฐไม่ช่วยหนูดี”
“ยัยหนูผี ใครจะไปรู้ว่าจะตกลงมาจริงๆ นี่แหละเขาว่าเด็กเลี้ยงแกะ พอแกะหายจริงๆ ไม่มีใครช่วย”
“หนูดีเป็นผู้หญิงนะคะ ก้นระบมหมดแล้ว”
เธอไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด แต่ยื่นมือให้เขาดึงขึ้นไปเพราะลุกไม่ไหว ณัฐส่ายหน้าไปมา ก่อนจะยื่นมือไปดึงมือเธอขึ้นจากพื้น
“อุ๊ย!”
เธอโดนดึงแรงพอสมควร ร่างจึงปะทะเข้ากับอกกว้างของเขา ณัฐก้มมองคนในอ้อมแขน กลิ่นสาบสาวทำให้เขาตื่นตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“จะเรียนทำอาหารไม่ใช่เหรอวันนี้”
เขากระแอม... รีบปล่อยเธอเหมือนโดนไฟช็อต เด็กสาวรีบกอดแขนของเขา ซบหน้ากับไหล่กว้าง ออดอ้อนเขาอย่างน่ารัก
“ค่ะ วันนี้อาณัฐจะสอนอะไรคะ”
“จะสอนให้รู้จักการใช้มีดก่อน”
“ใช้มีดนี่นะเหรอคะ หนูดีใช้มีดเป็นตั้งแต่เริ่มทำอาหารแล้วค่ะ”
“แน่ใจเหรอ”
“ค่ะ”
“งั้นมาลองกัน” เขาพาเธอเดินเข้าครัว
“กินอะไรมาหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ หิวจัง” เธอลูบท้องไปมา
“งั้นรอเดี๋ยว แต่อยากกินอะไรล่ะ”
“ข้าวห่อไข่ก็ได้ค่ะ”
เขาโยกศีรษะเธอไปมา ก่อนจะจัดการผัดข้าวกับน้ำพริกกุ้งสด และเจียวไข่ ไม่นานเมนูง่ายๆ ก็เสร็จลงตรงหน้าเด็กสาว
“หอมจังเลยค่ะ”
เธอสูดดมก่อนจะตักชิมแล้วหลับตาเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย มันอร่อยจริงๆ ยอมรับว่าณัฐทำอาหารอร่อยสุดๆ ไปเลย ถ้าเธอได้เป็นลูกศิษย์เขาก็คงจะเก่งเหมือนเขา
“อร่อยจังเลยค่ะ”
“อร่อยก็กินเยอะๆ นะ”
“อยู่กับอาณัฐทุกวันต้องอ้วนแน่ๆ เลยคะ”
“กลัวอ้วนด้วยเหรอ วัยกำลังกินกำลังนอน กินไปเถอะ”
“สาวคนไหนก็อยากหุ่นดีกันทั้งนั้นล่ะคะ แต่หนูดีอวบระยะสุดท้าย”
“ไม่เห็นจะอวบนะ”
ณัฐเบือนหน้าหนีเมื่อเผลอมองอกอวบอูมของเธอ ต้องเสมองไปทำอย่างอื่นแทน
“น้ำมะขามของอาณัฐอร่อยจังเลยค่ะ”
“อร่อยก็กินเยอะๆ ไม่ต้องกลัวอ้วนหรอก”
“วันนี้อาณัฐจะสอนทำอะไรเหรอคะ”
“สอนใช้มีดบอกไปแล้วไง”
“เจ้าค่ะ”
เธอเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย และเห็นณัฐไปเตรียมวัตถุดิบอะไรของเขาอยู่อีกด้าน เครื่องครัวในบ้านของเขาเยอะแยะมากมาย เธออยากย้ายครัวตัวเองมาอยู่ที่นี่ถาวรเสียจริง
“อิ่มจังเลยค่ะ”
เธอลูบท้องตัวเองไปมา ก่อนจะเก็บจานชามไปล้าง ณัฐนำผ้ากั้นเปื้อนมาสวมให้เธอ ลมหายใจของเขาเป่ารดพวงแก้มหอมกรุ่นของเธอ
“ต้องสวมหมวกคลุมผมด้วย ป้องกันผมร่วงหล่นใส่อาหาร”