เซี่ยเจียวหงกล่าวยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อทำมื้อเย็นและ คิดว่าต่อไปเธอต้องให้ทุกคนในบ้านหันมากินมื้อเที่ยงด้วย เพราะจะ ทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีน้ำมีนวลขึ้น
อีกทั้งบ้านก็ไม่ได้ลำบากแล้วเช่นกัน ตอนนี้เธอเก็บเงินไว้ที่บ้านไม่เกินหนึ่งร้อยหยวนส่วนที่เหลือเธอนำไปฝากธนาคารไว้ เพราะกลัวว่าเมื่อไรที่ทุกคนไม่อยู่บ้าน พวกขโมยและพวกอยากได้ของคนอื่นจะมาขโมยไป
วันนี้สองแฝดต่างก็ได้ของเล่นและขนมไม่น้อย เซี่ยเจียวหงไม่ได้ขี้เหนียวกับลูกทั้งสอง เธอคิดว่าเด็กทั้งสองคนกำลังโต จึงไม่ห้ามและ คิดว่าอีกไม่นานจะต้องสอนหนังสือลูกบ้าง แต่ปัญหาอยู่ที่ร่างเดิม อ่านเขียนไม่ได้นี่สิ คงต้องถามพี่สะใภ้กวงดู เพราะเท่าที่จำได้พี่สะใภ้ คนนี้เรียนจบชั้นมัธยมต้น ทุกคนจะได้ไม่สงสัย
อาหารมื้อเย็นในวันนี้เธอตุ๋นเนื้อหมูไว้ตั้งแต่เช้า จึงคิดว่าจะทำโหมวหมูตุ๋นกินแทนอาหารเย็น ซึ่งเธอเองก็มองว่าจะทำขายด้วยเช่นกัน เพราะหมูยิ่งตุ๋นไว้ข้ามวันยิ่งอร่อย และทำง่าย
หลังจากที่มื้อเย็นผ่านไป ทุกคนจึงเข้านอนกันอย่างมีความสุขเพื่อเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้
วันต่อมาเซี่ยเจียวหงตื่นมาทำซาลาเปาเป็นมื้อเช้าและโจ๊กของลูกทั้งสอง เธอคิดว่าน่าจะกลับมาหลังเที่ยงจึงเตรียมเสบียงไปด้วย หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จจึงพาลูกน้อยทั้งสองไปฝากไว้กับสะใภ้กวงที่บ้านกวง
“อาฝาน เจินเจิน อย่าดื้อและอย่าซนกับป้าสะใภ้นะ ต้องช่วยดูแลป้าสะใภ้ด้วย ในท้องป้าสะใภ้มีน้องอยู่เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับแม่ ผมจะดูแลน้องและป้าสะใภ้เอง แม่กับย่ารีบกลับมานะครับ”
ซืออี้ฝานตบอกตัวเองเพื่อยืนยันว่าเขาจะดูแลน้องสาวและ ป้าสะใภ้เอง ทำให้ทุกคนเกิดความเอ็นดูที่เด็กน้อยรู้จักปกป้องคนในครอบครัว
“ดูสิตัวเท่าลูกหมา จะปกป้องเมียลุงเสียแล้ว”
กวงฮ่าวจื่อขยี้หัวหลานชายด้วยความเอ็นดูก่อนจะสั่งภรรยาว่าอย่ายกของหนักและอย่าออกไปไหน ถ้ามีอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นให้ไปบอกกลุ่มคนที่มาปรับพื้นที่ของบ้านซือ ทุกคนล้วนเป็นคนรู้จักทั้งนั้น
ก่อนไปเซี่ยเจียวหงยังเดินกลับไปเอาอาหารมื้อเที่ยงมาให้ไว้ลูกทั้งสองและสะใภ้กวงที่บ้านกวงอีกด้วย จากนั้นทั้งสี่คนจึงเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าขึ้นเขากัน
ทั้งสี่เดินเข้าป่าเรื่อย ๆ จนมาถึงป่าชั้นกลางที่สองวันก่อน เซี่ยเจียวหงเข้ามาเก็บหน่อไม้กับมันป่า
“แม่คะ แม่กับป้ากวงเก็บหน่อไม้แถวนี้ก่อนนะ ตัวฉันกับ พี่ใหญ่กวงจะเดินเข้าไปด้านในอีกเล็กน้อยเผื่อว่าจะได้สัตว์ใหญ่ แต่ถ้าแม่ ป้ากวงเห็นท่าไม่ดีหรือได้ยินเสียงสัตว์ป่า ให้วางทุกอย่างทิ้งแล้วรีบ ปีนขึ้นต้นไม้เพื่อเอา ตัวรอดและรอเราสองคนกลับมา ตกลงไหมคะ”
นางหลิงมู่และนางกวงหลินมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าตกลง ทั้งสองไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงลูก ๆ สาวชาวบ้านแบบพวกเธอการเอาชีวิตรอดในป่าเป็นเรื่องที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาหากพบอันตรายที่เข้ามาประชิดตัว
เมื่อแม่และป้ากวงรับคำ เซี่ยเจียวหงจึงเดินนำกวงฮ่าวจื่อเข้าป่าด้านในไปอีก หวังว่าวันนี้เธอจะพบหมูป่าอีกสักตัวสองตัวจะได้ ไม่เสียเที่ยวในวันนี้
เหมือนโชคเข้าข้างเธอนอกจากหมูป่าเธอยังพบฝูงกวางอีกด้วย แต่เพราะความไม่แน่ใจว่าจะมีคนรับซื้อกวางหรือเปล่าและขัดต่อกฎหมายไหม จึงได้หันไปถามกับกวงฮ่าวจื่อ
“พี่ใหญ่กวง เนื้อกวางมีคนรับซื้อไหม และผิดกฎหมาย หรือเปล่า”
“รับซื้อ เขากวางร้านยารับซื้อ และเนื้อกวางภัตตาคารรับซื้อ ส่วนเรื่องกฎหมายพี่ไม่แน่ใจ แต่ยังไม่มีคำสั่งห้ามนะ”
เซี่ยเจียวหงพยักหน้าเข้าใจ ตามที่เธอรู้มา เรื่องกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าที่จริง ๆ จัง ๆ อีกหลายปีจึงจะมีกฎหมายคุ้มครอง
จากนั้นเธอจึงให้กวงฮ่าวจื่อปีนขึ้นต้นไม้คนละต้นกับเธอ แต่เซี่ยเจียวหงต้องเลือกระหว่างกวางกับหมูป่า ดังนั้นเธอจึงเลือกหมูป่าอีกครั้ง เพราะถ้ายิงกวางก่อน หมูป่าที่อยู่ไม่ไกลต้องแตกตื่น เธอให้ กวงฮ่าวจื่อยิงหมูป่าเช่นกัน
ฟิ้ว ๆ ๆ ๆ เซี่ยเจียวหงยิงธนูออกไปสี่ครั้งติด สามครั้งแรกยิง หมูป่าตัวใหญ่เข้าจุดตาย ส่วนครั้งที่สี่เธอยิงช่วยตัวของกวงฮ่าวจื่อที่ ได้รับบาดเจ็บและกำลังหนีไป ก่อนจะปีนลงมาและรีบไปเอาหมูป่าทั้งหมดมาแอบไว้ เพราะกลัวว่ากลิ่นเลือดจะเรียกสัตว์ป่าชนิดอื่นมา
กวงฮ่าวจื่อนิ่งค้างไปหลายอึดใจกับความสามารถในการยิงธนูของเซี่ยเจียวหงที่เขาไม่เคยรู้ว่าเธอมีความสามารถขนาดนี้
“พี่ใหญ่กวงเราสองคนรีบไปเอาหมูป่าทั้งสี่ตัวกันก่อนดีกว่า ไม่เช่นนั้นนอกจากหมูป่าแล้ว เรานี่แหละที่จะเป็นอาหารของสัตว์ใหญ่”
เซี่ยเจียวหงร้องบอก แต่เธอเดินนำไปไกลแล้ว แม้ว่าเธอจะอ้วน แต่พละกำลังเธอมีมากกว่าคนอื่น ดังนั้นเธอจึงจับขาของหมูป่าสองตัวเดินลากมาคล้ายกับไม่ใช้แรง แม้ว่าจะตกใจแต่กวงฮ่าวจื่อรีบลากหมูป่า ที่เหลือเช่นกัน กว่าจะมาถึงใต้ต้นไม้เขาต้องนอนแผ่อย่างหมดแรง
เซี่ยเจียวหงจึงไปตัดไม้เพื่อนำมาเป็นฐานและหาเถาวัลย์มามัดหมูป่าไว้ทั้งสี่ตัว จากนั้นทั้งสองคนจึงช่วยกันลากมาที่นางหลิงมู่และนางกวงหลินเก็บหน่อไม้ เมื่อทั้งสองคนเห็นว่าเซี่ยเจียวหงและกวงฮ่าวจื่อลากอะไรมาทั้งสองคนล้มพับด้วยความตกใจ
แต่เซี่ยเจียวหงไม่รอให้แม่สามีและป้ากวงตกใจไปมากกว่านี้เธอจึงรีบช่วยเก็บหน่อไม้เข้ากระสอบ ก่อนจะรีบลงจากเขาโดยให้พี่ใหญ่กวงมุ่งหน้าเพื่อไปขอเช่าเกวียนเล่มใหญ่ของผู้นำหมู่บ้านมาเพื่อนำหมูป่า ทั้งสี่ตัวไปขายในตำบล กว่าที่กวงฮ่าวจื่อจะกลับมาก็บ่ายคล้อยไปแล้ว
เมื่อมาถึงกวงฮ่าวจื่อจึงส่งเงินทั้งหมดให้กับเซี่ยเจียวหง โดยมีรายละเอียดเขียนมาในกระดาษ
“รู้ไหมพี่แทบจะเป็นลมและคล้ายจะเป็นคนบ้า ขี่เกวียนมาคอยระวังหลังกลัวว่าใครจะมาปล้นเงินไป
พูดแล้วขนลุก”
“หมูสี่ตัว ตัวแรกสี่ร้อยยี่สิบชั่ง ตัวที่สองสามร้อยแปดสิบชั่ง ตัวที่สามสี่ร้อยชั่ง ตัวที่สี่ สามร้อยเจ็ดสิบชั่ง ทั้งหมดรวมหนึ่งพันห้าร้อย เจ็ดสิบช่าง รับซื้อชั่งละสี่หยวนเป็นเงินทั้งหมดหกพันสองร้อยแปดสิบหยวน เงินครบ
ส่วนนี่ของพี่ฉันแบ่งตัวละสี่ร้อยชั่งให้ จากนี้คงเว้นระยะ สักหน่อย ทางที่ดีพี่เก็บเงินไว้สร้างบ้านเถอะ แม้จะไม่เท่าที่ฉันจ้าง เถ้าแก่หู แต่อย่างน้อยมันน่าจะดีกว่าหลังนี้”
เซี่ยเจียวหงยื่นเงินให้กวงฮ่าวจื่อหนึ่งพันหกร้อยหยวน จากนี้เธอคงเว้นระยะที่จะเข้าป่า หากเข้าบ่อยมันจะไม่ดีเท่าไร และเธอไม่อยากให้ชาวบ้านรู้มากนัก เว้นระยะสักหน่อย ครั้งหน้าอาจจะขายให้กับหมู่บ้านแทนเข้าไปขายในตำบล
นางกวงหลินและกวงฮ่าวจื่อไม่กล้ารับเงิน และน้ำตาลูกผู้ชายไหลด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าเซี่ยเจียวหงจะแบ่งเงินให้ทั้งตัวขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เขายิงพลาด
“รับไปเถอะ อาหงเต็มใจให้ อย่าลืมว่าบ้านกวงไม่ต่างจาก บ้านซือของฉัน พี่หลินเองไม่ต่างจากพี่สาวฉัน คนหนึ่ง วันนี้ฮ่าวจื่อเอง ก็เสี่ยงอันตรายเช่นกัน ดังนั้นรับไปเถอะ ถ้าไม่รับครั้งหน้าไม่ต้องไปกับอาหงอีก และเราสองบ้านก็ขาดกัน”
เซี่ยเจียวหงยกนิ้วให้กับแม่สามีที่พูดจาโน้มน้าวจนสองแม่ลูกบ้านกวงรับเงินก้อนนี้ไป ถ้าถามว่าเธอเสียดายเงินไหมตั้งหนึ่งพัน หกร้อยหยวน เธอกล้าพูดเลยว่าเสียดาย แต่ในเมื่อร่างกายของเธอมีพละกำลังมากกว่าชาวบ้าน และสามารถหาได้มากกว่านี้ ครั้งหน้ายังมี เธอจะเสียดายทำไม