ไม่นานหลังจากนั้น พี่สมและลูกสาววัยสิบหกสิบเจ็ดที่ชื่อส้มก็มาถึง
“ คุณน้ำฟ้าครับ ” พี่สมส่งเสียงเรียกเพียงแค่ครั้งเดียว น้ำฟ้าที่เงี่ยหูฟังรออยู่แล้วก็รีบขานรับแล้วเดินออกมา
“ เรียบร้อยแล้วค่ะพี่สม ”
“ นี่ไอ้ส้ม ลูกสาวผม เรียนอยู่ ปวช.ปีสอง ”
“ สวัสดีค่ะ คุณน้ำฟ้าสวยจังเลย สวยอย่างกับนางฟ้า ” น้ำฟ้ายิ้มกว้างอย่างเขิน ๆ เมื่อเจอเด็กสาวชมเข้าให้ซึ่ง ๆ หน้า
“ ขอบคุณมากจ้าส้ม ส้มเองก็น่ารักมากเลยนะ ”
“ คุณฟ้าพร้อมหรือยัง ”
“ พร้อมนานแล้วค่ะพี่สม ไปกันเลยค่ะ ” ท่าทางของเธอคล้ายกับกำลังลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กจะแอบหนีเที่ยว นายสมจึงเดาว่าเธอกลัวพ่อเลี้ยงจะว่าเอา
“ คุณส้มไม่ต้องกังวลเรื่องพ่อเลี้ยงนะครับ ผมบอกแกแล้วเมื่อคืนว่าจะมารับคุณไปดูตะวันขึ้นที่ผา ”
“ หืม ว่าไงนะคะ พ่อเลี้ยงรู้เหรอคะว่าฟ้าจะต้องตื่นแต่เช้าไปดูตะวันขึ้น ”
“ ใช่ครับ พ่อเลี้ยงรู้ ”
นั่นทำให้สมองของน้ำฟ้าครวญใคร่ถึงอะไรบางอย่าง
คนปกติที่ไหนจะมาโหนบาร์ในเวลายังไม่ทันตีห้า นอกจากว่าคนคนนั้นจะรู้ว่าเธอจะตื่นและจงใจทำให้เธอเห็น
“ ไอ้โรคจิต ! ” เธอแค่นเสียงลอดไรฟันออกมา
“ หืม คุณฟ้าว่าอะไรนะครับ ” พี่สมถามเพราะได้ยินเพียงเสียงงึม ๆ งำ ๆ
“ ไม่มีอะไรค่ะพี่สม ไปกันเถอะค่ะเดี๋ยวจะไม่ทัน ไปส้ม เป็นไกด์แนะนำสถานที่ให้พี่ฟ้าด้วยนะ ” น้ำฟ้าพูดอย่างใจดีพลางยกมือโอบรอบไหล่เด็กสาวอย่างเป็นกันเอง อีกฝ่ายยิ้มตาหยีแล้วรับคำแข็งขัน
“ ได้เลยค่า ”
พี่สมพาเธอขึ้นรถอีแต๋นแล้วแล่นไกลไปอีกทางจากสวนที่เธอเห็นในวันนี้
“ เดี๋ยวต้องแวะรับลูกค้าที่มานอนที่โฮมสเตย์ด้วยนะครับคุณฟ้า อีกสี่ห้าคนเขาอยากไปชมด้วย เป็นบริการของทางเราน่ะครับ ”
“ ได้เลยค่ะพี่สม ไม่มีปัญหา ”
รถอีแต๋นขับเคลื่อนไปไม่ไวนัก เวลานั้นฟ้ายังมืดอยู่แต่จากแสงไฟก็ทำให้เธอพอมองเห็นว่าอีกฟากฝั่งของสวนทุเรียน ละมุด ลิ้นจี่ เงาะ มะปราง และอื่น ๆ นั้น มีบ้านไม้เรือนไทยประยุกต์ตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของพันธุ์ไม้ แต่ละหลังดูสวยงามแปลกตาและถูกออกแบบแตกต่างกัน
“ ตรงนี้เป็นส่วนของโฮมสเตย์ค่ะคุณฟ้า ” เด็กส้มเอ่ยปากบอก น้ำฟ้าพยักหน้ารับ
ในหัวเธอนึกได้ถึงคำที่พี่สมพูดไว้ว่าพ่อเลี้ยงปฐพีเป็นสถาปนิก และเขาเป็นคนออกแบบโฮมสเตย์ทั้งหมดด้วยตัวเอง
“ อีตาพ่อเลี้ยงนี่ก็ฝีมือไม่เบาเลยแฮะ ”
น้ำฟ้าพึมพำเบา ๆ
พี่สมจอดรับลูกค้าผู้มาพักโฮมสเตย์ที่ต้องการไปดูพระอาทิตย์ที่ยืนรออยู่หน้าบ้านอีกสี่ห้าคน น้ำฟ้ายิ้มรับคนเหล่านั้นและเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร อาจเป็นเพราะหน้าที่ที่เคยทำประจำอย่างการบริการบนเครื่องบินเลยทำให้คุ้นชินที่จะทำแบบนี้ก็เป็นได้ และการมีสาวสวยมาร่วมทริปชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วยแบบนี้ก็ทำให้ลูกค้าประทับใจขึ้นเป็นกอง
ยี่สิบนาทีถัดมาหลังลงจากรถอีแต๋นและเดินเท้าขึ้นมาอีกร่วมหนึ่งกิโลเมตร สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การเดินขึ้นเนินเขาชันอาจจะทำให้เหนื่อยมาก แต่รับรองว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
บนเนินนั้นทางชาวบ้านได้ขึ้นมาปลูกไม้ดอกเมืองหนาวเอาไว้ที่กำลังบานสะพรั่ง อากาศสดชื่นเย็นฉ่ำ และทันทีที่มองจากผาลงไปเบื้องล่างก็เห็นหมอกขาวราวกับปุยนุ่นที่กำลังลอยฟูฟ่องเต็มไปหมด
“ ว้าว ! ” เสียงอุทานอย่างเซอร์ไพรส์และพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นดังขรม ทุกคนต่างหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อถ่ายภาพ ไม่เว้นแม้แต่น้ำฟ้าที่ตั้งแง่ไว้กับคุณย่า หากเมื่อเจอความสวยงามจากธรรมชาติเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกดถ่ายภาพแล้วส่งไปให้ท่านชมอย่างที่เคยทำมาเสมอ แต่บนผาแห่งนี้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เธอคงจะต้องรอให้ลงไปข้างล่างซึ่งก็มีสัญญาณเพียงผลุบโผล่ ๆ เช่นเดียวกัน ทำให้นึกพาลหงุดหงิดไปถึงเจ้าของบ้านที่ไม่รู้จักเปิดไวไฟให้ใช้งานบ้างเลย
พี่สมและน้องส้มหยิบชุดเซ็ตกาแฟโอวันตินแบบง่าย ๆ พร้อมทั้งน้ำร้อนหนึ่งกระติกออกมาชงแจกลูกค้าทุกคน ทุกคนต่างดื่มด่ำกับเครื่องดื่มง่าย ๆ ราคาไม่แพงแต่แสนประทับใจเมื่ออยู่ในบรรยากาศที่หาชมได้ยาก
“ จะมีหมอกแบบนี้ทุกวันเลยไหมคะพี่สม ” น้ำฟ้าถาม
“ ส่วนมากก็มีครับ เพราะข้างล่างมีอ่างเก็บน้ำอยู่ แต่ถ้าหน้าฝนแบบนี้ก็จะมีมากหน่อย ”
“ มีทั้งวันไหมคะ ”
“ ไม่ทั้งวันหรอกครับ เดี๋ยวตะวันขึ้นก็ไล่หมอกไปหมดแล้ว แต่ถ้าฝนตก เมฆครึ้ม ๆ ก็อาจจะมีได้อีก ”
น้ำฟ้าขยับไปยืนใกล้ผาอีกนิด ตรงนั้นไม่อันตรายเพราะทางชาวบ้านได้สร้างที่กั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ไอเย็นของละอองหมอกต้องผิวกายทำให้เธอรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นทันตา ไม่นานนักเจ้าลูกบอลสีส้มก็ค่อยปรากฎกายขึ้นที่ขอบฟ้าแล้วค่อยเคลื่อนสูงขึ้น แสงทองค่อยอาบไล้แผ่กำจายไปทั่วอาณาบริเวณ แผ่ความร้อนไล่เจ้าหมอกขาวค่อยจางหายไปทีละนิดจนหมดสิ้น
หญิงสาวยืนดื่มด่ำกับความงามตามธรรมชาติอยู่เนิ่นนาน กดบันทึกภาพหลายสิบรูป รู้สึกประทับใจเหลือเกินจนลืมความขุ่นข้องหมองใจกับคนที่เป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ไปชั่วขณะ
ไม่นานหลังจากนั้นพี่สมก็เรียกนักท่องเที่ยวทุกคนรวมทั้งน้ำฟ้าให้เดินลงจากผาเพื่อไปขึ้นรถอีแต๋นกลับที่พักเพื่อรับประทานมื้อเช้า ส่วนน้ำฟ้านั้นขอพี่สมว่าจะขอลงที่โรงครัวเพื่อนรับประทานอาหารที่นั่นเลย จะได้ไม่ลำบากพี่เรียมต้องยกไปให้ที่เรือนใหญ่
พี่สมจอดรถอีแต๋นส่งลูกค้าที่มาพักโฮมสเตย์ ก่อนจะให้ส้มพาน้ำฟ้าเดินไปที่โรงครัว เห็นแม่ครัวสูงวัยกำลังสั่งคนงานผู้หญิงสามสี่คนให้ช่วยกันจัดขันโตกให้กับแขกที่มาพัก บ้างจัดจานชาม บ้างตักกับข้าวส่งให้อีกคนไปวางบนขันโตก อีกคนก็จัดของหวานกับผลไม้ พี่เรียมเองก็กำลังง่วนอยู่ที่นั่น พอเห็นเธอเดินเข้าไปก็พากันชะงักมือแล้วหันมามองเป็นตาเดียว
“ อ้าว คุณน้ำฟ้ามาแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้างคะไปดูทะเลหมอก สวยไหม ”
“ สวยงามมาก ๆ เลย ฟ้าอยากไปดูทุกวันเลยค่ะพี่เรียม ” เมื่อตอบพี่เรียมจบเธอก็หันไปโปรยยิ้มหวานพร้อมยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้ทุกคน
“ สวัสดีค่ะทุกคน ให้ฟ้าช่วยอะไรมั้ยคะ ” และทุกคนที่นั่นก็ส่งยิ้มกลับมาให้ด้วยความเอ็นดูในความอ่อนน้อมของเธอ
“ ไม่เป็นไรค่ะคุณฟ้า อย่าลำบากเลยเหลือแค่จัดอาหารลงขันโตกเท่านั้นเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็ให้คนลำเลียงไปส่งที่โฮมสเตย์ คุณฟ้าไปรอที่เรือนดีกว่านะคะ เดี๋ยวให้เรียมมันยกขันโตกขึ้นไปให้ ” แม่ครัวตอบแล้วมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู