ผมมองแผ่นหลังบอบบางที่ค่อยๆ เดินห่างออกไปเพราะคณะของเธออยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ผมจึงไม่ค่อยห่วงมากนัก กระทั่งได้รับสายจากธนินที่โทรหาเพราะเรื่องสำคัญ จึงรีบขับรถออกจากมหาลัยไปยังโชว์รูมซึ่งมีธนินรออยู่แล้ว “คุณทำงานได้เร็วมาก” “เรื่องของเพ้นท์ ผมยินดีที่จะทำและช่วยเสมอครับ” คำชมของผมแทบจะถูกกลืนหายไปเมื่อเดินมาหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง “ครับ?” ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเหน็บแนมแล้ว เพราะธนินไม่เคยรู้เลยว่าคำพูดของผมทุกคำมันเป็นคำประชดประชันหาใช่คำชมอย่างที่เขาเข้าใจ ประตูห้องเปิดขึ้นจึงมองไปยังโซฟามุมห้องเห็นชายหญิงที่กำลังนั่งมองไปรอบห้องก่อนที่เลขาส่วนตัวของผมจะเดินออกจากห้องไป ทั้งสองคนหันมามองผมอย่างตกตะลึงโดยที่ผู้หญิงคนนั้นพึมพำออกมาว่า ‘หล่อมาก’ “ขอบคุณนะครับที่มาตามคำเชิญของผม” “คุณคือคุณพนิธาน คนที่รับเพ้นท์ไปดูแลเหรอครับ?” พ่อของเพ้นท์ถามขึ้นก่อนจะมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า “ใช่ครับ ไม