บทที่ 9 อาหารจานเนื้อกับสะใภ้รองที่เปลี่ยนไป

2893 Words
บทที่ 9 อาหารจานเนื้อกับสะใภ้รองที่เปลี่ยนไป ที่บ้านเฉิน… ในห้องโถงใหญ่ตรงโต๊ะกินข้าว เมื่อสะใภ้ใหญ่ของบ้านยกอาหารจานสุดท้ายมาวางกลางโต๊ะ ก็ทำให้คนที่นั่งรอกินอาหารอยู่นั้นต้องตกตะลึง เพราะอาหารจานนี้เป็นเนื้อที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายจนทุกคนอดใจไม่ไหว เสียงท้องของทุกคนร้องโครกครากดังขึ้นแข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใคร และทุกคนก็อุทานเสียงดังพร้อมกันว่า “เนื้อ!” “วันนี้มีเนื้อให้กินด้วยหรือครับแม่” เฉินหยางหมินกลืนน้ำลายลงคอดัง ‘เอื๊อก’ แล้วเงยหน้าจากจานเนื้อมองแม่เฉินที่นั่งตาโตมองจานเนื้อเช่นกัน “มะ แม่ก็ไม่รู้” แม่เฉินตอบลูกชายคนสุดท้อง แล้วหันไปมองลูกสะใภ้ใหญ่ เพื่อรอคำตอบ อยากรู้เหมือนกันว่าหล่อนไปเอาเนื้อชิ้นดีมาจากไหน ด้านพ่อเฉินเองก็กลืนน้ำลาย ดวงตาแวววับเป็นประกายมองอาหารจานเนื้อด้วยสายตาหิวโหยไม่ต่างกัน นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินเนื้อ แต่พ่อเฉินก็อดสงสัยไม่ได้เพราะเนื้อจานนี้มันเยอะมากและดูจะเป็นเนื้อชิ้นดีเสียด้วย เขาจึงพูดขึ้นว่า “ทำไมมันเยอะอย่างนี้ล่ะ” เพราะรู้ว่าวันนี้ภรรยาเป็นคนทำอาหารเฉินหยางฮั่นจึงถามภรรยาว่า “ผู่เว่ย คุณไปเอาเนื้อมาจากไหน นี่เนื้ออย่างดีเลยนะ” “เอ่อ นี่เป็นเนื้อของสะใภ้รองค่ะ เธอทำอาหารเผื่อให้บ้านเราด้วย ส่วนไข่ตุ๋นนี่เธอทำให้ต้าหนิวกับฮุ่ยหลิงค่ะ” สะใภ้ใหญ่บอกทุกคน แล้วนั่งข้างๆ สามีที่มีลูกชายนั่งกลางระหว่างหล่อนกับสามี นั่นทำให้ทุกคนตกใจแล้วร้องขึ้นพร้อมกันว่า “ของสะใภ้รอง!” “พี่สะใภ้รองทำอาหารเองครับพี่สะใภ้ใหญ่” หยางฮุ่นถาม แล้วมองที่จานเนื้ออย่างไม่เชื่อสายตาและหูตัวเอง ‘พี่สะใภ้รองของบ้านทำอาหารไม่เป็นนี่น่า แต่นี่กลับทำอาหารจานเนื้อได้น่ากินและส่งกลิ่นหอมได้มากขนาดนี้เลย’ เฉินหยางฮุ่นพูดคนเดียวในใจ “ใช่แล้วน้องสาม” ผู่เว่ยบอกน้องชายของสามี พ่อเฉินก็ไม่อยากเชื่อคำพูดของลูกสะใภ้ใหญ่ จึงพูดขึ้นว่า “นี่ฉันหูฝาดแน่ๆ” “จริงจ้ะคุณพ่อ น้องสะใภ้รองทำอาหารเองทุกอย่างเลยค่ะ ฉันแค่ช่วยหันเนื้อและหันผักเองค่ะ” ผู่เว่ยบอกพ่อสามี แต่เธอกลับมองหน้าทุกคน ซึ่งทุกคนก็มองหน้าเธอเช่นกัน “สะใภ้รองเปลี่ยนไปมาก” ด้านแม่เฉินเมื่อตอนไปหาลูกสะใภ้รองก็นึกถึงท่าทางของลูกสะใภ้รอง ที่เปลี่ยนไป สุภาพอ่อนน้อมและพูดเพราะมาก “ยังไงหรือแม่เฉิน ไหนเล่ามาสิ” พ่อเฉินสงสัยจึงถามภรรยา ว่าภรรยาไปรู้ไปเห็นอะไรมา แล้วไปทำไมที่บ้านสะใภ้รอง “ก็วันนี้ลูกสะใภ้รองดูแปลกไปมาก ลี่เหมยได้ชุดใหม่จากสะใภ้รอง แล้วยังให้ลี่เหมยนอนในห้องอีก ไหนจะทำอาหารนี่อีก ยังมีอีกนะ ลูกสะใภ้รองยังพูดเพราะและยังพูดหนูทุกคำเลย นี่ยังเรียกหยางตงว่าพี่อีกนะ กิริยาก็เรียบร้อยไม่หยิ่งจองหองเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะพ่อเฉิน” แม่เฉินบอกไปตามที่นางสัมผัสได้ แล้วพอได้ยินคำพูดของแม่เฉิน ทุกคนก็พากันหันมองหน้าแม่เฉิน สะใภ้รองคนที่เคยเย่อหยิ่งก้าวร้าว และเกลียดชังลูกสาวตัวเองกลับมารักลูกสาวแล้วงั้นหรือ เป็นไปได้ยังไง นี่คือคำถามในใจของทุกคน “แม่เฉินพูดจริงเหรอ ลูกสะใภ้รองให้ลี่เหมยนอนด้วยรึ” พ่อเฉินสงสัยจึงถามภรรยาอีกครั้ง “ฉันจะโกหกพ่อเฉินทำไม ลูกสะใภ้รองดูจะรัก ลี่เหมยมากนะ” แม่เฉินบอก “เชอะ คุณแม่ไม่บอกทุกคนด้วยล่ะคะ ว่าพี่สะใภ้รองให้ชุดใหม่ลี่เหมยตั้งสามชุด แล้วยังเปลี่ยนฟูกนอนใหม่อีก” สะใภ้สามเบะปากเวลาพูดถึงสะใภ้รอง และเป็นอีกครั้งที่ทุกคนตกใจ จึงตะโกนเสียงดังพร้อมกันว่า “สามชุด!” “เปลี่ยนฟูกนอนใหม่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” พ่อเฉินทวนคำสะใภ้สาม หัวคิ้วขมวดจนหน้าผากหยาบกร้านเป็นรอยหยัก เพราะสงสัยจึงมองหน้าภรรยา “ค่ะ ส่วนฟูกนอนเก่าพี่สะใภ้รองก็เอาไปให้บ้านหลินแล้ว และยังให้เสื้อผ้ากับสะใภ้บ้านหลินไปอีกตั้งเยอะแยะ” สะใภ้สามตอบคำถามพ่อเฉินแทนแม่เฉิน “เงียบ ลูกสะใภ้สาม” แม่เฉินถลึงตาใส่สะใภ้สาม ซึ่งแม่เฉินไม่พอใจที่ลูกสะใภ้คนนี้กำลังกวนน้ำให้ขุ่น นี่หล่อนหวังจะให้คนในครอบครัวไม่พอใจสะใภ้รองรึ ถึงแม่เฉินจะไม่ได้ชอบสะใภ้รองตั้งแต่แต่งเข้าบ้าน แต่ก็ไม่อยากให้พี่น้องต้องผิดใจกันเอง นี่คือความในใจของแม่เฉิน “คุณแม่ ฉันพูดเรื่องจริงทำไมต้องดุฉันด้วย” สะใภ้สามทำหน้างอ และทำท่าจะร้องไห้ “อย่าให้มันมากไปสะใภ้สาม” แม่เฉินวางตะเกียบแล้วจ้องหน้าสะใภ้สาม “ทำไมคุณแม่ต้องดุฉันต่อหน้าทุกคนด้วยคะ ในเมื่อฉันพูดเรื่องจริง” เมื่อถูกตำหนิ สะใภ้สามก็แกล้งร้องไห้และเช็ดน้ำตา “เธอนี่ จริงๆ เลย สมแล้วที่ลูกสะใภ้รองว่าหล่อนเป็นคนเนรคุณคน” แม่เฉินเอือมระอากับลูกสะใภ้สาม “คุณแม่!” สะใภ้สามก็ทำเสียงดังใส่แม่เฉิน “นี่ลูกสะใภ้สาม หล่อนเห็นหัวฉันไหม ฉันนั่งหัวโด่อยู่นี้ยังกล้าเถียงแม่เฉินเหรอ” พ่อเฉินดุสะใภ้สาม “คุณพ่อ ฉันขอโทษทุกคนก็ได้ อึกก” เมื่อถูกพ่อสามีว่ากล่าว สะใภ้สามเอ่ยขอโทษทุกคนแล้วก้มหน้าแกล้งสะอื้นไห้ “ถ้าทุกคนอยากรู้แม่ก็จะเล่าให้ฟัง สะใภ้รองเอาฟูกนอนให้บ้านหลินจริง แต่ที่ให้เพราะตอบแทนที่บ้านหลินเอาอาหารมาให้ทุกวัน ส่วนเสื้อผ้าก็เป็นของเก่าแล้ว ให้ไปแค่คนละชุด ไม่ได้เยอะอะไรหรอก” แม่เฉินส่ายหน้าเบื่อหนายกับนิสัยขี้อิจฉาของสะใภ้สาม ถึงจะถูกตำหนิไปหยกๆ แต่สะใภ้สามก็ยังไม่สำนึก ยังทำปากดีพูดเสียงขึ้นจมูกเยาะเย้ยสะใภ้รองว่า “ก็เพราะว่าบ้านหลินคงไม่มีอาหารให้แล้วนะสิ เลยจะมารบกวนบ้านเรายังไง แล้วที่พี่สะใภ้รองจะทำอาหารกินเองนั้นก็แค่ข้ออ้าง ทุกคนคอยดูสิว่าพี่สะใภ้รองต้องมากินล้างกินผลาญที่บ้านเราแน่ ทั้งที่ไม่ต้องทำงานอะไร” “จางซินหยุดพูดได้แล้ว” หยางฮุ่นที่นั่งเงียบมาตลอด เมื่อภรรยาเอาแต่พูดๆ ไม่หยุดเขาจึงสั่งภรรยาให้เงียบ “พี่หยางฮุ่น” หล่อนไม่ฟังสามี หนำซ้ำยังทำหน้าหักหน้างอใส่สามีอีก ที่สามีไม่ยอมเข้าข้างหล่อน “พี่บอกให้หยุด” หยางฮุ่นทำเสียงใหญ่สั่งภรรยา พร้อมทั้งถลึงตาใส่ด้วย “หยุดก็ได้” เมื่อสามีจ้องหน้าตาเขม็ง หล่อนก็สะบัดหน้าหนีหันไปมองทางอื่น เมื่อเห็นน้องๆ ทะเลาะกันผู่เว่ยก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่าทะเลาะกันเลย พี่ยืนยันอีกคน น้องสะใภ้รองคงจะไม่มารบกวนบ้านเราหรอก เพราะน้องสะใภ้รองเอาไข่มาให้บ้านเรา พี่ดูแล้วน่าจะ 2 ชั่งได้ เครื่องปรุงก็เอามาให้เยอะแยะเลย” “ที่เอาไว้ที่บ้านเราเพราะขี้เกียจถือของมาทำที่บ้านเรานะสิ” จางซินไม่หยุดใส่ร้ายสะใภ้รอง “ไม่หรอก น้องสะใภ้รองบอกว่า เครื่องปรุงและไข่เอาให้พวกเราทำกินกันได้ ส่วนของน้องสะใภ้รอง เดี๋ยวน้องสะใภ้จะเอามาเอง” ผู่เว่ยถึงจะไม่ชอบสะใภ้รอง แต่วันนี้เธอเห็นว่าสะใภ้รองเปลี่ยนไปจริงๆ หล่อนทำอาหารเผื่อหลานๆ ไหนจะไข่และเครื่องปรุงที่เอามาอีก “จริงรึผู่เว่ย” หยางฮั่นถามภรรยา “จริงสิคุณ ฉันได้ยินและเห็นกับตา” ผู่เว่ยบอกสามี “เอาล่ะๆ ดีแล้วที่ลูกสะใภ้รองคิดได้ บ้านเราจะได้วางใจ ต่อไปลี่เหมยกับลี่หมิงจะได้สบายพวกเธอก็อย่าไปวุ่นวายกับลูกสะใภ้รองให้มาก แยกบ้านกันไปแล้ว” เมื่อเห็นว่าสะใภ้สามกำลังจะพูดอะไรต่ออีก พ่อเฉินก็รีบพูดตัดบทสนทนาและจ้องสะใภ้สามอย่างปรามๆ ซึ่งสะใภ้สามก็ได้แต่ก้มหน้าลงแล้วทำหน้าไม่พอใจลับหลังพ่อสามี “ฉันแค่ไปดูหลานๆ เองพ่อเฉิน ไม่ได้คิดจะไปยุ่งวุ่นวายสักหน่อย” แม่เฉินพูดเสียงเบา เมื่อรู้ว่าพ่อเฉินว่ากระทบนาง “กินๆ ต้าหนิว ฮุ่ยหนิง ถ้าอยากกินเนื้อก็ตักเลยนะ เนื้อเยอะแยะเลย” พ่อเฉินไม่อยากตำหนิภรรยาต่อหน้าลูกๆ จึงหันไปคุยกับหลานๆ และช่วยคีบเนื้อให้หลานๆ “ครับปู่ / ค่ะปู่” เด็กทั้งสองได้ยินปู่อนุญาตให้กินเนื้อก็ดีใจ โดยเฉพาะฮุ่ยหลิง ที่ปกติจะไม่ได้รับอาหารดีๆ เท่ากับพี่ชายบ้านใหญ่ “นี่ข้าวของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ สะใภ้รองเอามาเผื่อ แต่ว่าเธอเอามาน้อยเลยแบ่งให้ได้แค่คุณพ่อคุณแม่” สะใภ้ใหญ่ยื่นถ้วยข้าวให้พ่อแม่สามี “เอามาน้อยหรือว่าไม่อยากแบ่งข้าวดีๆ ให้พวกเรากินกันแน่” สะใภ้สามเบะปากพูด “ลูกสะใภ้สามอย่าพูดมาก ถ้าไม่กินก็ออกไป” พ่อเฉินทำเสียงแข็งหน้าตาดุๆ มองสะใภ้สาม เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้คนนี้เอาแต่แขวะสะใภ้รอง “…” เมื่อถูกพ่อสามีไล่ให้ออกไปโต๊ะอาหาร จางซินก็เงียบและหุบปาก แล้วก้มหน้าหลบสายตาขึงขังของพ่อเฉิน “กินๆ นี่แม่เฉินกินเนื้อสิ” พ่อเฉินลงมือกินข้าวคำแรกและคีบเนื้อให้ภรรยากิน ซึ่งทุกคนก็กินตาม อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในชีวิตของพวกเขา เมื่อทุกคนอิ่มหนำกับอาหารมื้อนี้จนอาหารหมดทุกจาน ไม่เหลือแม้กระทั่งแผ่นแป้งจี่หรืออาหารที่สะใภ้ใหญ่ทำ อาหารจานเนื้อของฉันก็ไม่เหลือแม้แต่น้ำติดจาน ส่วนสะใภ้สามที่ไม่ได้ทำอาหารวันนี้ก็ต้องรับหน้าที่เก็บถ้วยชามไปล้าง… หลังจากกินข้าวอิ่มกันแล้ว ทุกคนก็ออกมานั่งเล่นในห้องรับแขก “ปู่ ย่า” เสียงเล็กๆ พร้อมกับคนตัวน้อย ที่วิ่งกระต่ายสามขาเข้ามาในบ้าน ทำให้พ่อเฉินพยักหน้าให้แม่เฉินดู “หลานย่า” แม่เฉินเมื่อเห็นหลาน นางก็รีบอ้าแขนรอกอดหลานสาวผู้น่าสงสาร “มายังไงหลานปู่” พ่อเฉินถาม เมื่อหลานสาววิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของแม่เฉินผู้เป็นภรรยา “มากับแม่ค่ะ” ลี่เหมยชี้ให้ปูและย่าดูแม่ที่อุ้มน้องเดินตามมาแต่ไกล ซึ่งพ่อเฉินแม่เฉินก็มองทางที่หลานชี้ให้ดู “อ้าว ลี่เหมย” ลุงป้า และอาๆ ที่นั่งคุยกันก็เอ่ยทักหลานสาวสุดที่รัก ซึ่งทุกคนจะรักและสงสารลี่เหมยมาก ผิดจากสะใภ้สามที่จะไม่ชอบลี่เหมย “ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ อาสาม อาสี่” ลี่เหมยออกจากอ้อมแขนของย่า ยืนตัวตรงแล้วทำการคารวะทุกคนอย่างมีมารยาท “ลี่เหมย เด็กดีๆ” ส่วนพ่อเฉินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มือก็ยกขึ้นลูบหัวหลานสาวอย่างใจดี เดิมทีพ่อเฉินก็สงสารหลานคนนี้มากอยู่แล้ว แต่วันนี้เห็นหลานสาวร่าเริงต่างจากเดิม พ่อเฉินก็ดีใจเมื่อมองสำรวจหลานสาวดูสะอาดและผิดไปจากเมื่อวาน ‘อื้อๆ นี่ลูกสะใภ้รองเอาใจใส่ลี่เหมยขึ้นมาแล้วจริงๆ สินะ’ พ่อเฉินนึกในใจ และช่วงเวลาที่ทุกคนต่างตะลึงมองลี่เหมยตาค้างนั้น ต่างก็พากันหันไปมอง เมื่อแม่เฉินเอ่ยทักคนมาใหม่ว่า “ลูกสะใภ้รองเข้ามาสิ” แม่เฉินบอก แล้วรีบลุกขึ้นรับเอาหลานชายตัวน้อย ที่อยู่ในอ้อมแขนของหลินซูมี่มาอุ้ม “คุณพ่อคุณแม่ พี่ใหญ่ น้องสาม น้องสี่ พี่สะใภ้ใหญ่สวัสดีค่ะ” ฉันทักทายทุกคน แล้ววางตะกร้าใบใหญ่บนโต๊ะรับแขก “เอ่อ สวัสดี เข้ามานั่งก่อนลูกสะใภ้รอง” ทุกคนทักทายแบบงง เพราะฉันทักทายด้วยท่าทีอ่อนน้อมจนพ่อเฉินต้องเอ่ยเชิญให้ฉันนั่ง “พะ พี่สะใภ้รองนั่งนี้ครับ” เป็นเฉินหยางหมินเองที่ลุกขึ้น แล้วบอกให้ฉันนั่งที่ของตัวเอง “ขอบใจจ๊ะน้องสี่” ฉันยิ้มให้หยางหมิน ซึ่งท่าทีอ่อนหวานนุ่มนวลเวลาพูดของฉันทำให้ทุกคนตะลึงทำตัวไม่ถูก “แล้วนี่ตะกร้าอะไรเหรอ” แม่เฉินถาม เมื่อเห็นตะกร้าใบใหญ่ “ผลไม้ค่ะ หนูลืมเอามาให้เมื่อตอนเย็น นึกขึ้นได้เลยเอามาให้ค่ะ” ฉันยิ้มให้ทุกคน แล้วเอาผลไม้ออกมาให้ดู “ผลไม้ ทำไมเอามาให้เยอะแยะจัง” พ่อเฉินมองผลไม้ในตะกร้าแล้วพูดขึ้น นี่มันมีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น โดยเฉพาะส้ม เขาก็ไม่เคยกินมันเลย รสชาติจะเป็นยังไงกันนะ แต่พอคิดว่าวันนี้ลูกสะใภ้รองก็แบ่งเนื้อมาให้กินแล้วก็รู้สึกเกรงใจ “หนูเอามาให้คุณพ่อคุณแม่และก็ทุกคนกินค่ะ แค่นี้ไม่ได้เยอะอะไรเลย” ฉันบอก “แอปเปิ้ลลูกใหญ่มากพี่สะใภ้รอง” หยางหมินหยิบไปดม “กินดูสิ พี่ล้างมาเรียบร้อยแล้วนะ” ฉันบอกพร้อมปอกเปลือกแล้วตัดเป็นชิ้นๆ ยื่นให้ทุกคน “หวานมากเลย” แม่เฉินเมื่อกัดแอปเปิ้ล แต่ยังไม่ทันได้กลืนก็พูดขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่กินด้วยจะได้บำรุงร่างกาย และจะได้มีลูกอีกเร็วๆ ของกินดีๆ ก็มีผลต่อการตั้งครรภ์นะคะ” ฉันบอกสะใภ้ใหญ่เสียงนุ่ม ฉันรู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่อยากมีลูกสาว ส่วนสะใภ้สามอยากมีลูกชาย แต่ด้วยไม่ได้กินอาหารบำรุงดีๆ จึงทำให้ร่างกายยังไม่พร้อม ฉันอยากแบ่งอาหารที่มีให้บ้านเฉินกินบำรุง แม้จะไม่ชอบใจสะใภ้สาม แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นคนบ้านเฉินเหมือนกัน “ขอบใจมากนะน้องสะใภ้รอง” เฉินหยางฮั่นเอ่ยขึ้น พร้อมหยิบแอปเปิ้ลให้ภรรยา ด้านพ่อเฉินพอได้ยินว่ามันมีประโยชน์ต่อลูกสะใภ้ทั้งสองก็ไม่ปฏิเสธ เขาอยากมีหลานตัวน้อยๆ อีกหลายคนถ้าอาหารมันมีผลจริงๆ เขาก็จะไม่ขัด พร้อมบอกลูกสะใภ้รองว่า “อื้มๆ บ้านเราจะรับไว้ก็แล้วกัน” “พี่สะใภ้ใหญ่คะ” เมื่อทุกคนเอาแต่สนใจตะกร้าผลไม้ ฉันก็หันไปคุยกับพี่สะใภ้ใหญ่ “มีไรหรือน้องสะใภ้รอง” พี่สะใภ้ใหญ่ก็ขานรับ และหยุดกินผลไม้ “พรุ่งนี้ฉันฝากลี่เหมยลี่หมิงไว้กับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยได้ไหมคะ พอดีฉันจะเข้าเมืองไปซื้อของนะคะ” ฉันถาม “ได้สิทำไมจะไม่ได้” สะใภ้ใหญ่รีบรับปาก “ขอบคุณพี่สะใภ้ใหญ่มากค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่สะใภ้ใหญ่ และมองทุกคนกินผลไม้ที่เธอเอามาให้ ฉันรู้ว่าสะใภใหญ่อยู่บ้านพรุ่งนี้จึงกล้าฝากลูกๆ ไว้กับนาง แต่นี่ถ้าเป็นสะใภ้สามเธอก็ไม่ฝากลูกๆ แน่ คงจะเอาไปฝากที่บ้านหลิน “จะขอบคุณทำไม ทีเธอเอาของดีๆ มาให้พวกเรา เรายังไม่มีอะไรตอบแทนเลย” สะใภ้ใหญ่พูดขึ้น ซึ่งทุกคนก็พยักหน้างึกๆ “อ้อ นี่เป็นชุดของฉันที่ไม่ได้ใช้แล้ว ฉันเอามาให้พี่สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามคนละชุดนะคะ” ฉันเอาชุดมาให้สะใภ้ทั้งสองด้วยจึงหยิบออกจากตะกร้ายื่นให้สะใภ้ใหญ่ ส่วนสะใภ้สามไม่เห็น เดี๋ยวสะใภ้ใหญ่ก็คงเอาไปให้สะใภ้สามเองนั่นแหละ “ขอบใจจ้ะ” เมื่อได้ยินว่ามีเสื้อผ้าใหม่สะใภ้ใหญ่ก็ยิ้มดีใจ ปกติเธอจะได้ชุดใหม่แต่ปีละครั้งเท่านั้น แม้สะใภ้รองจะพูดว่าเป็นชุดเก่าแต่มันก็ยังใหม่อยู่เลยในสายตาของเธอ “ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ลี่เหมย ลาทุกคนเร็วลูก” ฉันยิ้มเล็กน้อยแล้วหันไปหาลูกสาว ซึ่งแกก็ว่าง่าย ทำตามแม่บอกโค้งตัวคารวะปู่ย่าและทุกคนทันที “เด็กดีๆ” พ่อเฉินยิ้มแก้มปริแล้วยกมือลูบหัวหลานสาว ภาพของหลินซูมี่ที่อุ้มลี่หมิงแล้วจูงมือลี่เหมยเดินออกจากบ้าน ทำให้คนในบ้านเฉินมองตามด้วยสายตาปลื้มใจ ถึงแม้ว่าจะแปลกใจอยู่บ้าง “เธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ” พ่อเฉินพูดอย่างดีใจที่บ้านลูกชายคนรองที่เขารักและห่วงที่สุด จากนี้ไปจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว ส่วนพี่ชายและน้องชายของหยางตงก็ดีใจกับบ้านรองจริงด้วย…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD