เจอบททดสอบ

1233 Words
“สวัสดีครับ” รพิชาพูดทักทายเป็นภาษาไทย “เราคือฟรานใช่ไหม น้าชื่อทอฟฟี่นะคะ น้าเป็นน้องสาวของแม่เธอ” คราวนี้รพิชาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษอย่างช้า ๆ แต่สิ่งที่ฟรานตอบกลับ เด็กชายตัวน้อยเลือกที่จะเอาเลโก้ชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือขว้างใส่หน้าของรพิชา เธอถึงกับหลับตาปี๋ ไม่เจ็บหรอก แต่ตกใจที่หลานชายแสดงกิริยาก้าวร้าวแบบนี้ “อุ๊ยตายแล้ว! คุณฟรานทำไมทำอย่างนั้นล่ะคะ ขอโทษคุณน้าเดี๋ยวนี้ค่ะ โอ๊ย! ไม่น่ารักเลย” นีอาเองก็ตกใจ ฟรานไม่เคยก้าวร้าวมากถึงเพียงนี้ ปรกติแค่จะอารมณ์เสียเฉย ๆ แต่ไม่เคยขว้างของใส่หน้าของใคร ทีแรกรพิชาก็ตกใจเอาเรื่อง เธอเบิกตากว้างอย่างลืมตัว แต่พอเห็นดวงตาน้อย ๆ ของเด็กชายแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้ เธอก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม และมองหน้าฟรานด้วยสายตาที่อ่อนโยน “คุณทอฟฟี่เจ็บหรือเปล่าคะ” นีอาเป็นห่วง รีบเข้าไปเก็บเลโก้ที่ตกอยู่ เอาใส่ในผ้ากันเปื้อนของตัวเอง “ไม่ค่ะ” เด็กชายตัวสั่น ๆ เหมือนกำลังสกัดกลั้นความรู้สึกบางอย่าง มีความเจ็บเป็นร้อยเป็นพันที่คั่งค้างอยู่ในใจ รพิชาค่อย ๆ ขยับตัวเข้าไปหา เธอยื่นมือเข้าไปหมายจะแตะตัวของฟราน แต่เด็กชายก็จัดการเธอด้วยการตีเพียะจนเสียงดัง และปัดเอามือของรพิชาออกไปให้พ้นตัว “ออกไปนะ และอย่ามายุ่งกับฟราน อย่ามาจับ” “คุณหนู” นีอาตกใจมากกว่าเดิม ยิ่งเห็นอาการตัวสั่น ๆ ของฟรานที่นีอาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และยังคงมองหน้าของรพิชาอย่างตัดพ้อและน้อยใจ รพิชายังคงยิ้มให้ “ทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะครับ” เธอถามออกไป ก่อนจะหรี่ตาและยิ้มสดใสให้อีก ทำเป็นไม่ถือโทษโกรธเด็กน้อย รพิชารู้ได้เลยว่าฟรานมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ เธอต้องมาปราบเด็กดื้อที่น่าสงสารคนนี้ มือของรพิชายื่นไปใกล้อีก และก็เป็นอาการเดียวกัน ฟรานปัดมือของรพิชาออก “ไม่ต้องมาแตะตัวของฟราน” “โอเคจ้า ไม่แตะ ก็ไม่แตะ เข้าใจแล้ว” เธอก็ยังมองแบบสู้สายตาคู่น้อยของฟราน เด็กน้อยก็ยังคงมองจ้องสบ และสำรวจไปทั่วใบหน้าของรพิชา เขาไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอ “อือ... ทำไมล่ะครับฟราน น้าทอฟฟี่อาบน้ำแล้วนา แล้วมือของน้าทอฟฟี่สะอาดนะ” เธอพลิกมือของตัวเองมองไปมา ใจที่ดื้อด้าน อยากสร้างปัญหาให้กับเธอคนนี้ ฟรานแสดงชัดเจนอีก เขาทำใบหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม รพิชาเห็นชัดฟรานอาการหนัก เธอจะไม่โทษ และจะไม่ถือโทษโกรธเอาความกับเจ้าหนูน้อยเลยสักนิดเดียว ‘นี่ละมั้ง ที่คนเป็นพ่อคงจะจนปัญญา และอยากจะให้เธอมาจัดการเจ้าหนูตัวร้ายให้อยู่กับร่องกับรอย’ รพิชาจับนิ้วของตัวเอง และเช็กละเอียดว่ามันไม่ได้สกปรก “แต่คนที่ต้องการให้น้ามาดูฟราน คือคุณพ่อนะ” เธอพูดเป็นภาษาไทย “พูดอะไรน่ะเมื่อกี้ พูดอะไร มีอีกอย่าง ห้ามใครพูดภาษาไทยที่บ้านหลังนี้” ฟรานพูดจาฉะฉานชัดทุกถ้อยทุกคำ ‘แสดงว่าฟรานรู้ว่าที่ฉันพูดออกไปเมื่อกี้ คือภาษาไทย แต่ฟรานคงไม่รู้คำแปล’ เธออมยิ้ม ‘เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย เจ้าคงดูจากมือถือสินะ แสดงว่าฟรานก็ให้ความสนใจในเรื่องราวของแม่ของตัวเองเช่นเดียวกัน และคงอยากจะรู้จักประเทศบ้านเกิดของแม่ ถึงได้เข้าไปดูในอินเทอร์เน็ต เพราะมีหลายคนที่สอนให้คนต่างชาติพูดภาษาไทย “ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วครับ” รพิชายังชวนคุย ฟรานไม่ตอบ แต่ขบเม้มงับปากจนเป็นเส้นตรงแทน “หกขวบค่ะ” คุณนีอาตอบแทน “แล้วโรงเรียนปิดหรือยังคะ” เธอศึกษามานิดหน่อย รู้ว่าที่นี่ปิดเทอมแล้ว แต่ก็ไม่รู้ทั้งหมด จึงต้องสอบถาม “สอบเสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ให้หยุดหนึ่งอาทิตย์ หลังจากนั้น ก็จะต้องไปเรียนซัมเมอร์” “หา! เรียนซัมเมอร์หรือคะ” รพิชาหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เด็กอยู่ลำพังคงว้าเหว่ ไปโรงเรียนเรียนหนังสือได้เจอเพื่อนก็จริง แต่ตัวแค่นี้เพิ่งสอบเสร็จ แล้วหยุดเรียนหนึ่งอาทิตย์ ให้ไปเรียนซัมเมอร์อีก “เพิ่งสอบเสร็จ หยุดเรียนหนึ่งสัปดาห์ ก็จะให้ไปเรียนซัมเมอร์ แบบนี้ไม่ไหวมั้งคะ น่าสงสารฟรานจัง” เธอพูดไป และมองหน้าของฟรานอย่างเอ็นดู “ใช่แล้วค่ะ” “โธ่! น่าสงสารจังเลยค่ะ” “แล้วที่ประเทศไทย เด็ก ๆ ไม่ต้องเรียนพิเศษ หรือว่าเรียนซัมเมอร์เหรอคะ” “ไม่มีค่ะ ถ้าโรงเรียนปิดเทอมแล้ว เด็ก ๆ ก็ต้องหากิจกรรมทำ และก็เล่นค่ะ ออกไปเที่ยว ไปหาอะไรกินกัน หาความสุขใส่ตัว แล้วยังมีอะไรให้ทำนอกโรงเรียนอีกเยอะแยะค่ะ ชีวิตของเด็กจะอยู่แต่ที่โรงเรียนได้อย่างไร” คำพูดทุกอย่างที่หลุดออกมาจากรพิชา ช่างโดนใจเด็กชายเหลือเกิน แต่ฟรานก็ยังทำหน้าเคร่งขรึม ทั้งที่ภายในหัวใจดวงน้อยกระจ้อยร่อยออกอาการตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะคำว่าได้ไปเที่ยว พ่อทำแต่งาน พ่อสัญญาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะพาฟรานไปเที่ยว แต่ฟรานก็ไม่เคยได้ไป เด็กชายต้องอยู่แต่ที่บ้าน และที่โรงเรียน มีเพียงสองที่นี้เท่านั้น “ฟรานจ๊ะ น้าจะลองคุยกับคุณพ่อนะว่า ฟรานไม่ต้องเรียนซัมเมอร์ก็ได้ เพราะมีน้าอยู่ทั้งคน น้าจะสอนฟรานเอง” “จริงหรือครับ” เผลอตัวแสดงความดีใจ ดวงตาเป็นประกายวาววับ “ฟรานก็ไม่ชอบเรียนเท่าไหร่หรือ” เธอแกล้งถามไป เด็กต้องการคนมาเป็นสมัครพรรคพวก เขาเห็นทั้งสีหน้าและแววตา รวมถึงน้ำเสียงของรพิชาแล้ว เธอน่าจะเป็นคนใจดี ส่วนรพิชาได้แต่นึกเห็นใจและเอ็นดู เด็กอายุเท่านี้ไปโรงเรียนจะทำอะไร นอกจากเล่นกัน เจ้าของขนตางอนยาวเป็นแพ ผงกหัวนิด ๆ ฟรานพยักหน้าเป็นคำตอบ รพิชาถึงกับลอบพ่นลมหายใจ นี่เป็นสัญญาณที่ดีที่เธอจะเป็นเพื่อนกับฟราน หญิงสาวแตะมือลงไปจับใบหน้าหล่อเหลาของเด็กน้อย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้อย่างรวดเร็ว รพิชาจรดปลายจมูกลงไปในแก้มนิ่ม ๆ ของฟราน “เฮ้ย! ทำแบบนี้ทำไม ก็บอกแล้วอย่ามาแตะ” ทำเป็นหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ก็อดใจไม่ไหวนี่นา ฟรานน่ารักอะ ฟรานน่ารักจริง ๆ รู้ไหมว่า น้าทอฟฟี่ตกหลุมรักหนูเสียแล้วนะ” และเธอก็หยิกหยอกแก้มของเด็กชายเบา ๆ หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นตึก ๆ ที่ถูกผู้หญิงตรงหน้าที่หน้าตาคล้ายกับแม่มาก ๆ มาบอกรัก ตั้งแต่แม่จากไป แม้จะบอกว่าเด็กมากอาจจะไม่รู้เรื่อง ทว่าฟรานอยากได้อ้อมกอดของแม่ แต่พอรพิชาจะจับมือแก ฟรานก็ตีเพียะเข้าให้ “คุณฟราน” เสียงนีอาที่กำลังปวดหัวตึบกับพฤติกรรมของฟราน “คุณทอฟฟี่คะ คุณอย่าถือสาแกเลยนะคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD