คีริวฉวยขวดเบียร์มากระดกดื่มสกัดเสียงหัวเราะ สีหน้าแต่ละนางเหมือนจะคาดไม่ถึง มีเพียงหนึ่งเดียวที่สีหน้าเฉยสนิท แถมเป็นสาวคนเดียวที่เขาสะดุดตา
“ว้าววว...”
อริสลาเป็นคนเดียวที่ปลื้มสองหนุ่มแบบออกหน้าออกตา
หลังนัดแนะกันเรียบร้อย และอิ่มแปล้กับยำรสจัดจ้าน จึงตกลงแยกทางกัน ก่อนจะมาพบกันตามเวลานัด
กลุ่มสาวๆ เดินนำหน้า มีสองหนุ่มเดินรั้งท้าย
การที่นิโคไลกับคีริวทำเช่นนั้น ก็เพราะหากสามสาวรู้ห้องพักของสองหนุ่มอยู่ชั้นไหน พวกหล่อนจะตกใจเสียเปล่าๆ
คีริวถลึงตาใส่พนักงานคนหนึ่งที่เดินผ่าน เขาทำท่าจะค้อมตัวทำความเคารพ แต่สะดุดเพราะการปรามด้วยสายตาจากเจ้านายสูงสุดไว้เสียก่อน
“ฮ่าๆ ตลกพวกหล่อนชะมัด ตอนที่รู้ว่าเราพักที่นี่เหมือนกัน แล้วถ้ารู้ว่าเราพักห้องVIP หล่อนคงตาเหลือก”
นิโคไลเงยหน้าหัวเราะลั่น
คีริวส่ายหน้า เดินไปเปิดตู้เย็น ฉวยเบียร์เย็นๆ ออกมาหนึ่งขวด
เขาติดใจกับแววตาของหนึ่งในสามสาว หล่อนดูระแวง และตั้งป้อมกันตัวออกห่าง เป็นคนเดียวที่พูดน้อยที่สุดในกลุ่ม
“คุณสนคนไหน...ในกลุ่มนั้น?”
สำหรับนิโคไล เขาไม่สนใจหนึ่งในสามสาวนั่นเลย คนที่นิโคไลตั้งใจ ‘ล่า’ คือแม่สาวปากจัด หน้าคมที่ชายหาดต่างหาก “ให้เดามั้ย?”
คีริวส่ายหน้า...ยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นเพื่อนกันมานาน ทำไมนิโคไลจะไม่รู้ “ไม่ใช่คนเดียวกับที่คุณเล็งแล้วกันนิค” เสียงหัวเราะของนิโคไลดังลั่น สองหนุ่มกำลังสนุกกับ เกมล่า ที่พวกเขาลงทุนลงแรง...มันสนุกสำหรับเขา แต่คนถูกล่าเล่า สนุกด้วยหรือเปล่า!?
“เราขอไม่ไปนะ...อริสกับพิมตามสบายเลย”
แอนนาเปิดปากพูดทันที ที่กลับถึงห้อง...
“ทำไมล่ะ!!?” สองสาวหันมาถามแทบจะพร้อมกัน
“ไม่ทำไมหรอก พวกเธอก็รู้เราไม่ชอบสถานที่แบบนั้น”
แอนนาตอบ สีหน้าเหยเก เมื่อคิดถึงห้องแคบๆ กับคนเป็นร้อย บรรยากาศแสนอึดอัด แถมยังไปกับคนที่เธอชังน้ำหน้า
“เรามาเที่ยวนะแอน... ไปด้วยกันเถอะ เธอจะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง... ทนอุดอู้อยู่กับหนังสืออย่างเดียวไม่ได้ มาเที่ยวทั้งที ต้องปลดปล่อยนะจ๊ะ”
พิมพิสาไม่เห็นด้วย ถึงจะรู้ว่าเพื่อนไม่ชอบ แต่มันจะเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งของแอนนา อาจจะทำให้การเก็บตัวของเพื่อนสาว คลี่คลายไปในทางที่ดี
“ถ้าแอนไม่ไป เราก็ไม่ไปนะ” อริสลาเอ่ยเสียงแข็ง เป็นทางเดียวที่แอนนาจะไม่ปฏิเสธ หากตนเองทำให้เพื่อนหมดสนุก และอริสลาจับจุดนั้นได้
หญิงสาวทำหน้าปั้นยาก “ก็ได้...แต่ไม่เกินสี่ทุ่ม” เพราะไม่อยากให้เพื่อนเสียความตั้งใจ แอนนายอมทำตาม แต่ก็มีข้อแม้แลกเปลี่ยน
“ได้!!”
สองสาวตอบพร้อมกันเหมือนนัด
การท่องราตรีครั้งแรกของแอนนาจึงเกิดขึ้น...พร้อมกับความรู้สึกหน่วงๆ ในอก
บรรยากาศน่าอึดอัด กลุ่มควันหนาๆ ลอยอยู่เหนือศีรษะ เสียงเพลงดังอึกทึก...มีคนมากกว่าที่เธอคาดไว้ แต่ละคนยิ้มแย้มแจ่มใส มีแอลกอฮอล์ในมือแทบทุกคน
แอนนาพยายามทำตัวลีบ เธอไม่มีความสุขเลย อึดอัดจนอยากจะหนีไปจากตรงนี้ ติดตรงที่ เพื่อนๆ ยังสนุกกันอยู่ เธอไม่อยากให้บรรยากาศดีๆ เสียไปเพราะเธอคนเดียว
คีริวลอบมองแอนนามาพักใหญ่
สีหน้าหล่อนดูไม่ใคร่สบายใจ ยิ้มที่แต้มมุมปากก็ฝืนๆ พิกล ยิ่งเขาพยายามเข้าใกล้ หล่อนยิ่งถอยห่าง แม้แค่การพูดคุย ดูเหมือนว่าหล่อนจะต่อต้านเขาตลอด
“ออกไปแดนซ์กันหน่อยมั้ยครับ”
ชายหนุ่มชวนเพื่อผูกไมตรี
แอนนายิ้มกร่อยๆ เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ให้เหตุผลอะไรเลย
“ขอฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” หล่อนหันไปกระซิบบอกเพื่อน ก่อนจะเดินเร็วๆ ออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้คีริวมองตามอึ้งๆ
นิโคไลเอียงตัวกระซิบกลั้วเสียงหัวเราะ “ทำอีท่าไหนวะไอ้เสือ...สาวถึงกับเผ่นไม่เห็นฝุ่น”
ชายหนุ่มกลอกตามองบน ฉวยแก้วบรั่นดีขึ้นมากระดกดื่ม เพื่อลดความระอุในอารมณ์
คีริวพยายามอีกหลายครั้ง เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับแอนนา และแทบทุกครั้ง... เขาถูกหล่อนปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้า ไมตรีที่ยื่นให้ หล่อนไม่สนใจ... แถมยังปัดจนกระเด็น แต่นั่น...กลับทำให้คีริวไม่ยอมหยุด เขาหรี่ตามองหล่อนนิ่งๆ ใช้ความคิดเงียบๆ จนกระทั่งแอนนาขอตัวกลับไปก่อน ความสงสัยบางอย่าง ชายหนุ่มจึงสั่งงานการ์ดส่วนตัว...เขาอยากรู้จักหล่อน...แบบละเอียดทุกซอกทุกมุม เพื่อหาสาเหตุความหมางเมินของแอนนา ที่มีต่อตัวเอง
“หืม...คุณซื้อไอ้ตุ๊กตาน่าเกลียดนั่นมาอีกแล้วหรือ?”
นิโคไลเอ่ยทัก เขามักจะเห็นคีริวมีตุ๊กตาหมีน้อยติดมือมาด้วยเสมอ
ชายหนุ่มไหวไหล่ เขาโยนถุงใส่ตุ๊กตาไว้ข้างตัว ก่อนจะทิ้งตัวนั่งข้างๆ เพื่อน
“ไม่รู้สิ...พอรู้สึกตัวก็ได้เจ้านั่นมาอยู่ในมือแล้ว”
คีริวบ่นตัวเอง ไม่รู้เป็นอะไรสิ เขามีความหลังเก่าๆ กับตุ๊กตาหมีหรืออย่างไรกัน เพราะทุกครั้งที่เขาเห็นมันมองมาที่เขาด้วยสายตาละห้อยนั่น ก็มักจะทำให้เขาควักกระเป๋าจ่ายสตางค์ซื้อมันมาทุกที
“มีเกินร้อยแล้วมั่งนั่น” เสียงบ่นของนิโคไลยังดังมาเข้าหู มุมปากสีเข้มเบ้ลง เขาปรายตามองสบตาตุ๊กตามีแบบมีความนัย
อดีตอันแสนนาน นานจนเขาน่าจะลืม แต่มันกลับลืมไม่ลง ความหลังนั่นย้ำเตือนให้เขารู้สึกผิด ผิดกับเด็กหญิงคนนั้น น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม เมื่อเขาทำให้หล่อนอาย เพราะกำลังผยอง ทำให้คีริวบอกปัดคำสารภาพรักของเด็กน้อยคนนั้น เขาไม่ได้ชอบเธอ แต่ก็ไม่ควรฉีกหน้าเธอต่อหน้าเพื่อนคนอื่นๆ คงเพราะตอนนั้นเขายังเด็ก จึงทำลงไปแบบไม่ยั้งคิด หากย้อนเวลาได้ คีริวมั่นใจ เขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
ตุ๊กตาตัวนั้นตัดพ้อเขาแทนเจ้านาย ดวงตาสีดำของมัน เหมือนกลับดวงตาเด็กนั่นที่จ้องมาที่เขา พร้อมกับคำต่อว่า
“ยกให้คนอื่นไปเยอะแล้วนะ”
มือเรียวจับถุงมาใกล้ๆ เขายกตุ๊กตาหมีน้อยที่ถักด้วยไหมพรมขึ้นมาดู ฝีมือคนถักละเอียดเรียบร้อย คนทำคงตั้งใจทำเป็นอย่างมาก ผลงานจึงออกมาดูเลอค่า จนเขาอดไม่ได้ที่จะคว้ามาเป็นเจ้าของ
“เห้...ตัวนี้สวยนะ” ตุ๊กตาสีน้ำตาลไหม้ในมือของเพื่อน นิโคไลเอ่ยชม เขายื่นแก้วทรงสูงที่ก้นแก้วมีบรั่นดีรสเลิศกลอกกลิ้งอยู่ในนั้นด้วย
“อืม...สวย” คีริวคิดเลยไปถึงตุ๊กตาเปื้อนเกล็ดหิมะตัวนั้น สีแบบเดียวกัน แต่ขนาดต่างกันเยอะ เมื่อตุ๊กตาตัวนั้นมีขนาดย่อมๆ พอที่เด็กหญิงอายุ10ปี พอทำได้ เขาเห็นรอยปุ่มปมของไหมพรมที่ต่อกันไม่สนิท รอยนั่นกระจายไปทั่วตัวตุ๊กตา แต่เธอก็ยังสู้อุตส่าห์ทำจนเสร็จ “เห้อ...”
“คิดถึงเด็กนั่นอีกเหรอ?” นิโคไลอมยิ้ม ความหลังเก่าๆ นั่น เขาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เวลานั้นเขาเองก็ยังยืนหัวเราะ เป็นอีกคนหนึ่งที่ช่วยคีริวทับถมเด็กหญิงคนนั้น
“อืม...” นิโคไลครางรับ ความรู้สึกผิดเกาะกุมอยู่ในใจจนทุกวันนี้
“มันนานแล้วนา ป่านนี้... ยัยนั่นมีลูกมีผัวไปแล้วมั้ง” เด็กหญิงตาคมผมดำ ผิวขาวอมชมพู โตมาหล่อนคงงดงามไม่น้อย
“คงงั้น” ชายหนุ่มตอบแค่นๆ มีเสียงแย้งในใจ เจ้าหล่อนไม่มีวันมองผู้ชายอื่นอีกแน่ หากถูกทำร้ายจิตใจแบบนั้น
“ว่าแต่ แม่สาวคนที่คุณเล็งที่ชายหาดวันนั้นไปถึงไหนกันแล้วล่ะ” นิโคไลกับคีริวเล่นเกมสนุกๆ เขาไล่ล่าสาวๆ และสะดุดตากับสาวสวยสองนางที่ชายหาดวันนั้น เขาอยากรู้ว่าระหว่างคีริวกับผู้หญิงผมดำคนนั้นไปถึงไหนกันแล้ว
“แล้วคุณล่ะนิค” ชายหนุ่มหันมาถามเพื่อนพร้อมกับรอยยิ้ม
นิโคไลเสหลบตา นึกถึงแม่ตัวแสบนั่นจับจิตนั่นทีไร มันจี๊ดๆ ในใจทุกครั้ง หล่อนเล่นตัวและไม่เคยยอมลงให้เขา ทำเหมือนกับว่าเกลียดผู้ชายหนักหนา
“ยัยป่วนนั่นใจแข็งเป็นบ้า!!” ระพัด ผู้หญิงคนนั้นชื่อระพัด หล่อนขายเครื่องดื่มอยู่ที่ชายหาด ร้านเล็กๆ ของหล่อนเทียบไม่ได้เลยกับโรงแรมขนาดใหญ่ด้านหลัง แต่หล่อนก็ยังเล่นตัว
“หึๆ” คีริวหัวเราะลงลูกคอ นานๆ เขาจะเห็นเสือผู้หญิงอย่างนิโคไลจนแต้มสักที แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา