ตอนที่ 1

1363 Words
ตอนที่ 1 เด็กสาวจากแคว้นหนานเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเจอหน้าบิดาของผู้ให้กำเนิดของนาง เพราะท่านแม่ของนางได้จากไปไม่มีวันหวนกลับ นางเคยเดินทางที่จิ่วโจวหลายครั้งแล้ว ก่อนหน้าที่นางจะเกิดมานั้น บิดาของนางเป็นคนแคว้นจิ่นโจว มารดาของนางเป็นคนแคว้นหนาน บิดาเดินทางมาทำการค้าขายที่แคว้นหนานบ่อยครั้ง และได้พบเจอกับสาวงามอันดับหนึ่ง นางน่ารักอ่อนหวาน ก่อให้เกิดเป็นความรักใคร่ผูกพัน ติดเพียงแค่ฐานะมิได้ร่ำรวยก็เพียงแค่นั้น จากนั้นทั้งคู่ก็ได้ร่วมหอกัน ก่อเกิดและมีพยานตัวเล็ก ๆ นั่นก็คือนาง เย่วฟางหรู ฟางหรู ชื่อของนางในแคว้นหนานบ่งบอกเป็นอย่างดี นั่นเพราะยามที่นางเกิดมานั้นมีกลิ่นกายที่หอมคล้ายดั่งเครื่องหอมติดตามตัวมาตั้งแต่เกิด จึงทำให้ท่านแม่ของนางตั้งชื่อให้ว่า ฟางหรู หรือคุณหนู เย่วฟางหรู บิดาอยู่ที่แคว้นหนานได้ห้าปี ก็เดินทางกลับแคว้นจิ่วโจว โดยพานางและท่านแม่มาด้วย แต่ท่านย่า และท่านปู่ ไม่ยอมรับเพราะเป็นคนต่างแคว้น ซ้ำยังดูแคลนว่ากำพืดชั้นต่ำ ไม่เหมาะสมจะเป็นฮูหยินน้อยตระกูลเถา อีกอย่างขนบธรรมเนียมนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มารดาของฟางหรู หรือก็คือเย่วฟางหลัน อดทนกล้ำกลืนเก็บความเจ็บช้ำทุกข์ทรมานใจ เมื่อรักเขาจนหมดใจ นึกไม่ถึงว่าบิดาและมารดาของสามีจะเป็นเช่นนี้ นางทนทุกข์อยู่หนึ่งปีกว่า ๆ จากนั้นจึงได้หอบลูกน้อยกลับไปยังถิ่นฐานแคว้นหนานอีกครั้ง และไม่คิดจะหวนกลับมาอีกเลยนับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ฟางหลันไม่ได้กีดกันลูกสาว หากนางจะเดินทางมาหาบิดานางก็ยินดี ด้วยความรักของนางทั้งหมดนั้นอยู่ที่ชายในดวงใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะมีเพียงแค่เขาคนเดียว แต่ทว่ามีข่าวตอบกลับมาจากแคว้นจิ่นโจว สามีที่นางรักและเถิดทูนเอาเหนือหัว แต่ทว่าเขาได้แต่งงานมีภรรยาใหม่เสียแล้ว ฟางหลันจึงทุ่มเทความรักทั้งหมดให้ดรุณีน้อยเพียงคนเดียวของนาง สอนสั่งทุกอย่างให้เด็กน้อยดูแลตนเองได้ เย่วฟางหรูเด็กสาวที่เติบโตจากแคว้นหนาน หน้าตาสะสวยตามแบบของสาวงามแคว้นหนาน สวยหวานและดูอ่อนโยน แต่ฟางหรูมีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารและต่อยตี นางเก่งทีเดียว ล้มผู้ชายตัวใหญ่ได้อย่างสบายคุณสมบัติสตรีในห้องหออย่าให้พูดเชียว ไม่มีอยู่สักนิด เพราะเกิดและเติบโตที่แคว้นหนานจนถึงอายุสิบหก พอท่านแม่จากไปฟางหรูก็ตัดสินใจมาหาท่านพ่อที่ จิ่วโจว ข้ามน้ำข้ามทะเลมาก็ใช้เวลานานเกือบครึ่งเดือนกว่าจะถึง ท่านพ่อที่มารอรับที่ท่าเรือก็กระวีกระวาด พาลูกสาวคนเดียวเข้ามาในจวน บ่าวรับใช้ทั้งหลายยืนเรียงรายรอรับคุณหนูจากต่างแคว้น บางก็คนก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน บางคนพอคุ้นเคยกันบ้างก็กล่าวทักทาย ฟางหรู พอจะพูดภาษาของที่นี่ได้บ้าง แต่ไม่ชำนาญนัก และมักจะออกเสียงผิดเพี้ยนบ่อย ๆ ท่านพ่อเป็นคนสอนนางเอง กระนั้นยังหัวเราะขบขันอยู่เสมอกับสำเนียงแปลก ๆ ที่ลูกสาวพูดออกมา ท่านปู่ กับท่านย่า ของฟางหรูกลับบ้านเก่าทั้งคู่ คือไปเยือนปรโลกเสียแล้ว เหลือเพียงท่านพ่อของนางกับแม่รองหรือแม่เลี้ยงของน้องชายอีกคน สตรีนางนี้ใบหน้างดงามไม่น้อย มิน่าเล่าท่านปู่กับท่านย่าจึงชมชอบอยากจะให้บิดาของนางตกแต่งนางอย่างออกหน้าออกตา กระนั้นแล้วเย่วฟางหรูมิได้สนใจเรื่องของผู้ใหญ่ นั่นเพราะว่าท่านแม่ของนางเดินทางกลับไปยังแคว้นหนาน อีกทั้งฮูหยินรองของท่านพ่อก็มิเคยพูดจาเหยียดหยาม หรือแสดงท่าทางรังเกียจชิงชังนางสักนิด ดังนั้นเองเด็กสาวจึงวางตัวดีและยังคงนอบน้อมกับแม่เลี้ยงเสมอมา ทุกคนที่นี่จึงเรียกคุณหนูน้อยว่า คุณหนูใหญ่ฟางหรู ไป ๆ มา ๆ จากเด็กสาวกลับกลายเป็นสาวงามใบหน้าสะสวยรูปร่างอรชรยิ่งนัก เปรียบเทียบคล้ายดั่งแจกันหยกล้ำค่าหายากยิ่ง ใบหน้าเรียวเล็ก จมูกโด่งรั้นรับคิ้วยาวเรียวโค้ง โก่งคล้ายดั่งคันศร อีกทั้งยังมีรอยบุ๋มที่แก้มทั้งสองข้าง ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม ผิวพรรณผุดผาดงดงามนัก แต่ทว่าวันหนึ่งมีชายสูงอายุเดินทางมาจากเมืองหลวง หลังทราบข่าวว่าคหบดีเถามีบุตรีใบหน้างดงามจนเป็นที่เลื่องลือ กล่าวขานถึงเมืองหลวง ดังนั้นเองชายสูงวัยจึงได้เดินทางมาพบหน้า หวังว่าจะทาบทามสตรีงดงามเป็นหลานสะใภ้ของตน คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้แต่เก่าก่อนยังคงจะใช้ได้อยู่กระมังหากอีกฝ่ายไม่คิดจะเอ่ยปฏิเสธอย่างไรเสีย หลานชายก็คงจะมีหวังอยู่บ้าง เพราะอยากจะให้หลานชายตัวดีได้พบกับความรักครั้งใหม่เสียที หลังจากที่จมปลักกับความทุกข์ในความรักที่ไม่สมหวังมาหลายปี จนกระทั่งทุกวันนี้ หลานชายของเขายังคงครองตนเป็นชายโสด ชายสูงวัยนั่งรถม้ามาจากเมืองหลวง ใช้ระยะเดินทางเพียงแค่สองวันก็ถึงเสียแล้ว เมื่อชายคนนี้เดินลงจากรถม้า มีผู้ติดตามมาด้วยสามคน ใบหน้าผู้ติดตามช่างดูโหดเหี้ยมไม่น้อย ร่างกายสูงใหญ่บึกบึน อีกทั้งยังว่าทางราวกับนักรบเสียอย่างนั้น “ข้ามาขอพบเถ้าแก่เถา” ชายสูงวัยกล่าวขึ้น ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นมิตรไม่น้อยผิดจากผู้ติดตาม สีหน้าของพวกเขาทั้งสามราวกับจะลงมือสังหารเสียใครเสียให้ได้ ท่านพ่อบ้านที่คุ้นหน้ากันอยู่แล้ว ก็ยกยิ้มขึ้นมากล่าวอย่างนอบน้อม “นายท่านอยู่ข้างในขอรับ เชิญใต้เท้าข้างในห้องรับรองก่อน เดี๋ยวข้าน้อยจะไปเรียนนายท่านให้ทราบ” พ่อบ้านนำทางและกล่าวเชิญชายสูงวัยนี้เข้าไปด้านใน เขาคือใต้เท้าหลิว ขุนนางอันดับหนึ่งในราชสำนัก ดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายซ้ายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อดีตคือแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวง “อืม ได้ข่าวมาว่า คุณหนูเถาหน้าตางดงามหมดจด ถึงแก่วัยออกเรือนแล้วมิใช่รึ เช่นนั้นก็ขอเชิญคุณหนูใหญ่ร่วมสนทนาด้วยก็แล้วกัน” ขุนนางหลิวกล่าวขึ้นมา เขาหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้ว อีกทั้งสาวใช้ก็จัดการเตรียมขนมและน้ำชามาวางบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ขุนนางหลิวอยากจะพบหน้าของว่าที่หลานสะใภ้ จะได้เอ่ยกล่าวเล่าให้หลานชายตัวดีได้ฟัง ได้พบกับตายังดีกว่าคำพูดร่ำลือเพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น “คงจะไม่มีปัญหาอะไรกระมัง” ชายสูงวัยกล่าวขึ้นมา แม้ใบหน้าจะยิ้มแย้ม แต่ทว่าเขาเหลือบตามองไปยังท่านพ่อบ้านเพื่อต้องการคำตอบ “ขอรับใต้เท้า ข้าน้อยจะเรียนให้นายท่านทราบ” ท่านพ่อบ้านรับปากแม้จะรู้สึกเหมือนตนเองจะถูกเจ้านายตำหนิเป็นแน่ เรื่องเช่นนี้จะมีอันใดนอกเสียจากจะมาทวงสัญญาหมั้นหมายกันเล่า ชายชรายกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผากสองครั้ง จากนั้นจึงโน้มศีรษะลงและเดินออกไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะพูดออกมา เย่วฟางหรู แม้จะไม่ได้ใช้แซ่ของบิดา แท้จริงแล้วนางยังคงยืนกรานว่าอยากจะระลึกถึงมารดาที่จากไป หากไม่ใช่เพราะท่านปู่และท่านย่ากีดกัน ขัดขวางความรักระหว่างมารดาและบิดา ป่านนี้ท่านแม่ก็คงยังอยู่กับนางมิตรอมใจจากไปเช่นนี้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD