หลังจากโมเดินออกจากห้องทำงานพวกพี่ ๆ ก็กลับมาหาพี่แพร และเพื่อน ๆ ที่รออยู่ที่ห้องทำงานของแพร เมื่อเดินเข้ามาถึงด้านใน โมก็แทบจะเก็บอาการไม่อยู่ ยืนกระทืบเท้ากรี๊ดเบา ๆ ให้กับข่าวดีในวันนี้
“เจ๊ไม่ต้องเดาผลเนอะ อาการออกขนาดนี้” นักรบเอ่ยแซวน้องคนเล็กของกลุ่ม
“ฮือ น้องดีใจอ่ะ เจ๊นักรบรู้มั้ย คุณพี่ ๆ เค้าให้เงินเดือนน้องตั้ง 3 หมื่นห้าเลยนะ พี่แพร...น้องจะตั้งใจเป็นเลขาของพี่ให้ดีที่สุดเลย ขอบคุณน้า น้องดีใจมากเลย” โมเก็บอาการดีใจไว้แทบไม่อยู่
“งั้นเย็นนี้ไปฉลองกันมะ แด่การได้งานของน้องเล็กในกลุ่ม” มุกหันไปชวนเพื่อน ๆ ที่เหลือ
“ไม่ได้อ่ะเจ๊ น้องต้องไปทำงาน เดี๋ยวหกโมงครึ่งก็เข้างานแล้ว เลิกตีสองนู่นแน่ะ” โมหันไปทำหน้าสลดใส่มุก เพราะไปฉลองแบบที่พี่ ๆ บอกไม่ได้
“เออ พี่ว่าจะถามอยู่ เห็นพี่ฟานบอกว่าไปเจอเราที่ผับ ตกลงยังไง ไปทำงานกับจอมหรอ” แพรถามโม
“ค่ะ น้องว่างเลยชวนกันไปทำกับพีช เพิ่งทำได้ไม่กี่อาทิตย์เอง เมื่อวานเจอคุณฟานนั่นแหละ เค้าเลยบอกให้น้องมาวันนี้ไง ถ้าเค้าไม่เอ่ยชวนน้องคงไม่กล้ามา แหะ ๆ” โมเล่าให้พี่ ๆ ฟัง
“ไหวมั้ยเรา ทำงานทั้งกลางวันทั้งกลางคืน มันจะเหนื่อยไปนะ” มุกถามน้องด้วยความเป็นห่วง รู้ว่าที่บ้านน้องต้องหาเงินคนเดียว แต่ไม่เคยถามว่าเหตุผลคืออะไร
“เมื่อกี้คุณพี่ในห้องนั้นก็ถาม แต่โมต้องใช้เงินอ่ะเจ๊ แม่โมทำงานไม่ได้ แถมตอนนี้ไม่มีทุนช่วยแล้วด้วย” โมตอบเสียงหงอย เธอเหนื่อย แต่มันหยุดไม่ได้ ถ้าหยุดก็ไม่มีเงินมันเลือกไม่ได้จริง ๆ
“พวกพี่ไม่เคยถามเรา เพราะเห็นว่าเราไม่เล่า แต่ตอนนี้พี่ว่าพี่เริ่มเป็นห่วงเราแล้ว มีเรื่องอะไรหรอทำไมถึงต้องหาเงินเยอะขนาดนั้น” แพรเอ่ยถามน้องขึ้นมา
“แม่โมป่วยเป็นอัลไซเมอร์ค่ะ ตั้งแต่ตอนโมใกล้จบ ม.6 โมอยู่กับแม่สองคน ตอนนั้นมันแย่มาก เงินก็ไม่มี คนดูแลแม่ก็ไม่รู้จะไปหาใคร จนโมเกือบจะเลิกเรียน แต่ก็ได้ครูประจำชั้นที่เตือนสติโมไว้ตอนนั้น แล้วครูก็แนะนำน้าพลอยที่เป็นพยาบาลเก่าให้รู้จัก น้าพลอยเลยมาช่วยดูแลแม่โมให้จนถึงทุกวันนี้” โมเล่าให้พี่ ๆ ฟัง ไม่ได้มีอาการเสียงสั่น น้ำตาไหล มีเพียงความเศร้าเจือในน้ำเสียงน้อย ๆ
“ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ปรึกษาพวกเจ๊ ทำไมถึงสู้มาคนเดียวตั้งนานขนาดนี้ยัยน้อง” นักรบเข้าไปกอดโม
“โมคิดแค่ว่าโมต้องไหว ไม่ได้อยากพึ่งใคร เพราะถ้าวันนึงโมไม่มีใครให้พึ่งแล้ว โมจะทำอะไรไม่เป็น” โมตอบนักรบ แล้วกระชับกอดแน่นขึ้นเมื่อได้รับกำลังใจ
“แต่เจ๊ว่ามันหนักไปนะยัยน้อง เราแทบจะไม่ได้นอนเลยนะ” นักรบผละกอดแล้วถามโมอีกครั้ง
“โมไหวค่ะ นี่ว่าจะไปหางานเสริมช่วงเสาร์อาทิตย์อีกหน่อย” โมยิ้มตอบนักรบแล้วเล่าให้พี่ ๆ ฟัง
“พอเลย เจ๊ไม่ให้ทำแล้ว ถ้าจะทำเสาร์อาทิตย์ งานกลางคืนเลิกทำ เราต้องมีเวลาพักบ้างนะโม” มุกดุน้องกลับทันที
“ง่า...เจ๊อ่ะ แต่งานกลางคืนที่ผับมันได้ทิปเยอะอ่ะ น้องอยากมีเงินเก็บเยอะ ๆ เกิดวันไหนแม่น้องต้องเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉินขึ้นมา น้องก็ต้องมีสำรองไว้” โมตอบเสียงอ่อย
“ยัยน้อง เผื่อเราจะลืม ว่าเจ๊นักรบบ้านรวยมาก ถ้าเราเดือดร้อนหยิบยืมเจ๊ก่อนก็ได้ ไม่ต้องคืนเจ๊ยังได้เลย ทำไมถึงต้องแบกมันไว้คนเดียว” นักรบเอ่ยบอกน้อง
“นี่ไง น้องรู้ว่าถ้าบอกพี่ ๆ พวกพี่ก็ต้องช่วย น้องไม่อยากรบกวนไง น้องแค่คิดว่ายังไหว ก็ต้องพยายามด้วยตัวเองให้ดีที่สุดก่อน” โมตอบแล้วยื่นมือไปจับมือนักรบและมุกไว้
“พี่จะไม่ห้ามนะโม พี่รู้ว่าเราไม่อยากรบกวนใคร แต่พี่ขอแค่ทำเท่าที่ไหว อย่าฝืนตัวเอง พวกพี่พร้อมช่วยเราเสมอ มีอะไรให้บอก เข้าใจมั้ย” แพรเดินมาโอบไหล่น้องไว้อีกคน
“ขอบคุณนะคะ โมสัญญาว่าจะไม่ฝืนและจะไม่ทำให้งานที่นี่เสียหายเด็ดขาด” โมยิ้มให้ทุกคน
“แล้วตกลงกับจอมนี่ยังไง ไปทำงานด้วยกันขนาดนี้มันไม่หวงรึไง” นักรบเอ่ยแซวน้อง “หวงอะไรเล่าเจ๊ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” โมตอบกลับแทบจะทันทีที่ได้ยิน
“ใคร ๆ ก็รู้ว่าจอมคิดยังไงกับโม ไม่ลองเปิดใจให้จอมหน่อยหรอ เห็นตามส่งตามเฝ้ามาตั้งแต่ปี 1” มุกถาม
“โมคิดกับจอมได้แค่เพื่อนอ่ะเจ๊ โมรู้ว่าจอมคิดยังไง แต่ในเมื่อจอมไม่พูดโมก็ปฏิเสธอะไรกลับไปไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นคิดเองเออเองว่าเค้าชอบ 555” โมตอบติดตลก
“แหม เค้ารู้กันหมดแหละ เหลือแค่มันพูดออกมา แล้วถ้าจอมมันพูดเรื่องนี้จริง ๆ เราจะกล้าปฏิเสธมันตรง ๆ มั้ยล่ะ” นักรบถามโมกลับ
“ก็คงต้องบอกตรง ๆ จริง ๆ เมื่อวานโมก็เพิ่งคุยกับจอมเรื่องที่ตามไปส่งโมที่บ้านไปเหมือนกัน คือเลิกงานก็ดึกแล้วไงเจ๊ ยังต้องตามไปส่งโมที่บ้านอีก” โมเล่าเรื่องที่คุยกับจอมเมื่อวานให้พี่ ๆ ฟัง
“เค้าก็เป็นห่วงอ่ะเนอะ สงสารยัยพีช ผู้หญิงเหมือนกัน แต่ต้องกลับคนเดียว จอมมันก็สองมาตรฐานอ่ะ” มุกเอ่ยแซวน้อง
“แล้วโมไม่คิดจะมีแฟนบ้างหรอ เรียนก็จบแล้ว เปิดใจให้ใครเข้ามาบ้างสิ” แพรถามน้อง
“โห ถ้าไม่ได้แฟนดูแลดีแบบพี่แพร น้องก็ไม่เอาหรอก อิอิ” โมเงยหน้าไปแซวแพรที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“นี่ไง เหลือ 2 คน สนใจซักคนมั้ย คนนึงก็หนุ่มหล่อเท่บาดใจ อีกคนก็หล่อใสสไตล์เกาหลี ชอบแบบไหนดี เดี๋ยวให้เจ๊แพรช่วยเชียร์” นักรบเริ่มจับคู่ให้น้อง
“โอ๊ย เจ๊ คุณ ๆ เค้าไม่สนใจเด็กกะโปโลไม่มีอะไรซักอย่างแบบน้องหรอก” โมปัดไม้ปัดมือปฏิเสธนักรบไป
“เอ๊า! ถ้าเค้าสนขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ เอามะ ดีทั้งคู่เลยนะ เจ๊เชียร์” นักรบยังคงเชียร์ต่อ
“แหม ตัวเลือกเค้าเยอะแยะ ยิ่งคุณฟานนะ เมื่อวานที่ผับมีแต่สาว ๆ เข้าหา เค้าต้องคนระดับเดียวกันเจ๊ ใครจะมาสนใจคนแบบโม ไม่มีอะไรเทียบเค้าได้ซักอย่าง” โมตอบกลับไปตามที่คิด
“อย่าดูถูกตัวเองนะยัยโม” มุกเตือน “ระดับของคนเรามันไม่ได้วัดกันที่ฐานะหรือเงินทองที่มี น้องโมของเจ๊ทั้งเก่ง ทั้งขยัน แถมยังเป็นลูกกตัญญู ใครจะบอกว่าน้องเจ๊ไม่คู่ควรนี่เจ๊เถียงขาดใจเลยนะ” มุกเอ่ย
“ใช่ โมเป็นเด็กน่ารักนะ ทั้งหน้าตาทั้งนิสัย ลองเปิดใจดูหน่อย อย่างน้อยการมีใครซักคนให้รัก มันก็ทำให้เรามีกำลังใจในวันที่เราท้อนะ” แพรบอกน้อง
“รับทราบค่ะ ท่านประธานผู้มีประสบการณ์ เพื่อนและน้อง ๆ จะจดจำและนำไปหาแฟน” มุกเอ่ยตอบเพื่อน เรียกเสียงหัวเราะลั่นจากคนอื่น ๆ ในห้อง
“งั้นเราไปกินข้าวกันดีกว่า ฉลองเย็นไม่ได้ งั้นฉลองตอนนี้เลย เดี๋ยวพี่แพรเลี้ยงเอง” แพรพูด พร้อมเดินไปหยิบกระเป๋าเตรียมตัวพาทุกคนออกไปฉลองมื้อกลางวันด้วยกัน
หลังจากทั้ง 4 คนกินข้าวกันเรียบร้อย ก็พากันออกจากร้านมาเพื่อจะขึ้นรถกลับไปที่ทำงาน
“ยัยน้องไปไหนต่อ ไปอยู่ออฟฟิตกับพวกเจ๊ก่อนมั้ย” นักรบถามโม ระหว่างรอรถของแพรวนมารับ
“เดี๋ยวน้องว่าจะกลับบ้านเลยค่ะเจ๊ น้าพลอยบอกว่าเมื่อวานแม่รอโมกลับบ้าน กว่าจะนอนก็ดึก น้องเลยว่าจะกลับไปหาแม่ก่อน เดี๋ยวเย็นค่อยออกไปทำงานอีกที” โมหันไปบอกนักรบ
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง จะได้ไปเยี่ยมแม่โมด้วย” แพรเสนอ มุกและนักรบเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับขอเสนอนั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ รบกวนพี่ ๆ ไว้ว่าง ๆ ค่อยไปเยี่ยมก็ได้ เดี๋ยวพี่ ๆ ต้องกลับไปทำงานกันอีก” โมปฏิเสธกลับไป
“แหม จะกลัวอะไร ประธานบริษัทก็อยู่นี่ ไม่มีใครว่าหรอกน่า นาน ๆ ที” มุกตอบ “ไม่ต้องหาข้ออ้างแล้วยัยโม ยังไงพวกเจ๊ก็จะไป ใช่มั้ยแพร”
“ใช่จ่ะ เดี๋ยวโมบอกทางขุนด้วยนะ ขึ้นรถ ๆ” แพรดันหลังทุกคนขึ้นไปบนรถ ให้โมนั่งคู่กับเธอด้านหน้า “ขุนเดี๋ยวไปส่งโมที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวให้น้องบอกทาง”
“ครับนายหญิง” ขุนมองผ่านกระจกหลังมา พร้อมตอบรับคำสั่งแพร
ขุนใช้เวลาไม่นานก็ขับรถมาถึงบ้านของโม ที่ตั้งอยู่ในชุมชนเล็ก ๆ ไม่ไกลจากถนนเส้นหลักมากนัก
“โห ยัยน้อง ถ้าจอมไม่มาส่งที่บ้าน เราต้องเดินเข้ามาในซอยคนเดียวตอนตีสองเนี่ยนะ อันตรายมาก” นักรบบ่นมาตั้งแต่ที่รถวิ่งเข้ามาในซอยจนถึงหน้าบ้านโม
“มันชินแล้วเจ๊ แต่ก็นั่นแหละ ดึก ๆ มันก็เปลี่ยว ๆ หน่อย แหะ ๆ” โมตอบแล้วเดินนำทุกคนเข้ามาในบ้าน
“น้าพลอยคะ นี่พี่ ๆ ที่มหาลัย แล้วก็เป็นพี่ ๆ ที่ทำงานด้วยค่ะ ส่วนนี่น้าพลอยค่ะ เป็นคนที่มาช่วยดูแลแม่โม” โมแนะนำพี่ ๆ ให้น้าพลอยที่ยืนอยู่ในบ้านได้รู้จัก แพร มุกและนักรบยกมือไหว้น้าพลอย
“ตามสบายนะ ไปรอในห้องนั่งเล่นไป แม่เราเข้าห้องน้ำอยู่ เดี๋ยวน้าพาออกไป” น้าพลอยรับไหว้เด็ก ๆ พร้อมส่งยิ้มให้ทุกคน โมจึงเดินนำพี่ ๆ กลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่นหน้าบ้านแทน
ไม่นานน้าพลอยก็พยุงผู้หญิงรูปร่างผอมบางเดินออกมาจากด้านหลังบ้าน แม่โมมองมาที่โมและเพื่อนบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่ตลอดเวลา
“ใครมาน่ะ” แม่โมเอ่ยถามแขกเสียงหวาน เด็ก ๆ พร้อมใจกันยกมือไหว้แม่ของโมแล้วส่งยิ้มกลับไปให้ “พวกหนูเป็นรุ่นพี่ของโมค่ะคุณแม่” แพรตอบแม่โมกลับไป พร้อมแนะนำชื่อแต่ละคน
แม่ของโมทำเพียงยิ้มนิ่ง ๆ นั่งลูบหลังมองหน้าลูกสาวไป ไม่ได้รับฟังสิ่งที่แพรพูดออกไปเลย
“แม่น้องโมเค้าตอบสนองช้านะลูก อย่าถือสาเลย เค้าจำชื่อใครไม่ได้หรอก ตอนนี้จำได้แค่น้องโมน้าว่าก็ดีมากแล้ว” น้าพลอยหันมาอธิบายอาการกับเด็ก ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกหนูเข้าใจ เพิ่งรู้จากน้องว่าแม่ป่วย ที่ผ่านมาไม่เคยได้มาเยี่ยมเลย วันนี้เลยถือโอกาสมาส่งน้องพร้อมเยี่ยมคุณแม่ด้วย หลังจากฉลองกันเสร็จ” มุกตอบน้าพลอย
“ฉลองอะไรกันมาล่ะ หรือว่าน้องโมได้งานแล้ว” น้าพลอยหันมาถาม สีหน้าเก็บความยินดีไว้แทบไม่มิด
“ใช่ค่ะน้าพลอย โมดีใจมาก เงินเดือนดีด้วยนะคะ เป็นเลขาพี่แพร” โมตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วหันไปกอดแม่ไว้
“ดีแล้วลูก ถ้าเงินเดือนดี น้าว่าเสาร์อาทิตย์ก็อย่าเพิ่งไปหางานเพิ่มเลย พักผ่อนบ้างอย่างน้อยก็เอาเวลาไว้อยู่กับแม่เรา” น้าพลอยเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“พวกเจ๊เห็นด้วยนะโม ถ้าเงินไม่พอจริง ๆ ค่อยหาอีกทีก็ได้ หรือถ้าฉุกเฉินพวกเจ๊ก็พร้อมช่วย เราไม่ได้สู้คนเดียวแล้วนะ อย่าลืม หาเวลาพักบ้างเถอะ” นักรบบอกน้อง
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ” โมเอ่ยตอบออกมา พร้อมส่งยิ้มให้ทุกคนแทนคำขอบคุณ
“งั้นเราคุยกับพี่ ๆ ไปก่อน เดี๋ยวน้าพาแม่เราเข้าไปพักในห้อง คนเยอะน้ากลัวมีอาการอะไรอีก” น้าพลอยบอกโมก่อนที่จะพยุงแม่โมกลับเข้าห้องนอนไป
“ขอโทษนะคะ ช่วงหลังมานี้ อาการของแม่เข้าระยะกลางมาแล้ว น้าพลอยแกกลัวแม่อาละวาดใส่คนอื่น ช่วงหลัง ๆ มาแม่มีอาการระแวง ไม่ค่อยไว้ใจใคร เจ้าของบ้านเคยโดนตอนที่มาเก็บค่าเช่าแล้วเจอแม่พอดี แม่ระแวง กลัวเค้าจะมาทำร้าย อาละวาดใส่จนน้าพลอยต้องกล่อมอยู่นานเลย” โมเล่าให้พี่ ๆ ฟัง
“ไม่เป็นไร พวกพี่เข้าใจ แต่แม่ดูผอมมากเลยนะ กินข้าวได้ปกติมั้ย” แพรถามถึงอาการของแม่น้องโม
“ก็กินได้ค่ะ แต่จะช้าหน่อย น้ำหนักก็ลดลงเยอะมาก โมเคยพยายามให้แม่กินข้าวเยอะ ๆ แต่น้ำหนักก็ไม่เพิ่มเลย หมอบอกว่ามันเป็นอาการของโรคในช่วงระยะนี้ ที่น้ำหนักจะลดลง” โมอธิบายให้พี่ ๆ ฟัง
“แล้วตอนนี้ต้องรักษายังไง ต้องกินยามั้ย หรือเราแค่ดูแลไปเรื่อย ๆ แบบนี้” นักรบถามขึ้น
“กินยาค่ะ หมอบอกว่ายาและการดูแลจะช่วยให้พัฒนาการของโรคช้าลง แต่มันยังไม่มีวิธีการรักษาที่ทำให้หายขาด จริง ๆ ตอนนั้นที่แม่มีอาการอาละวาด หมอเคยแนะนำให้เข้ารับการบำบัดทางจิตด้วย แต่มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม และรักษาต่อเนื่อง โมยังไม่พร้อมแล้วหลังจากวันนั้นแม่ก็ไม่ได้มีอาการอาละวาดอีก โมเลยยังไม่ได้พาแม่ไปลองบำบัดค่ะ” โมตอบนักรบแล้วอธิบายให้ฟังตามที่หมอแนะนำมา
“สู้ ๆ นะโม มีอะไรบอกพวกพี่ได้เสมอ พวกพี่พร้อมช่วยเรา อย่าเกรงใจและอย่าสู้ไปคนเดียว พวกพี่อยู่ตรงนี้ หันมามองยังไงก็เจอ จำไว้นะ” มุกจับมือน้องแน่น เมื่อพูดจบ โมก็พุ่งเข้ามากอดมุกไว้
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนเลย โมดีใจที่ได้เจ๊มุกเป็นพี่รหัส แล้วก็ได้รู้จักกับพี่ ๆ ทุกคน ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ ที่คอยช่วยโมมาตลอด” โมเอ่ยทั้งน้ำตา เธอสนิทกับพี่ ๆ มากกว่าเพื่อนอีกสองคนด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไร พวกเจ๊อยู่เป็นกำลังใจให้เราตรงนี้เสมอ มีอะไรก็บอกเข้าใจมั้ย” นักรบยื่นมาไปลูบหัวน้องอีกคน
“โมไปอยู่กับแม่ไป เดี๋ยวพวกพี่กลับแล้ว มีอะไรโทรหาพี่ได้เลยนะ” แพรเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้น้อง “แล้วเจอกันวันจันทร์นะจ๊ะ เลขาคนใหม่ของพี่แพร” แพรลุกขึ้นเอ่ยทิ้งท้ายกับโม ก่อนที่จะโมจะเข้ามากอดแพร แล้วเดินไปส่งทุกคนหน้าบ้าน