CHAPTER 2 “ชีวิตต่างขั้ว”

2570 Words
โมและเพื่อน ๆ เลิกงานตอนตีสอง ทั้งสามคนพากันเดินออกมาด้านหน้าผับ เพื่อรอขึ้นรถกลับบ้าน โม พีช และจอม ทั้ง 3 คนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย เมื่อเรียนจบ โมเห็นว่าพอมีเวลาว่าง เลยขอให้จอมที่ทำงานพิเศษที่ผับนี้อยู่แล้ว พามาสมัครงานด้วย โดยมีพีชเพื่อนอีกคนตามมาทำงานด้วยกัน ระหว่างรองานประจำ “รถพีชมาแล้ว พีชไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้ทั้งสองคน” พีชเอ่ยลาเพื่อน แล้วแยกขึ้นรถเพื่อกลับบ้านไป “จริง ๆ จอมไม่ต้องไปส่งโมก็ได้นะ โมกลับเองได้” โมหันไปพูดกับเพื่อน ที่ตามไปส่งเธอที่บ้านทุกวัน “จะให้จอมปล่อยโมกลับบ้านคนเดียวได้ยังไง ผู้หญิงคนเดียวกลับบ้านดึก ๆ มันอันตราย” จอมยิ้มตอบ “แต่พีชก็ผู้หญิงนะ จอมยังปล่อยพีชกลับคนเดียวเลย” โมเถียงกลับ ในเมื่อจอมให้เหตุผลมาแบบนี้ พีชเองก็ควรมีคนไปส่งเหมือนกัน “บ้านพีชไม่ได้เปลี่ยวเหมือนบ้านโมนะ พีชลงรถก็ถึงบ้านเลย แต่โมต้องเข้าซอยไปอีก จะให้จอมปล่อยโมเดินเข้าซอยตอนตีสองแบบนี้คนเดียวหรอ” จอมอธิบายกลับด้วยเหตุผล “เฮ้อ...แต่กว่าจอมจะไปส่งโม กว่าจะกลับบ้านอีก ถ้าทำงานแล้วจะตื่นไปทำงานยังไงไหว” โมแย้งกลับ “ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน รถมาแล้วขึ้นรถเถอะ” จอมตัดบทแล้วดึงแขนโมขึ้นรถไป จอมเดินไปส่งโมถึงหน้าบ้านก่อนที่จะเดินกลับออกไปขึ้นรถกลับบ้านตัวเอง ซึ่งอยู่คนละทางกัน โมเดินเข้าบ้านมา โดยใช้เพียงแสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือนำทาง เพื่อไม่ให้รบกวนแม่และน้าพลอยที่นอนหลับไปแล้ว เมื่อเดินเข้ามาในห้องนอนเรียบร้อยโมถึงเปิดไฟในห้องใช้ตามปกติ โมเดินมาหยุดที่โต๊ะอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมเอกสารสำหรับยื่นสมัครงานในวันพรุ่งนี้ เธออยากทำงานที่เดียวกับพี่แพรและเพื่อน ๆ มาตลอดและถึงแม้จะเคยได้รับคำชวนจากพี่แพรและคุณหมอกแฟนของพี่แพร แต่เธอก็เห็นว่ายังไม่มีตำแหน่งงานว่างเปิดรับ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะเข้าไปยื่นใบสมัครโดยตรงเท่าไหร่นัก โชคดีที่ได้มาเจอกับคุณฟานในวันนี้ และเค้าเอ่ยปากบอกเธอขึ้นมาเอง แถมยังให้นามบัตรมาสำหรับติดต่ออีก ทำให้เธอมีความหวังที่จะได้ทำงานที่นี่อีกครั้ง โมจบจากคณะบริหารธุรกิจมาด้วยดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 1 เธอค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะสามารถช่วยให้เธอได้งานที่ดีและเงินเดือนในระดับที่น่าพึงพอใจ แต่ไม่ว่าจะยื่นเอกสารไปกี่ที่ ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากที่ไหนเลยซักแห่ง ยอมรับเลยว่า ตำแหน่งงานของนักศึกษาคณะนี้ เป็นตำแหน่งที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง เกียรตินิยมจากมหาลัยของเธอ อาจจะสู้นักศึกษาเกรดดี ๆ จากมหาลัยชื่อดังไม่ได้ก็เป็นไปได้ โมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และไม่ลืมที่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก่อนเข้านอน เพราะพรุ่งนี้เธอต้องตื่นขึ้นมาแต่เช้า เช้าวันรุ่งขึ้น โมตื่นขึ้นมาในเวลา 6 โมงเช้าเหมือนทุก ๆ วัน แม้จะอยากนอนต่อแค่ไหน แต่ด้วยหน้าที่ทำให้เธอต้องฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากเตียง แล้วเข้าไปล้างหน้าล้างตา โมเดินออกมาจากห้องนอนตรงเข้าไปในครัว หน้าที่หลักประจำของเธอในทุก ๆ วันคือการเตรียมอาหารไว้สำหรับแม่และน้าพลอยในแต่ละวัน แม้น้าพลอยจะบอกเธอว่าทำเองได้ แต่การช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้มันก็ทำให้น้าพลอยมีเวลาดูแลแม่ของเธอที่ป่วยได้อย่างเต็มที่ “น้องโม ตื่นแต่เช้าอีกแล้ว เมื่อคืนกลับมาถึงกี่โมงจ๊ะ” น้าพลอยเดินเข้ามาทักทายโมในครัว “ตีสองครึ่งค่ะน้าพลอย แม่ยังไม่ตื่นหรอคะ กับข้าวใกล้เสร็จแล้ว จะได้กินข้าวพร้อมกัน” โมถามน้าพลอย แต่มือก็ยังไม่ได้ละจากการทำอาหารตรงหน้า “เรากินก่อนเลย เดี๋ยวน้ารอกินพร้อมแม่เรา น่าจะตื่นสายวันนี้ เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว บอกแต่ว่าจะรอเรากลับบ้าน” น้าพลอยเล่าให้โมฟัง “ไหวมั้ยคะน้าพลอย ช่วงนี้โมไม่ได้อยู่ช่วยดูแลแม่เลย ยิ่งถ้าโมทำงานประจำน้าพลอยอาจจะยิ่งหนักขึ้นอีก น้าพลอยคิดค่าดูแลเพิ่มก็ได้นะคะ โมพอไหวอยู่” โมจัดการตักกับข้าวอย่างสุดท้ายลงจาน ก่อนจะหันไปพูดกับน้าพลอยจริง ๆ จัง ๆ “ไม่เป็นไรหรอกน้องโม ยังไงมันก็เป็นหน้าที่น้าอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องเงินไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรหรอก น้าเห็นเรากับแม่เหมือนครอบครัวน้าเหมือนกัน แล้วนี่เราได้งานประจำแล้วหรอ ที่ไหนเรียกไปล่ะ” น้าพลอยถามโมกลับด้วยความเอ็นดู เธอรักในความขยันและอดทนของเด็กคนนี้มาก “ยังหรอกค่ะ แต่วันนี้จะไปสมัครที่ใหม่ เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกัน ซัก 8 โมงครึ่งก็จะออกไปแล้วค่ะ กลัวรถติด” โมตอบน้าพลอยด้วยรอยยิ้ม “งั้นไปเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่าเถอะไป จะได้รีบกินข้าวรีบไป ไม่ต้องรอแม่เราหรอก น่าจะอีกซักพัก ปล่อยให้นอนพักไปก่อน เดี๋ยวน้าบอกให้” โมพยักหน้าขอบคุณน้าพลอยแล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมเดินทางไปที่บริษัท เมื่อจัดการอาบน้ำแต่งตัว กินข้าวเสร็จเรียบร้อย โมก็เดินไปหาน้าพลอยที่ห้องนอนแม่ เคาะประตูเบา ๆ เพื่อไม่ให้เสียงไปปลุกแม่ที่กำลังหลับอยู่ “น้าพลอยคะ วันนี้สิ้นเดือนพอดี อันนี้เงินเดือนของน้าพลอยนะคะ ส่วนอันนี้ค่าเช่าบ้านเผื่อเจ้าของบ้านเค้ามาเก็บตอนที่โมไม่อยู่ ส่วนอันนี้โมให้ไว้เผื่อต้องใช้อะไรฉุกเฉินค่ะ” โมยื่นซองค่าใช้จ่ายที่แบ่งไว้ให้น้าพลอย “เดี๋ยวน้าจัดการให้นะ เอามาให้น้า เรามีใช้อยู่ใช่มั้ย เรียนจบแล้วทุนจากมหาลัยก็ไม่มีช่วยแล้วด้วย” น้าพลอยถามด้วยความเป็นห่วง “โมพอมีเงินเก็บอยู่ค่ะ ยังไงก็ต้องสำรองไว้ให้แม่หาหมออีก ถ้าได้งานทำคงช่วยได้เยอะขึ้น โมกะว่าจะหาอะไรทำเพิ่มช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ยังว่างอยู่ด้วย จะได้มีรายได้อีกทาง” โมตอบ “จะไหวหรอน้องโม นั่นแปลว่าหนูจะไม่มีเวลาพักเลยนะ น้าว่าเสาร์อาทิตย์ก็หยุดพักซักหน่อยเถอะ เดี๋ยวร่างกายมันจะไม่ไหวเอา” น้าพลอยเอ่ยด้วยความเป็นห่วง “โมไหวค่ะ ตอนนี้ยังไหวก็ต้องทำไว้ก่อน โมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก ถ้ายังมีกำลังโมก็ต้องทำ โมสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีดีและไม่หักโหมจนเกินไป” โมยิ้มตอบน้าพลอย พลางมองไปทางเตียงที่แม่นอนอยู่ “งั้นโมไปก่อนนะคะ ฝากน้าพลอยดูแม่ให้ด้วย เดี๋ยวถ้าโมเสร็จเร็วจะกลับมาหาก่อนไปทำงานคืนนี้” โมยกมือไหว้น้าพลอย ก่อนจะเดินออกจากห้องมา เพื่อเดินทางไปยื่นเอกสารสมัครงานที่บริษัท บริษัท อินฟินิท อินเตอร์ เท็กซ์ไทล์ วันนี้ฟานเดินทางมาทำงานแต่เช้า พยายามให้เหตุผลกับตัวเองว่าเป็นเพียงการมาทำงานปกติ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับนัดพิเศษในวันนี้จริง ๆ ฟานยอมรับกับตัวเองอย่างนึงว่า เค้าเองไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมากนัก แต่น้องโมเป็นผู้หญิงหนึ่งคนที่ทำให้เค้าไม่อาจละสายตาจากน้องได้เลย น้องมีเสน่ห์บางอย่างในตัวที่ค่อนข้างน่าค้นหา แม้จะเจอกันบ่อยในช่วงงานแต่งของหมอกที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ที่เจอกันที่ผับ แม้ว่าเค้าจะมีข้อสงสัยว่าทำไมน้องต้องไปทำงานกลางคืนแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้สนิทพอที่จะไปถามเรื่องส่วนตัวอะไรกับน้องมากเท่าไหร่นัก เสียงประตูเปิดเข้าห้องทำงานมา ทำให้ฟานต้องเงยหน้าขึ้นไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นหมอกที่เดินเข้ามาพร้อมกับแพร ก็พร้อมตั้งท่าเอ่ยแซวเพื่อนทันที “ตกลงทุกวันนี้คุณหมอกไม่เข้าอัครพงศ์แล้วเนอะ ตามมาเฝ้าเมียที่นี่แทบทุกวัน” หมอกได้แต่ยกยิ้มมุมปากตามสไตล์หนุ่มขี้เก๊กกลับมาให้ โดยไม่ได้เถียงอะไรกลับมา “เมื่อไหร่พี่ฟานจะเลิกแซวเนี่ย แซวจนแพรจะเลิกเขินแล้วนะคะ” แพรบ่น “พอดีวันนี้มีวาระด่วนนิดหน่อยค่ะ เฮียเลยเข้ามาด้วยเดี๋ยวพี่คนอื่น ๆ ก็ตามมา” ฟานหันมองหน้าเพื่อนงง ๆ ไม่เห็นมีใครบอกอะไรเค้าเลย “ไม่ต้องทำหน้างงครับ เมื่อวานกูโทรบอกคนอื่น แต่เห็นว่ามึงต้องเข้าวันนี้อยู่แล้ว เลยไม่ได้โทรบอกมึง” หมอกอธิบาย ก่อนที่เพื่อนจะงงไปมากกว่านี้ “พอดีเมื่อวานคุณขวัญเธอไม่ค่อยสบายค่ะ เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลตอนเย็นหลังเลิกงาน หมอบอกว่า คุณขวัญกำลังจะมีน้อง ทางผู้ใหญ่แล้วก็สามีคุณขวัญ เลยอยากให้ออกจากงานไปอยู่บ้านมากกว่า ไม่อยากให้มานั่งทำงานหนัก ๆ คุณขวัญเลยโทรมาแจ้งแพรล่วงหน้า ให้แพรมีเวลาหาเลขาใหม่จะได้มาส่งต่องานกันในช่วง 1 เดือนก่อนที่คุณขวัญจะลาออก” แพรเล่าที่มาของการรวมตัววันนี้ให้ฟานฟัง “กูเลยเรียกพวกนั้นเข้ามา กะว่าจะคุยรายละเอียดกันว่าจะเลือกคนในหรือจะสมัครใหม่ดี แล้วจะคุยรายละเอียดเรื่องงบประมาณโครงการขยายโรงงานผลิตไปด้วยเลย” หมอกอธิบายเสริมต่อจากแพร “อืม กูเรียกคนมาสมัครงานวันนี้คนนึงพอดี กำลังคิดอยู่ว่าจะให้ทำตำแหน่งไหน งั้นเอาลงเลขาน้องแพรดีมั้ย คนนี้น้องแพรน่าจะโอเค” ฟานเอ่ยขึ้น “ใครคะ” แพรถาม “น้องโมไง รุ่นน้องเรานั่นแหละ พอดีพี่ไปเจอที่ผับเมื่อวาน เลยเรียกให้มายื่นประวัติวันนี้ นัดไว้ 10 โมง เดี๋ยวก็คงมา” ฟานหันไปตอบแพร พยายามหลบสายตายิ้มล้อเลียนอย่างรู้ทันของหมอก “เนี่ยแพรก็ว่าอยู่ ทำไมยัยโมไม่มายื่นใบสมัครซะที แล้วทำไมไปเจอที่ผับได้คะ น้องไม่น่าจะเที่ยวผับนะ” แพรบ่นน้องแล้วหันไปถามฟานต่อ “น้องบอกว่าไม่เห็นบริษัทเรามีตำแหน่งเปิดรับ เลยไม่กล้ามายื่น พี่เลยให้มายื่นกับพี่โดยตรง” ฟานหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อน ที่เอาแต่นั่งยิ้มไม่หยุด “ส่วนที่ไปเจอที่ผับ น้องไม่ได้ไปเที่ยวหรอก น้องไปทำงาน เห็นว่าเพิ่งไปทำได้ไม่กี่อาทิตย์ พี่ก็ไม่กล้าถามว่าทำไมเลือกไปทำงานกลางคืน” ฟานเล่าให้แพรฟัง “แพรไม่เห็นรู้เลย ตั้งแต่งานแต่ง ก็ไม่ได้นัดเจอกันเลย เห็นน้องยุ่ง ๆ ปกติตอนเรียนว่าทำงานหนักแล้วนะคะ แต่พอเรียนจบนี่คงต้องทำงานหนักกว่าเดิมอีก น่าสงสารจัง เฮียต้องให้เงินเดือนน้องเยอะ ๆ นะคะ” แพรหันไปอ้อนขออีกคน “เฮียไม่ได้อนุมัติคนเดียวนะแพร นู่นขอคนนู้นเลย มันพร้อมเซ็นมากเชื่อเฮีย” หมอกโยนมาทางเพื่อนทันที พร้อมกับรอยยิ้มอย่างคนรู้ทัน จากที่สังเกตมาซักพัก เรื่องวันนี้ยิ่งทำให้หมอกมั่นใจขึ้นมาทันที “เออ มาเลย กี่แสนเดี๋ยวกูอนุมัติให้เอง พอใจมั้ยครับเพื่อน เลิกเหน็บกูทางสายตาซะที ไอ้สัส” ฟานสวนเพื่อนกลับ รู้ดี รู้ทัน ไปซะทุกเรื่องจริง ๆ “พี่ฟานจะให้เงินเดือนน้องเป็นแสนเลยหรอคะ เวอร์ไปแล้ว ประชดแพรรึเปล่าเนี่ย” แพรที่ยังไม่รู้เรื่อง เอ่ยตอบไปหน้างอ จนคนข้าง ๆ หลุดขำออกมา “นั่นดิ กูแค่บอกให้ขอเงินเดือนเยอะ ๆ ไม่ได้พูดถึงเงินหลักแสนนะเพื่อนนะ” หมอกล้อเพื่อนยิ้ม ๆ “มึงนั่งเงียบ ๆ ไปเลยไป น้องแพรยื่นมาเลยครับ อยากให้เท่าไหร่ พี่อนุมัติให้เลยเต็มที่” ฟานชี้หน้าเพื่อนก่อนที่จะหันไปบอกน้องแพร “งั้นแพรไปคุยกับมุกก่อนดีกว่า ว่ายัยโมจะมาสมัครงานวันนี้ เดี๋ยวเที่ยงไปแพรกินข้าวกับน้องนะคะเฮีย เฮียจะไปกับแพรมั้ย หรือว่าต้องเข้าไปที่อัครพงศ์ก่อน” แพรหันมาถามหมอก ก่อนที่จะลุกไปหาเพื่อน “เฮียเข้าอัครพงศ์ครับ มีเอกสารเซ็นนิดหน่อย แพรไปกับเพื่อนเถอะ เดี๋ยวเฮียให้ขุนเอารถใหญ่ไว้ จะได้ไปพร้อมกัน” หมอกตอบ เมื่อแพรได้คำตอบก็ยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไปหาเพื่อน “กูไม่ต้องเดาแล้วเนอะ ชัวร์แล้วใช่มั้ยว่าเป็นคนนี้” หมอกถามเพื่อนสั้น ๆ “ไม่รู้ว่ะมึง ถ้าถามความรู้สึกกูตอนนี้ มันพิเศษกว่าคนอื่น ๆ แน่นอนแล้ว แต่ยังไม่ชัวร์เท่าไหร่ เมื่อวานกูเจอน้องอยู่กับผู้ชายคนนึง ทำงานที่เดียวกัน ดูเค้าจะดูแลน้องดีเป็นพิเศษ กูไม่รู้ว่าน้องมีแฟนรึยัง ถ้ามีก็คงต้องถอย” ฟานตอบเพื่อนกลับ “เรื่องแค่นี้ ถามแพรก็จบ” หมอกเอ่ย “มันก็จริง แต่คนอื่นก็รู้ดิวะ กูยังไม่อยากให้ใครรู้เท่าไหร่ ถ้ายังไม่ชัวร์ ขนาดตอนนี้ มึงกับไอ้นัทรู้กันสองคน แม่งยังสลับเวรกันแซวกูขนาดนี้เลย” ฟานแขวะเพื่อน “ไอ้นัทรู้เรื่องด้วย” ฟานพยักหน้า “เมื่อวานมันไปกับกู เจอน้องพร้อมกูนั่นแหละ แม่งแซวกูทั้งคืน” หมอกนั่งขำเพื่อน อาการมันชัดขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องรู้ “ถ้ามึงไม่อยากให้ใครแซว มึงก็เก็บอาการหน่อยดิวะ เล่นนั่งจ้องน้องทุกครั้งที่เจอ เป็นใครก็ต้องรู้มั้ย” หมอกบอกเพื่อน “มึงจะให้กูทำยังไง เห็นหน้าแล้วมันละสายตาไม่ได้เลยมึง ก็เหมือนมึงมองน้องแพรแหละ” ฟานเถียงเพื่อน “เออครับ ถ้าวันนี้มึงยังละสายตาไม่ได้ ไอ้พวกนั้นรู้กันครบหมดอ่ะ เชื่อกู” หมอกแซวทิ้งท้ายไว้ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเพื่อนที่เหลือเดินเข้าห้องทำงานมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD