ตอนที่2 นักข่าวสาวสวย
“เป็นไงได้เรื่องมั้ยริน”
มณีรินเอนพิงพนักเก้าอี้แหงนคอไปมองต้นเสียงที่ยืนรอฟังคำตอบของเธออย่างใจจดใจจ่อ
“ยังไม่โอเลยพี่ต่าย หมอนั้นเล่นตัวชะมัด บอกรินว่าติดงานด่วนว่างแล้วจะนัดมาอีกทีเสียเวลาชะมัดเลยค่ะ พี่ต่ายคะเปลี่ยนคนไปสัมฯ แทนรินได้มั้ยอ่า รินไม่อยากไปเจอผู้ชายคนนี้อีก นี่ถ้าเลือกได้ระหว่างไปสัมภาษณ์นายคนนี้กับไปลงพื้นที่ที่ภาคใต้ละก็รินขอเลือกอย่างหลังดีกว่า”
คนฟังอมยิ้ม พลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“คนอื่นไม่มีใครว่างเลย และพี่ก็คิดว่างานนี้เหมาะกับรินมากที่สุดด้วย พี่ขอล่ะนะคิดดูว่าทางเราขอคิวสัมภาษณ์ไปตั้งแต่ต้นปีเพิ่งจะมาได้คิวตอนนี้เอง เอาเถอะทนๆ หน่อยละกัน ตอนนี้คุณอันดาเค้ากำลังฮอตปรอทแตก งานนี้จะทำให้ยอดขายเราขึ้นติดลมบนอีกครั้งหลังจากแผ่วลงมาตั้งแต่สองไตรมาสแรก พี่เชื่อว่ารินเหมาะกับงานนี้มากที่สุด”
“ค่า…” คนปฏิเสธไม่ได้ลากเสียงยาว เรียกรอยยิ้มของเพื่อนร่วมงานหลายคนที่แอบมองมาด้วยสายตาเอ็นดู
มณีริน โสภาอดิศักดิ์ อายุน้อยที่สุดในบริษัทแห่งนี้ ปัจจุบันเธออายุยี่สิบห้าปี เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรตั้งแต่จบปริญญาตรีมาหมาดๆ และด้วยความที่เป็นเด็กสาวอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส มีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานทุกคน เธอจึงเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน
หลังจากหัวหน้ากองบอกอเดินห่างออกไป ชายหนุ่มหน้าละอ่อนที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังของหญิงสาวซึ่งรอจังหวะอยู่นานก็ลุกเดินเข้ามาหา
“เป็นไงบ้างริน หมอนั้นทำลุ่มล่ามอะไรกับรินหรือเปล่า”
คนถามสีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลใจ
“หึ”
มณีรินมองหน้าเพื่อนชายคนสนิท
“แล้ว… แล้วมันพูดถึงเรื่องของรุจีมั้งหรือเปล่าริน”
มณีรินถอนใจเบาๆ ดันหลังจากพนักเก้าอี้วางข้อศอกเท้าคาง มองสบตากับชายหนุ่ม
“เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับรุจีหรอกเทพ รินถามไปตามบทเค้าก็แค่ตอบกลับมาในเรื่องที่ถามแค่นั้นแหละเทพ”
“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย เรานึกว่ามันลุ่มล่ามจะทำชีกอกับรินซะอีก กลัวว่ารินจะใจอ่อนแล้วจะเป็นเหมือนรุจีอีกคน”
เทพพิทักษ์โพล่งออกมาตามความรู้สึกของตนเอง ชายหนุ่มเป็นเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันกับมณีรินและรุจี ทำให้รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องราวขมขื่นในอดีตอย่างทะลุปรุโปร่ง
“อย่าพูดแบบนี้ให้รินได้ยินอีกนะเทพ ไม่งั้นรินโกรธจริงๆ ด้วย รินไม่มีทางญาติดีกับคนที่เป็นต้นเหตุให้รุจีเพื่อนรักของเราต้องตายแน่นอน เอาไว้คุยกันวันหลังนะช่วงบ่ายรินต้องออกไปข้างนอก”
พูดจบมณีรินก็โหย่งตัวลุกขึ้นเก็บข้าวของจำเป็นยัดลงในกระเป๋าสะพาย โดยไม่สนใจหันไปมองสีหน้าที่เหวอไปของเทพพิทักษ์แม้นแต่น้อย
“ริน เราขอโทษนะ”
เทพพิทักษ์คว้าท่อนแขนกลมกลึงของหญิงสาวเอาไว้ แต่พอสบตากับร่างอรชรที่มองมาด้วยสายตาแข็งกร้าว ชายหนุ่มก็ปล่อยมือออกช้าๆ
“ช่างเถอะเทพ รินแค่หวังว่าต่อไปเทพไม่พูดอะไรแบบนี้อีก เราไม่ชอบ.. ไปละ”
มณีรินยกกระเป๋าสะพายขึ้นพาดบ่าแล้วเดินห่างออกมา เทพพิทักษ์ขมวดคิ้วมุ่นมองตามแผ่นหลงบอบบางจนพ้นประตูห้องทำงานออกไป เขารู้จักผู้หญิงคนนี้มานาน นานจนพอจะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีดีแค่รูปร่างหน้าตาสะสวยเท่านั้น หัวใจของเธอยังแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว แฝงเอาไว้ด้วยความทระนงไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเช่นเดียวกันเขา