“ฮาน่า!!”
“กูถาม พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน!!” หญิงสาวตวาดใส่กลุ่มคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยอารมณ์โมโห มีแค่เพื่อนสนิทสองคนเท่านั้นที่เธอรู้จัก ส่วนคนอื่นๆ นั้นเธอไม่รู้จักเลย ไม่รู้เลยว่าคนพวกนี้เป็นใครและมาจากไหนกัน
เพลงที่เปิดจนเสียงดังสนั่นถูกปิดลง ทุกอย่างเงียบสงัดไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักคำ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเธอที่ควรจะอธิบายเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็กลับเงียบกริบเช่นกัน
“ไอ้มิล ไอ้ขุน พวกมึงทำห่าอะไรกัน”
“ไหนบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้าไง” คามิลเอ่ยถาม เพราะตอนที่โทรหากันเธอบอกว่าจะกลับอาทิตย์หน้า ซึ่งมันก็เรื่องจริงแหละนะ แต่เธอโกหกไงเพราะตั้งใจจะกลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกเซอร์ไพรส์กลับแบบนี้
“พวกมึงรีบจัดการเดี๋ยวนี้!!”
พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปทันที เธอไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ตรงนั้นต่อเลย สภาพที่เธอได้เห็นมาทั้งบาดตาและทำร้ายความรู้สึกของเธอมาก ไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และเกิดขึ้นมานานแล้วหรือยัง
ผ่านไปสักพัก
แกร๊ก~
“ฮาน่า...”
ประตูห้องถูกเปิดก่อนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนจะเดินเข้ามา และนั่งลงบนโซฟาต่อหน้าหญิงสาวที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเอง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฮาน่า...คือว่า”
“ไม่ต้องมาอธิบายแก้ตัวอะไรทั้งนั้น บอกมาว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอมองหน้าของทั้งสองสลับกันไปมาด้วยสายตาที่แข็งกร้าว น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นมันบ่งบอกถึงความเด็ดขาดของเธอมาก
“หลายเดือนก่อน” ขุนเขาตอบเสียงแผ่ว เพราะรู้ว่าตัวเองนั้นทำผิดจริงๆ
“พวกมึงแม่ง! ทำแบบนี้ได้ยังไงวะ” เธอรู้สึกจุกอยู่ตรงกลางอก พอได้มองหน้าเพื่อนสนิทแล้วก็อยากจะด่าให้มันแรงและมากกว่านี้ แต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี ได้มาเจอเซอร์ไพรส์แบบนี้แล้วเล่นเอาเธอแทบอยากจะร้องไห้ให้ได้เลย
“แต่นี่มันก็บ้านพวกกูเหมือนกันนะเว้ยฮาน่า” คามิลพูดขึ้น
“แล้วมันไม่ใช่บ้านกูด้วยหรือไง ตอนซื้อก็ร่วมกันซื้อ แล้วก็ตกลงกันพวกมึงเองก็เห็นด้วยรับรู้ทุกอย่าง ทำไมพวกมึงถึงทำแบบนี้วะ”
“พวกกู...ขอโทษจริงๆ” ขุนเขาพูดเสียงแผ่ว
“…..”
“แค่ให้คนมาทำความสะอาดก็จบแล้วไหมวะ” คามิลพูดขึ้นอีกครั้ง เพราะในสายตาของเขามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย มันสกปรกก็แค่จ้างคนมาทำความสะอาด เดี๋ยวทุกอย่างมันก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
“มึงพูดได้แค่นี้เหรอวะไอ้มิล แม่งเห็นแก่ตัวฉิบหาย ถ้ากูพาผู้ชายพาคนอื่นที่พวกมึงไม่รู้จักมาแก้ผ้าปาร์ตี้กันอย่างที่พวกมึงทำบ้าง พวกมึงจะรู้สึกยังไง บ้านนะเว้ยไม่ใช่ซ่องที่คิดจะทำอะไรก็ทำ อยากจะเอากันก็เอา ไม่อายฟ้าอายดิน!”
“เฮ้ยฮาน่า พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ วันนี้วันเกิดไอ้มิลมัน ก็เลยชวนคนรู้จักมาจัดปาร์ตี้กันเฉยๆ ขอสักวันดิวะ” ขุนเขาพูด เพราะฮาน่ากำลังร้อนดั่งไฟและทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างสงบได้ก็คือต้องมีคนเป็นน้ำเพื่อดับร้อน แต่หารู้ไม่ว่าต่อให้เอาน้ำมาทั้งหมดโลกก็ดับร้อนของเธอไม่ได้แล้ว
“ถ้ามันครั้งแรก กูก็พอจะเข้าใจนะ แต่มันไม่ใช่ครั้งแรกแล้วก็ครั้งเดียวไง”
“…..”
พอเธอพูดออกมาอย่างนั้นแล้วไม่มีใครเถียงเธอเลยสักคำเพราะรู้ว่ามันคือความจริงที่ทั้งสองเองก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย
ทั้งสามเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ ถึงตอนนี้ความเป็นเพื่อนมันจะยังไม่ขาดลงแต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากฟางเส้นสุดท้ายเลย สถานการณ์ในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย
จนกระทั่งฮาน่าเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางของตัวเอง และทำเหมือนจะลากออกไปจากห้อง ทันใดนั้นเองเธอก็ถูกขุนเขาทำให้ชะงักด้วยคำทักท้วง
“จะไปไหน?”
“บ้านหลังนี้มันใช่ของกูอีกเหรอ?”
“ใช่สิ บ้านของเราไง”
“บ้านกูจริง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กูก็ต้องรู้ดิ อีกอย่างบ้านที่มีคนอื่นมาอยู่แล้ว มันไม่ใช่บ้านของกู”
“เออ! อยากไปก็ไป แม่งเราก็โตกันแล้วป่ะวะ มึงจะมาทำตัวงี่เง่าให้ตามง้อเหมือนตอนเด็กทำไม?” คามิลลุกขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงที่ขึงขัง พูดใส่หญิงสาวที่ยืนหันหลังให้กับเขาอยู่
“งี่เง่าเหรอ เหอะ!?” ฮาน่าเค้นหัวเราะผ่านลำคอ และก็เดินออกจากห้องไปทันที
เธอกะว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์ทั้งสอง และก็กลับมาเซอร์ไพรส์วันเกิดของคามิลด้วย ไม่คิดว่าจะได้ถูกเซอร์ไพรส์กลับอย่างจุกอกแบบนี้ เป็นเพื่อนกันและตอนนี้ก็โตขึ้นแล้วก็จริง แต่มันก็ไม่ควรที่จะละเลยคำสัญญาและข้อตกลงที่คุยกันเอาไว้
“ไอ้มิล!” ขุนเขาหันไปพูดเสียงเข้มใส่
“ปล่อยเหอะ เดี๋ยวก็ดีเองแหละ”
ฮาน่าลากกระเป๋าเดินทางไปเช่าโรงแรมห้าดาวอยู่ ถ้ากลับไปที่บ้านตอนนี้ทุกคนต้องตกใจแน่ๆ เพราะเธอเองก็ยังไม่ได้บอกคนที่บ้านเหมือนกันว่ากลับมาแล้ว
วันถัดมา
ครืด ครืด ครืด
หญิงสาวถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด มือเล็กโผล่พ้นออกมาจากผ้าห่มก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงไปแนบกับหูของตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของใคร
“อืม...ใครโทรมา”
( ลูกสาวขา~ )
เสียงหวานๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอนั้นจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง และมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้แน่ใจอีกครั้ง
“คุณแม่!”
( ตกใจอะไรล่ะคะ ไม่ดีใจเหรอคะที่แม่โทรหาเนี่ย )
“ดะ ดีใจค่ะ แต่แค่แปลกใจ หนูยังไม่ได้บอกใครเลยว่ากลับมา”
( แม่มีซิกเซ้นส์ค่ะ )
“คุณแม่อ่า”
( ตอนนี้อยู่ไหนลูก เดี๋ยวแม่ให้คนไปรับ )
“ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวหนูไปเอง ขอจัดการธุระส่วนตัวก่อนค่ะ พอดีหนูเพิ่งตื่น”
( ได้จ้ะ แม่จะรอน้า )
“ค่ะ คิดถึงคุณแม่นะคะ ไว้เจอกัน”
ฮาน่ากดวางสายจากผู้เป็นแม่ เธอมองไปรอบๆ ห้องของโรงแรมที่เข้ามานอน เมื่อคืนก็มาจนดึกแล้วเธอไม่ได้สำรวจอะไรเลย แถมเมื่อคืนก็นอนคิดอะไรมากมายจนเผลอหลับไปอีกด้วย
พอมานึกๆ แล้วเธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทะเลาะกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆ และก็ไม่คิดด้วยว่ามันจะลงเอยแบบนี้ เธอไม่ได้จะให้ทั้งสองตามง้อเหมือนกับตอนเด็กๆ และก็ไม่ต้องการคำขอโทษเช่นกัน เธอบอกไม่ถูกว่าต้องการอะไร
ภาพที่เห็นเมื่อคืนมันยังติดตาอยู่เลย หลังบ้านที่เป็นสระน้ำเต็มไปด้วยผู้คนทั้งชายและหญิงที่เธอไม่รู้จักมาก่อน และคนพวกนั้นก็ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น บางคนก็อยู่ในสระน้ำ มันก็เหมือนๆ กับปาร์ตี้แหละนะ ถ้าเธอไม่หันไปเจอภาพที่ผู้หญิงกับผู้ชายคู่นึงกำลังทำเรื่องอย่างว่ากันอย่างไม่สนใจโลกภายนอก มันเป็นภาพบาดตาที่เล่นเอาเธอรับไม่ได้เลย มันไม่ควรจะเกิดขึ้นที่นี่สิ ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านของเธอ และเธอก็ไม่รู้เลยว่าห้องนอนที่ส่วนตัวของเธอนั้นถูกใครเปิดเข้ามาใช้งานหรือเปล่า
เธอคงไม่คิดจะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ข้าวของก็คงไม่กลับไปเอา
เวลาต่อมา
“คุณพ่อ คุณแม่”
“ลูกสาว...คิดถึงที่สุดในสามโลกเลย”
ฮาน่าเดินเข้าไปกอดพ่อและแม่ของเธอด้วยความรู้สึกที่คิดถึงและโหยหาไม่ต่างกัน เธอไปเรียนต่างประเทศหนึ่งปีเต็มๆ โดยที่ไม่ได้กลับมาเลย ก็ไม่แปลกหรอกที่พ่อกับแม่ของเธอจะคิดถึงขนาดนี้
“หนูก็คิดถึงคุณแม่คุณพ่อเหมือนกันค่ะ”
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ นี่ถ้าคนของพ่อไม่เจอหนูที่สนามบิน พ่อกับแม่ก็คงไม่รู้นะว่าหนูกลับมาแล้ว”
“ก็กะว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์ค่ะ แต่ก็คิดว่าคุณพ่อคุณแม่คงจะหลับกันแล้วก็เลยกะว่าจะมาตอนเช้าเอา”
“น่ารักจริงๆ ลูกสาวคนนี้”
“แล้วนี่เจ้าคามิลกับขุนเขารู้เรื่องแล้วหรือยัง?” คนเป็นพ่อเอ่ยถามขึ้น
“ไม่รู้สิคะ หนูไม่ได้แวะไป เมื่อวานวันเกิดคามิล คงจะพากันไปฉลองวันเกิดกันข้างนอกมั้งคะ หนูไม่ได้บอกใครว่าจะกลับมา พวกมันก็คงไม่รู้เรื่องหรอก” เธอโกหกออกไป เพราะไม่อยากทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจ ที่กลับมาปุ๊บก็มีปัญหากับเพื่อนสนิทของตัวเองเลย และที่สำคัญเพื่อนสนิทของเธอนั้นก็ยังเป็นลูกๆ ของเพื่อนสนิทพ่อแม่เธออีกต่างหาก
“เข้าบ้านกันก่อนนะลูก แม่คิดถึงที่สุดเลย มีเรื่องอยากจะถามหลายเรื่องเลยด้วย”
“ค่ะคุณแม่”
เธอถูกแม่พาเดินเข้าไปในบ้าน และถูกซักถามสารพัดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่เธอไปอยู่อเมริกา เพราะไม่ได้กลับมาเลย จึงไม่มีใครรู้ว่าการเป็นอยู่ของเธอที่นั่นมันเป็นยังไง เธอไปอยู่กับเพื่อนรูมเมทคนนึงซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย
“ว่าแต่หนูคิดหรือยังลูก ว่าจะทำอะไร”
“นั่นสิ หนูอยากทำอะไรไหม เดี๋ยวพ่อลงทุนให้ เปิดร้านอาหาร หรือว่าจะเปิดธุรกิจส่วนตัวของตัวเอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณพ่อ ถึงยังไงหนูก็ต้องเข้าไปทำงานแทนคุณพ่ออยู่แล้ว จะให้คนอื่นเข้าไปบริหารงานแทนได้ยังไง คุณพ่อสร้างมากับมือเชียวนะคะ”
“น่ารักจริงๆ ลูกคนนี้”
เธอเป็นลูกคนเดียวและก็แน่นอนว่าบริษัททุกอย่างที่เป็นของครอบครัว ที่พ่อแม่ของเธอนั้นสร้างมากับมือมันก็ต้องเป็นของเธออยู่แล้ว จะให้คนอื่นเข้าไปทำได้ยังไง ต่อให้พ่อกับแม่ของเธอจะไม่ได้บังคับก็ตาม แต่ที่เธอไปเรียนต่ออเมริกาก็เพื่อจะกลับมาบริหารงานแทนพ่อของเธอเหมือนกัน
“หนูขอพักสักอาทิตย์นะคะคุณพ่อ สอบเสร็จทำอะไรเสร็จก็รีบกลับเลย ยังไม่ทันได้พัก”
“ได้สิครับลูกสาว”
“ไหนๆ หนูก็กลับมาแล้ว เรานัดกินข้าวกับบ้านของคุณลุงคุณป้าดีไหม จะได้นัดคามิลกับขุนเขามาด้วย สองคนนั้นต้องดีใจมากแน่ๆ ที่หนูกลับมาแล้ว"
“เอ่อ...ตามใจคุณแม่เลยค่ะ”
เธอไม่อยากจะปฏิเสธให้มันเป็นพิรุธจนถูกสงสัย เพราะสองคนนั้นคงไม่ตกใจหรอกที่ได้เห็นเธอ แม้จะไม่อยากไปเจอกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดแต่ยังไงก็ต้องไปอยู่ดีนั่นแหละ
เธอไม่อยากให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าเธอและทั้งสองคนนั้นกำลังมีปัญหากัน เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน ถ้ามีปัญหากันก็อาจจะทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจเอาได้
“ถ้าอย่างนั้นนัดกินข้าวกันพรุ่งนี้เลยเนอะคุณ”
“ครับ”
“งั้นหนูขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ ต้องเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้อีกด้วย”
“จ้ะลูก”