บทที่ 3 เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น(3)

2714 Words
บทที่ 3 เมื่อหัวใจของเขาเป็นของคนอื่น(3) เสียงเดินหนักหน่วงดังตึงๆ ลงบันไดตรงไปยังประตูทางออก ซึ่งทำให้ประมุขของบ้านที่นั่งดูข่าวการบ้านการเมืองอยู่โถงขนาดใหญ่นั้นหันไปมอง เมื่อเห็นเป็นลูกเขย โอชิก็เรียก “เตชินท์..” ด้านเตชินท์ชะงักเท้า หันไปมองเสียงของชายชราเรียกชื่อของเขา แล้วชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาพร้อมทั้งเอ่ยทักทายประมุขของบ้านเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “ซะมะ..” “นั่งสิ” โอชิปิดทีวี แล้วพยักหน้าให้ลูกเขยนั่งลงบนโซฟานั่งเดี่ยวตรงหน้า “ซะมะมีอะไรเหรอครับ” เตชินท์ทำตามเจ้านาย ซึ่งขณะนี้ชายชรากลายมาเป็นพ่อตาของเขา “อื้อ นี่เธอไม่ใช่ลูกน้องของฉันอีกแล้วนะ เธอจะมาเรียกฉันคุณท่านเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนะ เธอเป็นลูกเขยของฉันแล้วนะ ต้องเรียกฉันว่า พ่อตาสิ” โอชิทำเสียงดุเตชินท์เหมือนดุลูกของตัวเอง “ผมขอโทษครับ” เตชินท์ยกมือไหว้ขอโทษพ่อตา “ฉันขอบใจเธอมากนะที่ไม่ปฏิเสธลูกสาวของฉัน” เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มรุ่นลูกได้เห็นแววตาที่ซ่อนความลับไว้ โอชิจึงลุกขึ้นยืน เดินไปยืนตรงหน้าต่างบานใหญ่เลื่อนได้ “ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพ่อ ที่ทำให้ผมมีทุกอย่าง” เตชินท์ไม่ปฏิเสธ เพราะในเวลานี้เขากลายเป็นคนมีเงิน มีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง แม้กระทั่งอำนาจที่เขาไม่มี แต่ในตอนนี้เขามี “เธอคงไม่ว่าฉันเห็นแก่ตัวเกินไปนะ ถ้าฉันจะขอเธอให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง” โอชิหน้าเครียด เขาหายใจแรงๆ นึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำเพื่อลูกสาวสุดดวงใจ ย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน.. “งานที่ฉันให้ทำไปถึงไหนแล้ว” เมื่อเห็นช่างภาพตัดต่อรูปภาพเข้ามานั่งตรงหน้า โอชิก็ถามเสียงดัง “นี่ครับภาพที่คุณผู้ชายต้องการ” ช่างภาพเอาภาพในมือถือให้โอชิดู “นี่เหรอภรรยาของเตชินท์” โอชิมองหญิงสาว ซึ่งเธอน่ารักสวยเป็นธรรมชาติมาก นอนเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อแม้แต่ผ้าห่มก็ไม่มีปกปิดร่างกาย มีเพียงชายร่างบึกบึนนอนคร่อมกำลังบรรเลงเพลงรักกับเธออย่างดุเดือด “ครับ” ช่างภาพขานรับไปอย่างนั้น ทั้งที่เขาหาภาพของเกวลินไม่ได้เลย “ถ้างานสำเร็จ นายจะได้เงินก้อนสุดท้ายนี้ไป” โอชิพยักหน้าให้ลูกน้องมือขวาเอาเงินสดสองแสนให้ช่างภาพดู “คุณท่านสบายใจได้ครับ เธอคนนี้ผมตามสืบและถ่ายเองกับมือ ผมรับรองคุณเตชินท์เห็นภาพนี้แล้ว คุณเตชินท์ต้องเลิกกับเธอคนนี้แน่ครับ” ช่างภาพมือมือสมัครเล่น เมื่อเห็นเงินแล้วตาก็วาวพร้อมทั้งพูดให้โอชิมั่นใจ.. ความเงียบมีเพียงเสียงถอนหายใจของชายชราเสียงดัง ‘เฮือกๆ’ ทำให้ เตชินท์ขยับตัวมองแผ่นหลังของประมุขของบ้าน แล้วเขาก็เอ่ยถามชายชราว่า “คุณพ่อมีอะไรไหมครับ ถ้าไม่มีผมขอตัวก่อนนะครับ..” “เธอจัดการงานที่ค้างเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ถ้าเรียบร้อยแล้ว พ่ออยากให้เธอและยัยเจสบินไปญี่ปุ่นพร้อมกันอาทิตย์หน้าเลย” โอชิบอกลูกเขย “เรียบร้อยแล้วครับ” เสียงพูดของโอชิฟังดูอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยทรงอำนาจ ทำให้เตชินท์ไม่อาจขัดใจและทำตามคำสั่ง แต่เป็นเพราะโอชิมีพระคุณ ชายชราช่วยให้เขามีเงินเอาไปใช้หนี้พนันบอล.. ย้อนเมื่อตอนเขาอายุยี่สิบสี่ปี..ตอนนั้นเตชินท์ทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งเงินเดือนไม่มาก เขาอยากมีเงินเยอะๆอยากไปซื้อแหวนเพชรให้เกวลิน จึงเข้าไปเล่นการพนันบอล ซึ่งเล่นตอนแรกๆก็ได้มาพอซื้อของขวัญให้น้อง แต่ความอยากได้เงินเพิ่มเขาจึงเล่นต่อจนเงินหมดกระเป๋า “จะเล่นต่อไหมคุณ” ชายฉกรรจ์ ซึ่งเขาเป็นเจ้ามือถามเตชินท์ ด้านเตชินท์ลังเลอยู่สักครู่จึงพยักหน้ารับ “เล่นครับ..” เมื่อทุกคนวางเงินแล้ว แต่เตชินท์ยังไม่วางเงิน ชายฉกรรจ์คนเดิมก็บอกเตชินท์เสียงดังว่า “จะเล่นเท่าไรวางเงินสิคุณ..” “ผมมีนาฬิกาครับ” เตชินท์ถอดนาฬิกายี่ห้อโรเล็กช์ออกจากแขน แล้วบอกชายฉกรรจ์ว่า “นาฬิกาเรือนนี้ผมซื้อมาสี่หมื่นกว่าบาท..” “ถ้าไม่มีเงิน คุณจะไปกู้เถ้าแก่ก็ได้นะ” ชายฉกรรจ์หยิบนาฬิกาของเตชินท์มาดู มันยิ้มมุมปากเล็กน้อยพอใจนาฬิกาเรือนทองสายหนังแท้สีน้ำตาลเข้ม “ครับ” เตชินท์พยักหน้า แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนชั้นสอง ซึ่งเขาเห็นชายชราอายุประมาณหกสิบได้มั้ง นั่งเป็นประมุขมีลูกน้องสี่ห้าคนยืนคุ้มครอง “นี่คุณจะกู้เถ้าแก่จริงๆเหรอ” ชายฉกรรจ์ถาม เมื่อเตชินท์ขอนาฬิกาคืน “..” เตชินท์ไม่ตอบและไม่มองหน้าชายฉกรรจ์ “ดอกแพงนะคุณ ร้อยละห้าสิบได้มั้ง” ชายฉกรรจ์บอก “ครับ” เตชินท์ขานรับ พลางใส่นาฬิกาแล้วเดินขึ้นบันไดไปหาเถ้าแก่ และไม่ถึงสิบนาทีเตชินท์ก็ตกลงทำสัญญากู้เงินหนึ่งแสน และในสัญญานั้นระบุไว้ว่าต้องเอาเงินทั้งต้นและดอกมาคืนให้เถ้าแก่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง “นี่เงินสด” เมื่อเตชินท์เซ็นเอกสารแล้ว เถ้าแก่ก็พยักหน้าให้ลูกน้องเอาเงินให้เตชินท์ “ขอบคุณครับ” เตชินท์รับเงิน แล้วรีบลงไปข้างล่าง ซึ่งชายฉกรรจ์คนเดิมเมื่อเห็นเตชินท์เดินเข้ามาหา เขาก็ยิ้มมุมปากถาม เตชินท์ว่า “จะวางเงินหรือนาฬิกา..” “ผมทุ่มหมดนี้จะมีใครเล่นไหม” เตชินท์ไม่รีรอและคิดมาก และก่อนที่เขาจะวางเงินแสนที่กู้มา เขาก็มองหน้าทุกคน โดยเฉพาะชายฉกรรจ์คนนั้น “โอเค มีใครสู้ไหม” ชายฉกรรจ์ถามและมองหน้าทุกคน ซึ่งทุกคนพากันส่ายหน้าปฏิเสธที่จะเกทับเงินของเตชินท์ “คุณล่ะไม่เล่นเหรอ” เพราะอยากได้เงินที่เสียไป เตชินท์จึงถามชายฉกรรจ์ “ได้ ผมเล่นหมดนี้เหมือนกัน” ชายฉกรรจ์โยนเงินไปกองทับเงินของ เตชินท์ มันยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเสียงเชียร์บอลดังสนั่นห้อง ที่มีเตชินท์ยืนลุ้นบอลฝั่งที่ตัวเองเล่น และพระเจ้าก็เหมือนแกล้งลงโทษเขา เมื่อบอลฝั่งที่เขาเล่นแพ้ “เฮ้ย! ทะ ทำไมเป็นแบบนี้วะ” เตชินท์แทบเข่าทรุดลงไปนั่งกองบนพื้น หน้าหล่อซีดเป็นไข่ต้มเมื่อเงินแสนที่กู้มาหายไปในพริบตา “อ้าว คุณไม่เล่นต่อแล้วเหรอ เอานาฬิกามาวางก็ได้นะ” ชายฉกรรจ์นับเงินที่ได้มาพลางเอ่ยถาม เมื่อเห็นเตชินท์ยืนหน้าเศร้า “..” เตชินท์ไม่ตอบ เขาเดินไปนั่งที่บาร์ครุ่นคิดว่าจะหาเงินมาใช้หนี้ เถ้าแก่ได้อย่างไร เพราะถ้าเขาไม่มีเงินแสนรวมดอกเบี้ยเอาไปใช้หนี้เถ้าแก่ เขาก็ไม่ได้ออกไปจากที่นี่ “เอาวะ!” เตชินท์ลุกขึ้นยืน เงยหน้าขึ้นไปมองชั้นบน แล้วรีบก้มหน้างุดเมื่อสบสายตาของเถ้าแก่ ซึ่งชายชราจ้องเขาตาเขม็ง “เวรเอ้ย!” เตชินท์ด่าตัวเองในใจแล้วแกล้งเดินเข้าห้องน้ำ และเมื่อพ้นสายตาของพวกลูกน้องของเถ้าแก่ เตชินท์ก็รีบเดินตรงไปยังทางประตู “จะไปไหน!..” “เฮ้ย! นี่พวกคุณเป็นใคร ทำไมมายืนดักหน้าดักหลังผมแบบนี้ ถอยไป!” เตชินท์แกล้งทำเป็นจำลูกน้องของเถ้าแก่ไม่ได้ เขามองชายฉกรรจ์ตรงหน้า คนที่สองยืนประกบด้านหลัง ส่วนคนที่สามยืนประกบข้าง “หึ! ไปกลับพวกเราดีๆ หรือว่าจะให้พวกเราใช้กำลัง” ลูกน้องเถ้าแก่คนที่ยืนดักหน้าเตชินท์ถาม พลางพยักหน้าให้เพื่อนร่วมงานเข้าประชั้นชิด เตชินท์ “ไปไหน ผมไม่ไป ปล่อยผม นี่พวกคุณมาจับผมไว้ทำไม” เตชินท์ขัดขืนเมื่อลูกน้องของเถ้าแก่เข้ามาจับแขนสองข้างของเขา “เถ้าแก่รอคุณอยู่นะ” ลูกน้องของเถ้าแก่ที่ยืนตรงหน้าเตชินท์สั่งเพื่อนของมัน แล้วมันก็พยักหน้าให้เตชินท์หันไปมองด้านหลัง “โอเค ผมเดินเองได้ ปล่อยผม” เตชินท์หันไปมองด้านหลัง พลางดันตัวเองให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม และเมื่อเขาได้อิสรภาพแล้ว เตชินท์ก็วิ่งหนี “เฮ้ย มันวิ่งหนีไปแล้ว ตามมันไปวะ” ลูกน้องของเถ้าแก่ตะโกนบอกเพื่อนของมันให้รีบวิ่งจับเตชินท์ ด้านเตชินท์วิ่งหนีพวกลูกน้องของเถ้าแก่ออกจากซอย มายืนเคว้งอยู่กลางถนน เขาหายใจยังไม่อิ่มท้องก็ต้องวิ่งหนีต่อเมื่อพวกลูกน้องของเถ้าแก่ตะโกน “มันอยู่นั้น ตามมันไปซิโว้ย!..” เตชินท์วิ่งข้ามถนน และเมื่อเห็นรถแท็กซี่ติดไฟแดง เขาก็รีบเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งก้มหัวลงเมื่อเห็นพวกลูกน้องของเถ้าแก่วิ่งข้ามถนน ซึ่งพวกมันพากันเดินวนเวียนอยู่ไม่ไกล “ออกรถเดี๋ยวนี้ เร็วๆซิครับ” เตชินท์พูดเสียงเบาบอกคนขับรถแท็กซี่ “เอ่อ คุณครับ ผมมีลูกค้าแล้วครับ” คนขับรถบอกให้เตชินท์หันไปมองเบาะด้านหลัง “เอ่อ ผะ ผมขอโทษครับ” เตชินท์ยกมือไหว้ขอโทษลูกค้าของคนขับรถแท็กซี่ พลางหันไปมองด้านนอกแล้วก้มหลบเมื่อเห็นพวกลูกน้องของเถ้าแก่วิ่งกลับมา โอชิหันมองกลุ่มชายฉกรรจ์สามสี่คนเดินผ่านหน้ารถไปแล้ว เขาก็บอกเตชินท์ว่า “ถ้าพ่อหนุ่มลงไปมีหวังถูกพวกนั้นกระทืบตายแน่ นั่งอยู่ในนี่เถอะ..” “ครับ” เตชินท์ขานรับ แต่ไม่ได้มองโอชิ เพราะเขากำลังมองพวกลูกน้องของเถ้าแก่ที่พากันเดินกลับเข้าไปในซอย “พ่อหนุ่มจะไปไหนเหรอ บอกคนขับสิ” เมื่อเห็นเตชินท์จะเปิดประตูรถ โอชิก็บอกเตชินท์ “ผมไม่ไปแล้วครับ ขอบคุณคุณผู้ชายมากครับที่ช่วยผม” เตชินท์ยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วลงจากรถ “ทำไมล่ะ” โอชิถาม และก่อนที่เขาจะลงจากรถ เขาได้บอกให้คนขับรถแท็กซี่ไปรอเขาที่ลานจอดรถหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ต “ผมจะเข้าไปแก้ปัญหาที่ผมทำค้างไว้ครับ” เตชินท์เห็นโอชิลงจากรถลำบาก เขาจึงยื่นแขนให้โอชิเกาะ “เป็นหนี้เถ้าแก่เจ้าของบ่อนบอลมาเหรอ” โอชิถาม พลางเกาะแขน เตชินท์เดินไปนั่งตรงป้ายรถเมล์ “คุณผู้ชายรู้ได้ไงครับ” ก่อนที่โอชิจะนั่ง เตชินท์ได้ใช้มือเช็ดม้านั่ง แล้วพยุงให้ชายชรานั่ง “ฉันกำลังหาลูกน้อง เธอมาทำงานกับฉันไหม” โอชิถูกชะตาผสมกับท่าทีอ่อนน้อมของเตชินท์ยิ่งทำให้โอชิมั่นใจได้ว่าเตชินท์ต้องเป็นคนดีแน่ๆ “ผม..” เตชินท์นั่งลงข้างๆ เมื่อชายชราตบม้านั่ง “ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันไม่ใช่มาเฟียหรือเจ้าพ่ออะไรหรอก นี่เป็นนามบัตรของฉัน” โอชิเอานามบัตรออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เตชินท์ “โอชิ โรมากิ” เตชินท์อ่านชื่อในนามบัตร แล้วเขาก็เงยหน้ามองชายชรา นึกออกแล้ว ผู้ชายตรงหน้าเขานี้คือผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ‘นี่เราเคยเห็นชายต่างชาติคนนี้ในทีวีบ่อยๆนี่ว่า ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้สัมผัสคนใหญ่คนโตตัวเป็นๆ’ เตชินท์พูดคนเดียวในใจ “ถ้าเธอตกลงมาทำงานกับฉัน ฉันจะให้เงินเธอเอาไปใช้หนี้” “ครับ ผมตกลงครับ” เตชินท์พยักหน้ารับคำทันทีเมื่อเห็นเซ็คเงินสด “ระบุตัวเลขเองนะ แล้วพรุ่งนี้เข้าไปหาฉันที่บริษัท” โอชิลุกขึ้นยืน แล้วกวักมือเรียกรถแท็กซี่คันเดิม “ขอบคุณคุณผู้ชายมากครับ” เตชินท์ยกมือไหว้ แล้วยื่นแขนให้ชายชราเกาะ เขาเดินไปส่งโอชิ เมื่อถึงรถแท็กซี่เขาก็เปิดประตูให้ชายชราเข้าไปนั่งในรถ.. “ฉันขอเธอมากเกินไปใช่ไหมเตชินท์” ความเงียบไม่ตอบโต้ มีเพียงแค่เสียงหายเฮือกๆดังเป็นช่วงๆ ทำให้โอชิหันหลังมามองลูกเขย เสียงของพ่อตาดังกังวานทำให้เตชินท์ตื่นจากพะวง และก่อนที่จะหันไปมองพ่อตา เขาก็ปรับสีหน้าเคร่งเครียดให้เป็นปรกติ แล้วพูดว่า “ไม่เลยครับ คุณพ่อไม่ได้ขออะไรผมเลย ผมต่างหากที่ต้องทำให้คุณเจสมีความสุข..” “พ่อขอบใจมากนะเตชินท์” โอชิเดินกับไปที่เดิม และก่อนที่เขาจะนั่งเขาได้ตบบ่าของลูกเขยเบาๆอย่างเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง “ครับ” เตชินท์ขานรับ “เอ่อ เมื่อกี้นี้พ่อเห็นเตชินท์จะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอ” เพราะอยากรู้ว่าเตชินท์จะไปไหน โอชิจึงถามลูกเขย “ผมแค่ลงมาบอกแม่บ้านให้ขึ้นไปช่วยคุณเจสแต่งตัวนะครับ”เตชินท์เปลี่ยนเรื่องทันที เขาไม่อยากให้โอชิรู้ว่าเขากับเกวลินยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน “ทำไมจะต้องลงมาตามด้วยตัวเองล่ะ ทะ..” โอชิไม่ทันได้พูดจบประโยคว่า ‘ทำไมไม่โทรเรียกเด็กให้ขึ้นไปล่ะ’ โอชิก็หยุดพูดเมื่อเสียงของลูกสาวคนเดียวพูดแทรกขึ้นว่า “พ่อตากับลูกเขย คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ..”เสียงใสไพเราะเจสสิก้า ทำให้เตชินท์หันหลังไปมอง แล้วชายหนุ่มก็รีบลุกขึ้น เดินเข้าไปหาหญิงสาว พลางเรียกชื่อของเธอ “คุณเจส..” “นี่ฉันเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมคุณพ่อกับคุณทำตัวมีพิรุธจังค่ะ” เจสสิก้าเกาะแขนของสามี เดินควงกันเข้าไปหาพ่อ เมื่อเตชินท์นั่งโซฟาตัวเตี่ยว เธอก็นั่งตักของสามีอย่างถือสิทธิ์ ด้านโอชิไม่อยากให้ลูกสาวรู้เรื่องที่เขาคุยอะไรกับเตชินท์ ชายชราที่รักลูกสาวมากจึงบอกลูกสาวสุดดวงใจว่า “ไม่มีอะไรหรอก พ่อแค่บอกให้เตชินท์ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว จะได้เตรียมตัวไปงานเลี้ยงที่โรงแรมกัน” “เหรอคะ” เจสสิก้าถามพ่อ แต่เธอกับเอียงหน้าเซ็กซี่ ดวงตาคู่งามหวานเยิ้มมองสบตาคู่เข้มของสามี “ก็จริงนะสิ ถ้าลูกไม่เชื่อก็ถามเตชินท์ดูสิ” โอชิตอบลูกสาว “ว่าไงคะชินท์ คุณพ่อคงไม่ได้บังคับให้คุณทำอะไรใช่ไหมคะ” “ผมว่าเราขึ้นข้างบนกันดีกว่าครับ” เตชินท์ไม่ตอบคำถามของหญิงสาวและไม่ได้เกรงใจพ่อตาเพราะเขารู้ว่าโอชิก็พอใจที่ได้เห็นเขาและเจสสิก้าแสดงความรักกัน ซึ่งเตชินท์ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งอุ้มเจสสิก้าขึ้นแนบอก “อุ๊ย! ชินท์ ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ” เจสสก้าร้องกรี๊ดแกล้งขัดขืนแต่แขนเล็กสองข้างยกขึ้นโอบคอหนาไว้ ใบหน้าแดงซ่านซบแนบอกกว้าง “ไปอาบน้ำกันนะครับ” เตชินท์หัวเราะลำคอ พูดชิดกระหม่อมของเธอ พลางเหลือบตามองหน้าของโอชิ เมื่อพ่อตาพึงพอใจมากที่โอชิเห็นดีเห็นงามในสิ่งที่เข้าทำ “ฉันอาบแล้วนะคะ” เจสสิก้าบอกเสียงอ้อน “อาบแล้วก็อาบใหม่อีกก็ได้นี้ครับ..” “ชินท์ อายคุณพ่อบ้างสิคะ ดูสิคุณพ่อมองเราใหญ่แล้ว” เสียงใสครางกระเส่าเมื่อเตชินท์โน้มหน้ามาจูบแก้มของเธอ ซึ่งเธออายจนหน้าแดงระเรื่อเมื่อเหลือบตามองเห็นพ่อนั่งยิ้มมีความสุข…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD