ตอนที่ 10 ข้าจะแต่งกับท่านเอง

1723 Words
ถังจื่อรั่วคนใหม่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นพูดคุยกับน้องสองคนอย่างไรดี ปกติคำพูดที่ออกจากปากนางก็มักจะเป็นคำสั่งสั้น ๆ ไม่เคยมีการคุยเล่นมากนัก นางแบ่งแผ่นแป้งคนละ 1 แผ่นให้ทุกคนกินเป็นมื้อเช้า เพราะยังไม่รู้ว่าจะหาอาหารได้อีกครั้งเมื่อใด จึงตั้งใจจะเก็บอาหารที่มีอยู่ไว้ให้นานที่สุด เด็กน้อยสองคนก็ไม่กล้าสอดปากนั่งกัดกินแผ่นแป้งขนาดใหญ่เท่าใบหน้ากันเงียบๆ ถังเยียนเห็นว่าตะกร้าอาหารของนางหลัวยังอยู่ที่นี่ เขาก็นึกชื่นชมพี่สาวว่านางมือไวยิ่งนัก ขโมยตะกร้าของท่านป้าหลัวไว้ได้ก่อนเขาเสียอีก ที่แท้พี่สาวก็มีฝีมือในการลักขโมยไม่ธรรมดา ต่อไปเขาต้องฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้น เวลานี้ถังจื่อรัวไม่ได้เห็นสายตาชื่นชมจากน้องชายแต่อย่างใด นางยังคงเสียใจกับการกระทำและชะตาของนางอยู่ คิดว่าได้ข้ามเวลามาทั้งทีจะได้พบกับคนรักรูปงาม ได้มีโอกาสใช้ชีวิตคู่ไปจนแก่เฒ่า ที่ไหนได้ เคลื่อนทัพออกศึกยังไม่ทันคว้าชัย ตัวก็ต้องมาตายตกอยู่ตรงนี้เสียก่อนแล้ว(1) หญิงสาวพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะ ไล่ลำดับเรื่องราวที่รับรู้จากความทรงจำ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปทีละเรื่อง เกาซ่งอวิ้นไม่ต้องการรับนางเป็นภรรยา และเขาก็ได้ขายต่างหูไปแล้วตามคำบอกเล่าของท่านยายหวังสมาชิกในหมู่บ้านหนิงป่อ เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าโครงกระดูกในสุสานนั้นอาจจะไม่ใช่เกาซ่งอวิ้น และน่าจะเป็นบุรุษลึกลับคนหนึ่งที่ได้ครอบครองต่างหูไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ เหตุใดเขาจึงรู้จักถังจื่อรั่วเล่า? ในเมื่อเกาซ่งอวิ้นเป็นผู้นำเอาต่างหูไปขายให้โรงรับจำนำ? ยังมีเรื่องชายหนุ่มเมื่อคืนนี้อีก คนของคุณชายเซี่ยกล่าวว่าจะส่งคนมารับนางและน้องสองคนภายหลัง นางจะตัดสินใจรอพวกเขาอยู่ที่นี่ดีหรือไม่? “รีบกินให้เสร็จ เราจะต้องรีบเดินทางออกจากที่นี่ น้องรองเจ้าปีนขึ้นต้นไม้แล้วมองดูรอบๆ ให้ดีว่ามองเห็นบ้านเรือนผู้คนบ้างหรือไม่” ถังจื่อรั่วตัดสินใจไม่รอคนสกุลเซี่ยมารับ ตัวของชายหนุ่มผู้นั้นเองยังเอาตัวแทบไม่รอด ต้องหนีตายทุลักทุเลจนมาถึงมือนาง แล้วนางกับน้อง ๆ จะรอดพ้นจากการแข่งขันกลั่นแกล้งรังแกในสกุลของเขาไปได้อย่างไรกัน ว่ากันตามจริง หากไม่ได้ยาถอนพิษจากระบบของนาง คุณชายแซ่เซี่ยก็ต้องเสียชีวิตไปพร้อมกับร่างเดิมและน้องทั้งสองที่วัดร้างแห่งนี้เช่นเดียวกัน ความเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลมาถึงนางอย่างไรก็ยังไม่อาจคาดเดา นางจึงไม่กล้าเสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับคุณชายรูปงามผู้นั้น “ไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ๆ เลยขอรับพี่ใหญ่ แต่ทางนั้นมีลำธารสายหนึ่งและยังมีเรืออีกลำด้วยขอรับ” ถังเยียนตะโกนลงมาจากต้นไม้สูง เรื่องปีนป่ายซุกซนนี่เขาถนัดที่สุด “ไป! ลองไปดูกัน หากมีลำน้ำย่อมต้องมีบ้านเรือนผู้คนอาศัยอยู่ ขอเพียงเรือลำนั้นยังใช้การได้ เราอาจจะได้พบบ้านเรือนคนสักหลัง” ถังเยียนและถังฮุ่ยหลินเดินตามหลังพี่สาวที่เวลานี้ใช้กิ่งไม้ท่อนยาว ไล่ตีไปตามพื้นดินที่มีหิมะปกคลุมอยู่ไปตลอดทาง ถังฮุ่ยหลินได้เป็นผู้ครอบครองผ้าห่มเพียงผืนเดียวเอาไว้ตามคำสั่งของถังจื่อรั่ว โดยมีถังเยียนหิ้วตะกร้าอาหารกับน้ำดื่มตามหลัง เด็กหญิงตัวน้อยมักจะหันมาเบิกตาโพลงด้วยความสงสัย ตั้งคำถามให้กับพี่ชายรองของนางด้วยความฉงน พี่ใหญ่ของนางเดินได้เองโดยไม่ต้องให้นางและพี่รองประคองร่างเอาไว้? นางหายป่วยแล้ว? ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากถังเยียนเป็นการถลึงตาพร้อมกับส่ายหน้าด้วยความไม่รู้กลับคืนมาเช่นกัน ถังจื่อรั่วพาน้องสองคนเดินมาจนถึงลำน้ำที่ถังเยียนบอกจนได้ในที่สุด นางลงไปสำรวจตัวเรือเก่าที่เกยฝั่งอยู่ครึ่งหนึ่ง ก่อนจะผลักเรือลงไปในน้ำที่เย็นจัดทั้งลำมองหารอยรั่วซึมของน้ำ “ใช้การได้ ไปเถิดเดินทางด้วยเรืออย่างไรก็เร็วกว่าสองเท้า” หญิงสาวภาวนาในใจไม่ให้หิมะตกลงมามากกว่านี้ หากอุณหภูมิลดต่ำเร็วขึ้นเมื่อใดโอกาสที่น้ำจากกลายเป็นน้ำแข็งก็มีอยู่มาก นางจำเป็นต้องหาที่พักอาศัยให้ได้โดยเร็วที่สุด เรื่องจะกลับไปที่หมู่บ้านหนิงป่อนั้นนางไม่คิดให้เสียเวลาเลย คนผู้เดียวที่นางหวังจะพึ่งพิงเขาก็ตัดสินใจเลือกทิ้งนางอยู่แล้ว ใยต้องตรากหน้ากลับไปอีกเล่า ที่ดินสามหมู่นั้นก็ยังค้างคาเรื่องการชดเชยค่าสินสอดทองหมั้นสกุลเกาอยู่อีก ไม่สู้พาน้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เสียเลยดีกว่า ส่วนเรื่องผู้ชายที่เป็นจุดประสงค์ของการเดินทางข้ามเวลามาครั้งนี้คงต้องแล้วแต่บุญแต่กรรมไปก่อนแล้วกัน เอาชีวิตรอดจากหิมะและป่ารกร้างแห่งนี้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกที สามพี่น้องล่องเรือตามแม่น้ำมาได้สองวันแผ่นแป้งในตะกร้าที่เก็บไว้กินประทังความหิวก็หมดลงไป ยังดีที่ประสบการณ์ชีวิตของถังเยียนในการโลดแล่นเป็นเด็กป่าเถื่อนอยู่ในหมู่บ้านหนิงป่อ มีประโยชน์กับการเดินทางอย่างไร้จุดหมายครั้งนี้ไม่น้อย ภายในป่าริมแม่น้ำยังมีผักป่าที่แข็งแรงยืนต้นอดทนต่อสู้กับความหนาวเย็นได้อยู่ และถังเยียนก็รู้จักผักป่าเหล่านั้นทั้งสิ้น พวกเขาจึงยังสามารถเดินทางต่อไปได้ “ค่ำแล้ว เราต้องจอดเรือหาที่พักแล้ว” ถังจื่อรั่วออกคำสั่ง นางและน้อง ๆ ไม่ได้มีประสบการณ์ในการพายเรือแต่อย่างใด โชคดีที่แม่น้ำแห่งนี้ไม่ได้ไหลเชี่ยว ถังจื่อรั่วกับถังเยียนจึงยังใช้ไม้ไผ่ค้ำถ่อต่างพาย ควบคุมลำเรือได้ไม่ยาก นางเลือกพื้นที่จอดเรือที่สามารถนำเรือขึ้นไปเกยบนริมตลิ่งได้ สามพี่น้องช่วยกันดึงลำเรือขึ้นจากน้ำมาไว้บนฝั่ง ถังเยียนมีหน้าที่ก่อไฟไว้ข้างตัวเรือ และเดินเก็บผักป่าหรือพืชที่พอจะกินได้มาเตรียมเป็นมื้อเย็น ส่วนถังจื่อรั่วและถังฮุ่ยหลินมีหน้าที่ไปเดินเก็บใบไม้แห้งที่มีขนาดใหญ่สักหน่อยมาปูบนพื้นเรือและใช้แทนผ้าห่มในยามค่ำคืน “เสียดายที่ระบบไม่สามารถผลิตแคปซูลอาหารออกมาได้ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงไม่ต้องทนหิวกันเช่นนี้” ถังจื่อรั่วทอดถอนใจ พร้อมกับใช้กิ่งไม้เสียบผักป่าที่รับมาจากน้องชาย ย่างไปที่เปลวไฟ “ระบบคืออะไรหรือเจ้าคะพี่ใหญ่” เดินทางมาหลายวัน เด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้รู้สึกว่าตนลำบากแต่อย่างใด ความสัมพันธ์ของนางและพี่สาวดีกว่าแต่ก่อนมากมายนัก ดียิ่งกว่าเมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหนิงป่อเสียด้วยซ้ำ จนรู้สึกว่าสามารถตั้งคำถามและพูดคุยกับพี่ใหญ่ได้ทุกเรื่อง “ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่บ่นไปเรื่อยเปื่อย” เด็กสาวหันมาลูบผมถังฮุ่ยหลินเบาๆ ในใจก็รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ว่าตนจะสามารถพาเด็กน้อยสองคนรอดชีวิตไปได้อีกสักกี่วัน ระบบจะผลิตเพียงยา และยังไม่สามารถตอบสนองกับคำขอของนางได้ทุกเรื่อง นางลองร้องขอความอบอุ่นจากระบบเพื่อช่วยบรรเทาความหนาวเย็นยามค่ำคืนให้ตนและน้อง ๆ ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ระบบก็ไม่ตอบสนองแต่อย่างใด ความหิวโหยไม่ใช่โรค คาดว่าหากนางและน้อง ๆ ต้องอดตายระบบก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้อีกเช่นกัน ถึงเวลากลางคืนร่างเล็กสามร่างก็ซ่อนตัวอยู่ในเรือ ใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันคลุมกายโดยมีกองใบไม้หนาเตอะคลุมทับเอาไว้อีกชั้น ทั้งหมดนี้ถังเยียนและถังฮุ่ยหลินกลับรู้สึกมีความสุขที่สุด เพราะพี่สาวให้ถังฮุ่ยหลินนอนตรงกลาง และยังใช้มือโอบกอดนางและถังเยียนเอาไว้แน่น เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนหากพวกเขายังคงอาศัยอยู่ในเรือนสกุลเกา “พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องแต่งให้กับพี่เขยก็ดีขอรับ หากข้าโตขึ้นข้าจะแต่งกับท่านเอง” เด็กน้อยกล่าวคำออกมาอย่างไร้เดียงสา ไม่เข้าใจว่าการแต่งงานคืออะไร รู้แค่ว่าพี่ใหญ่ต้องการมันมากเท่านั้น “ฮ่าๆๆ อาเยียน นี่เจ้ากำลังแกล้งทำให้ข้าเบิกบานใจใช่หรือไม่ เราเป็นพี่น้องกันแต่งงานกันไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วงนะพี่สาวจะหาพี่เขยดีๆ ที่รักเจ้าทั้งสองคนเหมือนน้องแท้ๆ ให้พวกเจ้าเอง” หญิงสาวนอนหลับตาใฝ่ฝันถึงอนาคตในวันคืนข้างหน้า เกาซ่งอวิ้นขายต่างหูไปแล้ว เขาย่อมไม่ใช่เจ้าของโครงกระดูก บุรุษอีกคนที่นางได้พบคือคุณชายเซี่ย แต่หากนางไม่ย้อนเวลากลับมาชายหนุ่มผู้นี้ย่อมสิ้นใจตายด้วยยาพิษอยู่ที่วัดร้าง เขาก็ไม่ใช่เจ้าของโครงกระดูกเช่นกัน นางจะตามหารักแท้ของนางให้เจอ หญิงสาวกำต่างหูข้างหนึ่งที่เหลืออยู่เอาไว้ในมือก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด (1) เคลื่อนทัพออกศึกยังไม่ทันคว้าชัย ตัวมาตายเสียก่อน สำนวนจีน มีความหมายว่า เรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จก็ล้มเหลวเสียแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD