อสูรหวงรัก เป็นภาคต่อจากเรื่อง ทาสสวาทอสูรเถื่อน
บทที่1
ณ บริษัท เฟริส์เฮ้าท์ อินดัชเตอรี่กำจัด เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย และเป็นบริษัทที่ผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อดังหลายชนิด ตั้งตระง่าอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพที่มีความสูงถึงห้าสิบชั้น กำลังวุ่นวายกับการจัดงานต้อนรับรองผู้บริหารคนใหม่ โดยเหล่าพนักงานต่างพากันไปยืนเรียงแถวต้อนรับรองผู้บริหารอยู่ตรงทางเข้าจนสุดทางที่ลิฟต์
จากนั้นก็มีรถสปอร์ตคันหรูขับเข้ามาจอด พนักงานคนหนึ่งก็เดินเข้าไปเปิดประตูให้ ก็มีผู้ชายตัวสูงใหญ่ใส่ชุดสูทหรูหราก้าวลงมาจากรถ พร้อมกับถอดแว่นตาออกอย่างสมาร์ท จนพนักงานผู้หญิงถึงกับอือฮากันเสียงดังเมื่อเห็นรองผู้บริหารคนใหม่ที่มีหน้าตาหล่อเหลาคมคายราวกับเทพบุตรก็ไม่ปาน
“ยินดีต้อนรับนะครับคุณแฟรงก์ ไม่เจอกันหลายปียังหล่อเหมือนเดิมเลยนะครับ” ทีรวัตรทนายประจำตระกูลสุริยสิงห์เอ่ยพูดออกไปด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร พร้อมกับส่งมอบช่อดอกไม้ให้กับทายาทคนรองของของตระกูลสุริยสิงห์
“ครับลุงวัตร ขอบคุณที่มาต้อนรับผมนะครับ บอกให้พนักงานกลับไปทำงานเถอะครับลุง เดี๋ยวผมจะขึ้นไปพบพี่ฟราน” แฟรงก์ตอบกลับไปอย่างขอบคุณ เพราะเขานั้นนับถือทีรวัตรเหมือนญาติคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่พ่อของเขาเสีย ก็ได้ลุงวัตรนี่แหละที่คอยช่วยแม่และพี่ชายของเขาบริหารงานบริษัท จนกระทั่งเขากลับมาเมืองไทย
“ครับคุณแฟรงก์ งั้นเชิญเลยครับ” ทีรวัตรเอ่ยพูดไปก็ยิ้ม พร้อมกับเดินนำพาเจ้านายคนใหม่ขึ้นไปยังชั้นของผู้บริหาร ตามคำสั่งของนายใหญ่ของสุริยสิงห์
พอทีรวัตรพาแฟรงค์มาจนถึงห้องทำงานของผู้บริหารก็เคาะประตูห้องก่อนจะพาเข้าไปด้านในห้องทำงาน ก็เจอกับเมทีลูกชายของเขา กำลังนั่งคุยอยู่กับฟรานติโน่
“มาแล้วเหรอ กว่าฉันจะลากคอแกกลับมาทำงานได้ เล่นเอาฉันเหนื่อยเลยนะ” ฟรานติโน่เอ่ยพูดเล่นออกไป พร้อมกับมองไปที่น้องชายด้วยสายตาจดจ้องอย่างคาดโทษ เพราะน้องชายของเขาเรียนจบมาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่ยอมกลับมาช่วยเขาทำงานที่นี่ เขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปลากตัวมันกลับมาเพื่อช่วยเขาบริหารกิจการ
“โห...เฮียฟราน ผมก็แค่อยากเที่ยวรอบโลกอ่ะ ถ้ากลับมาทำงานผมก็ไม่ได้ไปไหนแบบเฮียน่ะสิ ขอผมเที่ยวต่ออีกสักปีสองปีไม่ได้เหรอ” แฟรงก์เอ่ยพูดออกไปพร้อมกับเข้าไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามพี่ชายอย่างไม่เกรงกลัว เพราะรู้ดีว่าพี่ชายก็แค่ขู่เขาเล่นๆเท่านั้น
“ไม่ได้ แกต้องกลับมารับผิดชอบสิ่งที่ป๊ารัก แกจะผิดสัญญาหรือไง ตอนนี้บริษัทเรากำลังไปได้ดี เพราะฉะนั้นแกก็ควรมาบริหารงานที่นี่กับฉันได้แล้ว อย่าเอาแต่เที่ยวไปวันๆ” ฟรานติโน่เอ่ยพูดออกไป เพราะตั้งแต่พ่อเขาตายไปเมื่อหกปีก่อน เขาก็เรียนจบพอดี จากบริษัทที่เกือบจะล้มละลายเขาก็ทำให้มันกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งจนถึงทุกวันนี้ เขาจึงอยากให้น้องชายมาเรียนรู้งานตั้งแต่ตอนนี้
“เออๆ เฮียจะให้ผมทำงานอะไรก็ว่ามาเลย น้องคนนี้พร้อมจะรับใช้แล้วครับ” แฟงก์เอ่ยพูดออกไป ก่อนจะทำหน้ากวนๆใส่พี่ชาย สงสัยงานนี้เขาจะหนีไม่รอดซะแล้ว
“ฉันจะให้แกมาเป็นรองผู้บริหาร แล้วงานของแกหลักๆก็คือดูแลบริษัทเครื่องดื่มในเครือของเราทั้งหมด ฉันจะให้ลุงวัตรเป็นคนสอนแก ไปได้แล้วเห็นหน้าแกแล้วฉันรำคาญ” ฟรานติโน่เอ่ยพูดไปก็ถอนหายใจ เพราะไม่รู้ว่าน้องชายของเขาจะได้เรื่องแค่ไหน
“ครับๆ มาวันแรกก็ได้ลุยงานเลย ดีจริงๆเนอะ” แฟรงค์พูดไปก็ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันไปหาผู้เป็นลุง แล้วเอ่ยพูดไป
“ไปเถอะครับลุง ปล่อยให้เฮียเขาอยู่กับงาน เอ้ย อยู่กับพี่ทีดีกว่าครับ” แฟรงก์พูดออกไปอย่างแกล้งๆ เพราะพี่ชายของเขาจริงจังกับงาน จนแทบจะไม่สนใจอะไรแม้กระทั่งผู้หญิง ดีนะที่พี่ทียังหาสาวๆมาให้พี่ชายของเขาได้ปลดปล่อยบ้าง ไม่งั้นเขาคงคิดว่าพี่ชายของเขาเป็นเกย์แน่ๆ
หลังจากนั้นแฟรงก์ก็เริ่มเข้ามาบริหารและผลิตเครื่องดื่มชนิดใหม่ขึ้นมานำเสนอบอร์ดผู้บริหารและมันก็เป็นที่น่าสนใจและผลิตเครื่องดื่มชิ้นแรกของแฟรงก์ก็ผ่านการอนุมัติจากฟรานติโน่และคณะบอร์ดผู้บริหาร
ด้านพลอยลดาสาวน้อยหน้าหวานที่กำลังโตเป็นสาวก็เดินถือซองเอกสารตอบรับของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียที่เธอได้ทำการสมัครสอบคณะแพทย์ศาสตร์ไปและตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยก็ตอบรับเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พ่อคะ แม่คะ พลอยมีอะไรจะให้พ่อกับแม่ดูด้วยค่ะ” พลอยลดาเดินเข้าไปในห้องทำงานของร้านนวดของพ่อแม่ของเธออย่างดีใจ จนพ่อแม่ของเธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วทำหน้าสงสัย
“อะไรกันลูก ยิ้มหน้าบานเชียว ไหนเอามาให้แม่ดูสิ” พิริมาเอ่ยถามลูกสาวก็รับซองเอกสารจากลูกสาวมาแล้วมาอ่านอย่างพิจารณา ก่อนจะเงยหน้ามองลูกสาวอย่างอึ้งๆ
“นี่ลูกแม่สอบติดหมอเหรอ คุณคะ ลูกเราสอบติดหมอค่ะ” พิริมาถามลูกสาวไป ก็หันไปบอกสามีที่นั่งมองเธอสองคนอยู่
“หนูเก่งไหมคะแม่” พลอยลดาพูดไปก็เข้าไปกอดผู้เป็นแม่ทันที เธอฝันอยากเป็นหมอมานานแล้ว และเธอก็จะต้องทำมันให้ได้ และตอนนี้มันก็กำลังจะเป็นจริง
“เก่งที่สุดเลยลูกแม่ แม่ภูมิใจในตัวหนูมากเลยรู้ไหม แล้วนี่ได้ที่ไหนลูก” พิริมากอดลูกสาวอย่างยินดี ก่อนจะเอ่ยถามลูกสาวต่อ
“ได้ของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนียค่ะแม่ อยู่รัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองลอสแองเจลิสค่ะ แต่อาทิตย์หน้าต้องไปจ่ายเงินแรกเข้าเพื่อยืนยันสิทธิ์ก่อนค่ะ” พลอยลดาบอกไปก็กอดแม่อย่างดีใจ แต่พิริมาก็ทำหน้ากังวลใจและหันไปมองหน้าสามีทันที เพราะตอนนี้สถานะทางการเงินของครอบครัวกำลังแย่
“เก่งๆมากลูกๆ ถ้าจ่ายเมื่อไหร่ก็มาเอาเงินที่พ่อก็แล้วกันนะลูก” โจเซฟเอ่ยพูดไปก็ลุกขึ้นไปแล้วกอดลูกสาวและภรรยาด้วยใบหน้ากังวล ยังไงเขาก็ต้องหาเงินไปใช้หนี้ และต้องหาเงินมาส่งลูกสาวของเขาเรียนหมอให้ได้
จากนั้นสามพ่อแม่ลูกก็พูดคุยกันต่ออย่างดีใจ ก่อนจะบอกให้พลอยลดารอพิชชาภาซึ่งเป็นหลานสาวของเธอที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆมารับพลอยลดากลับไปบ้าน เพราะเธอกับโจเซฟจะต้องไปหาเงินมาใช้หนี้ของเสี่ยกำธร
ด้านพิชชาภาพอกลับจากมหาวิทยาลัยก็มาที่ร้านเพื่อมารับน้องสาว เธอเข้ามาหาน้องสาวในห้องทำงานของน้าทั้งสอง ก่อนจะยืนมองน้องสาวที่กำลังใจจดใจจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ จนไม่รู้ว่าตอนนี้เธอยืนอยู่ในห้องด้วย
“ยัยพลอย อ่านอะไรอยู่น่ะ ไม่สนใจพี่เลยนะเรา” พิชชาภาพูดออกไปก็เดินเข้าไปหาน้องสาวที่กำลังมองจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“กรอกใบตอบรับค่ะพี่พิช ตอนนี้พลอยได้ทุนไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้วนะคะ พี่พิชดีใจกับพลอยไหม” พลอยลดาสาวน้อยลูกครึ่งตากลมโตเอ่ยบอกพี่สาวด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เพราะเธอกำลังจะได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศอเมริกา
“จริงเหรอ ไหนพี่ดูหน่อยสิ” พิชชาภาตอบไปอย่างดีใจ เพราะเธอเห็นพลอยลดาสมัครขอทุนของมหาวิทยาลัยนี้ไว้ตั้งนานแล้ว ในที่สุดน้องสาวของเธอก็จะได้ไปเรียนแพทย์ที่นั่น
“น้องสาวของพี่เก่งที่สุดเลย แล้วบอกน้าพิมกับน้าโจหรือยัง ท่านคงจะดีใจแย่เลยที่พลอยสอบติดหมอที่นั่น” พิชชาภาเอ่ยถามออกไป
“ค่ะ พลอยบอกพ่อกับแม่แล้ว ท่านก็ดีใจเหมือนพี่นี่แหละ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าพลอยจะไปจ่ายเงินแรกเข้าแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกว่าให้ไปเอาเงินที่ท่าน พลอยดีใจที่สุดเลยค่ะพี่พิช ในที่สุดพลอยก็จะได้ไปเรียนหมอที่นั่น” พลอยลดาบอกพี่สาวไปก็กอดเอวพี่สาวแน่นอย่างดีใจ
จนพิชชาภาคิดหนักเกี่ยวกับเรื่องของพลอยลดา เธอรู้ว่าพลอยลดาได้ทุนไปเรียนต่อก็จริงแต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากสมพอควร แล้วน้าของเธอจะไปหาเงินมาจากไหนกัน เธอต้องหาทางช่วยให้น้องสาวของเธอไปเรียนต่อให้ได้ ในเมื่อน้าเธอส่งเธอเรียนได้ เธอก็ต้องส่งน้องสาวเธอเรียนให้จบได้เหมือนกัน
“พี่ก็ดีใจกับเราเหมือนกัน ถ้าไปแล้วต้องตั้งใจเรียนให้มากๆนะ” พิชชาภาพูดไปก็กอดตอบน้องสาวอย่างอบอุ่น ก่อนจะช่วยน้องสาวกรอกแบบฟอร์มต่างๆให้สมบูรณ์ หลังจากนั้นทั้งสองก็อยู่ดูแลร้านจนร้านปิด ก่อนจะเดินทางกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย
พอเช้าของอีกวันโจเซฟและพิริมาก็มาพูดคุยกันถึงเรื่องที่เขาจะส่งลูกสาวไปเรียนต่อ เนื่องจากตอนนี้เขายืมเงินใครไม่ได้เลยสักคน ขนาดเพื่อนที่เขาไปคุยด้วยเมื่อวานก็ยังไม่มีเงินมากพอที่จะให้เขายืม จนตอนนี้เขาต้องกลุ้มใจหนักกว่าเก่า
“พิมว่าเราให้ลูกเรียนหมอที่ไทยก็ได้นะคะ อย่างน้อยค่าใช้จ่ายมันก็ไม่มากเท่ากับเมืองนอก” พิริมาบอกกับสามีไปเสียงอ่อน เพราะเธอก็อยากจะให้ลูกสาวไปเรียนต่อที่เมืองนอก แต่ตอนนี้เธอไม่มีเงินมากพอที่จะส่งพลอยลดาไปจริงๆ
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น อย่างน้อยเราขายร้านไปเราก็ยังจะพอมีเงินส่งยัยพิชกับยัยพลอยให้เรียนจบได้ ผมจะคุยกับลูกเรื่องนี้เอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคุณพิม” โจเซฟเอ่ยบอกไป เพราะตอนนี้ไม่มีทางไหนแล้วที่จะรั้งธุรกิจของเขาไว้ได้
“อย่าขายร้านเลยนะคะน้าพิมน้าโจ” พิชชาภาที่ยืนฟังอยู่เอ่ยพูดออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้าทั้งสองที่กำลังพูดคุยกันด้วยความตึงเครียด
“ยัยพิช เราไม่ต้องมายุ่งเรื่องนี้ ปล่อยให้น้ากับน้าพิมจัดการเรื่องนี้เอง เรายังเด็กเราไม่รู้อะไรหรอก” โจเซฟได้ยินหลานสาวพูดก็หันไปมองพร้อมกับทำหน้าตกใจ ก่อนจะเอ่ยพูดออกไปอย่างใจแข็ง
“ไม่ค่ะ พิชไม่ยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ น้าโจกับน้าพิมเลี้ยงพิชมาจนโตนะคะ ยังไงพิชก็ไม่ยอมให้สิ่งที่น้าสองคนรักต้องพังลงแน่ค่ะ ส่วนเรื่องเรียนของยัยพลอย พิชจะเอาเงินที่พิชเก็บไว้มาส่งน้องเองค่ะ อย่างน้อยก็พอจะให้ยัยพลอยใช้ได้ในช่วงแรกๆที่ไปที่นั่น” พิชชาภาเอ่ยบอกไป เพราะเธอมีเงินเก็บที่เธอไปช่วยเจ้หงส์ฟ้าเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งที่มักจะจ้างเธอให้ช่วยออกแบบชุดแต่งงานและการตกแต่งรูปแบบงานแต่งงานอยู่
“ส่วนเรื่องร้าน ถ้าน้าโจกับน้าพิมหาเงินไม่ได้จริงๆ พิชจะยอมไปเป็นเมียน้อยเสี่ยกำธรเองค่ะ” พิชชาภาเอ่ยบอกไป เพราะเงินตั้งสิบล้านเธอจะไปหามันได้จากที่ไหนในเวลาแค่สองอาทิตย์
“ไม่ได้ น้าไม่ยอม” พิริมาเอ่ยพูดออกไปอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องคิด เพราะเธอเลี้ยงพิชชาภามากับมือ เธอจะไม่ยอมส่งหลานสาวไปลงนรกแบบนั้นเด็ดขาด ต่อให้ต้องขายร้านไปเธอก็ยอม
“น้าก็ไม่ยอมให้เราทำแบบนี้เหมือนกัน น้ากับน้าพิมเลี้ยงเรามาไม่ได้จะให้ไปเป็นเมียน้อยของใคร น้าตัดสินใจที่จะขายร้านแล้ว ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเป็นเมียน้อยไอ้เสี่ยนั่น เลิกคิดเรื่องนี้ไปเลยนะ” โจเซฟเอ่ยพูดด้วยเสียงจริงจังอย่างไม่พอใจ เพราะเขากลัวว่าหลานสาวจะทำมันขึ้นมาจริงๆ
“เรามีหน้าที่เรียนก็เรียนไป ส่วนเรื่องยัยพลอยกับเรื่องร้านน้าสองคนจะจัดการเอง เข้าใจไหม” พิริมาเอ่ยย้ำบอกกับหลานสาวออกไป
“เข้าใจค่ะ แต่ว่าพิชขอให้น้องได้ไปเรียนต่อที่นั่นนะคะ มันเป็นความฝันของยัยพลอย พิชไม่อยากให้น้องต้องมาผิดหวังทั้งที่น้องก็ได้โอกาสแล้ว พิชมีเงินเก็บประมาณหกแสนค่ะ พิชจะให้ยัยพลอยเอาไปใช้เรียนต่อ แล้วพิชก็จะไปของานพี่หงส์ฟ้าทำเพิ่ม พิชจะช่วยน้าโจกับน้าพิมส่งน้องเรียนเองค่ะ” พิชชาภาบอกออกไปด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะเธออยากจะให้น้องสาวได้ทำตามความฝันของแกเอง เหมือนที่เธอได้ทำตามความฝันของตัวเองสำเร็จเพราะมีน้าทั้งสองคอยช่วย
“ยัยพิช น้าขอบใจเรามากนะที่รักและห่วงน้องแบบนี้” พิริมาพูดไปก็น้ำตาไหลอย่างซาบซึ้งที่หลานสาวของเธอรักและห่วงใยลูกสาวของเธอจากใจจริงแบบนี้ เธอดีใจเหลือเกินที่เห็นพิชชาภารักลูกสาวเธอแบบนี้ ต่อไปถ้าเธอตายไปเธอก็คงไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว เมื่อลูกสาวของเธอมีพี่สาวแบบพิชชาภาคอยดูแล
“ขอบคุณอะไรกันคะน้าพิม แค่นี้มันยังไม่ได้ครึ่งขอน้าพิมกับน้าโจที่ต้องเลี้ยงเด็กดื้อแบบพิชมาเลยค่ะ” พิชชาภาบอกไปก็ยิ้มให้น้าทั้งสอง ก่อนจะกอดกันกลมด้วยความรักใคร่
“น้ากับน้าพิมรักเรานะยัยแสบ” โจเซฟเอ่ยพูดไปด้วยความซาบซึ้งเช่นกัน เขาดีใจที่เห็นพิชชาภารักและเป็นห่วงลูกสาวของเขา ไม่เสียแรงที่เขาและพิริมาเฝ้าเลี้ยงดูเด็กสาวให้เติบโตมาด้วยความรักและความเอาใจใส่ เธอจึงกลายเป็นคนมีน้ำใจแบบนี้
หลายวันผ่านไป
พิชชาภาก็ยอมขายตัวให้กับฟรานติโน่เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ให้กับครอบครัว ตามที่เขาได้มาเสนอให้กับเธอเอาไว้ และเขาก็ขอให้เธออยู่กับเขาหนึ่งเดือนเพื่อแลกกับเงินสิบล้านที่เขาจะทุ่มให้เธอ เธอจึงยอมตกลงรับเป็นนางบำเรอของเขาตลอดหนึ่งเดือน
และต่อมาไม่นานเธอก็เสียพรหมจรรย์ให้เขาไปเป็นที่เรียบร้อย จนเธอต้องแบกร่างกายโทรมๆกลับมาพักที่บ้าน เพราะฟรานติโน่เล่นจัดหนักจัดเต็มใส่เธอจนเธอสลบไป พอเขาให้หมอมาตรวจหมอก็สั่งให้งดมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราว เธอจึงขอเขากลับมาทำธุระที่บ้านให้เรียบร้อย