“เมื่อเช้าไปกินเค้กกับเมียมา เป็นไงบ้างวะ สวีทเลยดิ” กลอยเอ่ยถาม สรุปฝีมือมันแน่ ๆ
“มึงนี่เองที่บอกอิงค์ ว่าแต่มึงรู้เวลางานของวินโซนได้ไง” ผมถามกลับไป กลอยมันไม่ได้อยู่ในกลุ่มไลน์ด้วยสักหน่อย
“ถามไอ้กราฟ กูบอกมันว่าน้องปูนถาม” ปูนคือน้องสาวแท้ ๆ ของผมเองครับ
“เฮ้อ แล้วมึงจะบอกอิงค์ทำไมวะ มึงรู้ปะว่าอิงค์งอแงเนี่ย” ผมถอนหายใจออกมา ถ้ามันไม่บอกอิงค์ ก็คงไม่งอนกันแบบนี้
“อิงค์งอแงเรื่องอะไรวะ” ไอ้กราฟถามขึ้นมา
“อิงค์บอกว่าวันนี้ครบรอบเจ็ดเดือน ก็เลยชวนกูไปคาเฟ่ กูปฏิเสธเพราะจะมางาน อิงค์เลยบอกว่าให้ไปส่งเดี๋ยวชวนเพื่อนไปแทน”
“กูสงสารอิงค์ อยากสวีทกับแฟนแต่ต้องชวนเพื่อน เพราะแฟนไม่ไปด้วย” นุ่นเอ่ยขึ้นมาเสียงเรียบ สีหน้าท่าทางของมันดูจะไม่พอใจผมมาก ถึงได้นิ่งกันแบบนี้
“เออ มึงจะอยู่กับน้องเขาหน่อยไม่ได้เหรอไอ้ปืน” มีนถามผม
“กูเบื่อคาเฟ่ กูไม่ได้ชอบคาเฟ่กูชอบร้านเหล้า และอีกอย่างอิงค์จะนับวันครบรอบเป็นเดือนเพื่ออะไรวะ นับเป็นปีก็พอแล้วนะกูว่า”
“น้องเขาคลั่งรัก เขาใส่ใจทุกวันนี่คือมึงไม่ชอบ?” ปลาถามขึ้นมาบ้าง
“กูว่าเยอะไปอะ”
“แล้วมึงทิ้งอิงค์ไว้คาเฟ่กับเพื่อนอะนะ” ไอ้มาร์ชเอ่ยถามหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“เปล่า กูขับไปส่งที่คอนโด คืออิงค์ก็ไม่ได้ชวนเพื่อนมา เพราะอยากให้กูใจอ่อนอยู่กินเค้กด้วย อิงค์รู้เวลางานของวินโซนจากไอ้กลอยนี่ไง” ผมตวัดสายตาดุใส่กลอย แต่มันก็ดูเฉย ๆ กัน ที่จริงผมอยากให้มันด่าผมมากกว่านะ พวกมันนิ่งเงียบแบบนี้แล้วผมรู้สึกแปลก ๆ
“มึงไม่ใจอ่อนให้อิงค์เลยเหรอวะ?” ไอ้ภีมเอ่ยถาม
“อ่อนห่าไร ก็ไปหาพวกมึง” ก็เห็น ๆ กันอยู่ ยังจะถามอีก
“ฮึ” ไอ้ไฟมันหัวเราะในลำคอแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะก้มดูโทรศัพท์มือถือของมันต่อ
“ระวังเถอะ ระวังน้องอิงค์จะเท” พี่เกมส์จัดการเรื่องรถเสร็จก็เดินเข้ามาในวงสนทนาแล้วเอ่ยออกมา
“บางทีก็อยากให้เทนะ ผมว่าเราเข้ากันไม่ได้” ผมตอบกลับไปตามตรง ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ รู้สึกว่าผมกับอิงค์จะชอบไม่เหมือนกันสักอย่าง บางทีปล่อยกันไปน่าจะดีกว่า
“ไม่ได้รักน้องอิงค์?” พี่ลมถาม
“ไม่แน่ใจว่ะพี่ แต่คิดว่าไม่ได้รัก” ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าความรู้สึกที่มีต่ออิงค์มันคืออะไร
อิงค์น่ารักดี ตอนที่ผมเข้าไปจีบก็เพราะเธอหน้าตาน่ารัก ผอม ๆ ขาว ๆ คำพูดคำจาน้ำเสียงก็นุ่มนิ่มน่าฟัง พอได้คบกันได้อยู่ด้วยกันบนเตียง เธอก็ขี้อ้อน ช่างเอาอกเอาใจ ผมชอบนะ แต่… รักไหม? ไม่รู้เหมือนกัน
“เฮ้อ งั้นก็ปล่อยน้องไปเหอะ” พี่ภูมิเอ่ยออกมา
“ก็ถ้าน้องเขาอยากไปเมื่อไหร่ ผมก็พร้อมที่จะปล่อยไปเลย”
ผมไม่กล้าบอกเลิกอิงค์หรอก แต่ถ้าเธอทนผมไม่ไหวแล้วมาบอกเลิก ผมก็พร้อมที่จะปล่อยไปในทันที…
พวกเราแยกย้ายกันกลับ ผมนึกขึ้นได้ว่าอิงค์มีร้านโปรดอยู่ร้านหนึ่ง เธอมักจะไปกินร้านนั้นกับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ ก่อนที่จะกลับเข้าคอนโด ผมก็เลยแวะไปซื้อเค้กและอาหารของโปรดให้อิงค์
~*~*~
ออด ออด
ผมยืนกดออดหน้าห้องแต่ก็ไร้วี่แววว่าเจ้าของห้องจะมาเปิด ผมเลยรวมของไว้ที่มือเดียวแล้วล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาเปิด หยิบคีย์การ์ดออกมาแตะที่ประตูแล้วเดินเข้าไปด้านในห้อง
ภายในห้องเงียบเชียบ ไม่มีความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ แสดงว่าอิงค์ไม่อยู่ แต่ก็เพื่อความแน่ใจ ผมจึงเดินหาเจ้าของห้อง แต่ไม่พบ ก็แปลว่าเธอไม่อยู่จริง ๆ ผมเอาโทรศัพท์มาต่อสายหาเธอ แต่ดังแค่สองสามที คนที่ผมโทรหาก็เปิดประตูเข้ามา
“พี่ปืนนน” อิงค์เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงสดใส เธอเข้ามานั่งข้าง ๆ แล้วสวมกอดเอวผมเอาไว้
“ไปไหนมา” ผมกอดตอบแล้วถามเธอกลับไป
“ไปเซอร์ไพรส์พี่ปืนมา แต่เจอเซอร์ไพรส์กลับ” อิงค์ตอบแบบยิ้ม ๆ ผิดกับผมที่ยิ้มไม่ออก
เซอร์ไพรส์ผม? แบบนี้หมายความว่าอย่างไร?
ผมกำลังจะอ้าปากถาม คนในอ้อมกอดก็ลุกหนีไปให้ความสนใจกับอาหารที่ผมซื้อเข้ามา
“หูย มีขนมเค้กด้วยอ่า” อิงค์หยิบกล่องเค้กขึ้นมาโชว์ เธอยิ้มแฉ่งสดใสอย่างเดิม
“อิงค์ไปเซอร์ไพรส์พี่ แต่เจอเซอร์ไพรส์กลับหมายความว่าไง” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม แม้ว่าเธอจะแสดงท่าทางสดใสเหมือนไม่มีอะไร แต่ประโยคนั้นผมก็อดคิดไม่ได้
อิงค์วางกล่องเค้กลงแล้วเดินเข้ามาหาอีกครั้ง ใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม แววตาก็ดูสดใส ไม่ได้มีความเศร้า ความโกรธ หรืออะไรเลย นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแปลก ๆ สีหน้าดูสวนทางกับคำพูดเหลือเกิน
“พี่ปืนดริฟต์รถเท่มากเลยอ่า อิงค์เห็นพี่ปืนดริฟต์ตั้งสองรอบ มีพริตตี้นั่งหน้าอยู่ด้วย” อิงค์พูดไปยิ้มไป ราวกับว่าเธอกำลังชื่นชมผมอยู่จริง ๆ
“พริตตี้เขาขอขึ้นนั่งด้วย”
“พริตตี้คนนี้ชื่ออีฟใช่ไหมคะ อิงค์คุ้น ๆ หน้า เหมือนเห็นในไลน์ของพี่ปืนเลย” อิงค์ถามกลับมา ทำเอาผมเบิกตาโพลง
อิงค์ไปดูผมดริฟต์รถ ผมก็อึ้งแล้ว พออิงค์บอกว่ารู้ว่าผมมีไลน์ของพริตตี้ ผมยิ่งอึ้งหนักกว่าเดิม