CHAPTER 3
เช้าวันนี้ผมเตรียมตัวที่จะออกมางานโชว์รถ งานจะเริ่มช่วง 15.00 น. แต่ก็ต้องไปกันก่อนอยู่แล้ว ผมกะจะไปที่เต็นท์รถของพี่ดินก่อนด้วย รวมกลุ่มกันไปกับเพื่อน ๆ ดีกว่า
“พี่ปืนจะไปไหนเหรอคะ” อิงค์เดินออกจากห้องน้ำมา เห็นผมใส่เสื้อทีม เธอก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
“วันนี้ไปงานโชว์รถอะ”
“อ้าว ไม่เห็นบอกอิงค์เลยว่าจะไปงาน”
“พี่ต้องบอกอิงค์ทุกเรื่องเลยเหรอ”
“ขอโทษค่ะ”
อิงค์หน้าหงอยไปเลยที่ถูกผมดุ ผมก็แค่ดุกลบเกลื่อนไปงั้นแหละครับ เพราะที่จริงแล้วผมลืมบอกอิงค์ ตั้งใจจะบอกหลายครั้งแต่พอทำนั่นทำนี่ก็เลยลืมเรื่องนี้ไป
“อิงค์จะไปไหนอะ” คราวนี้เป็นผมบ้างที่ต้องถาม เพราะเธอสวมชุดเดรสสีชมพูหวานแหวว ไม่ใช่ว่าจะอยู่ห้องแน่นอน
“ไปคาเฟ่ค่ะ ตอนแรกอิงค์กะจะชวนพี่ปืนไป”
“พี่ไม่ไปนะ พี่ไม่ว่าง”
“ค่ะ รู้แล้วค่ะ เดี๋ยวอิงค์ไลน์ชวนเพื่อน” เธอส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ก่อนจะก้มหน้าลงกดโทรศัพท์มือถือของตัวเอง
“เดี๋ยวพี่ไปส่งก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
เราสองคนแต่งตัวกันเสร็จ ผมก็พาอิงค์ออกมาจากคอนโด นึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมครั้งนี้อิงค์ยอมให้ผมไปส่ง เธอไม่ยอมนั่งรถผมนิ ผมก็เลยขับช้า ๆ เสียเวลาไปสักหน่อยคงไม่เป็นไร
“กินให้อร่อยนะอิงค์ กินเผื่อพี่ด้วย” ผมเอ่ยออกมาอย่างยิ้ม ๆ เมื่อมาถึงคาเฟ่ที่อิงค์อยากจะมา ร้านนี้ตกแต่งโทนสีชมพูขาว ก็ดูน่ารักดีตามสไตล์อิงค์เลย
“อืม” คำตอบรับสั้น ๆ พร้อมใบหน้าบึ้งตึง สองสิ่งนี้สามารถบอกได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกอย่างไร
“ไม่พอใจอะไรอีก” ผมคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อนที่เธอจะก้าวขาลงจากรถ อิงค์มองที่มือของผมแล้วเบ้หน้าแสดงอาการเจ็บ
“โทษทีมือหนักไปหน่อย” ผมพูดต่อเมื่อเห็นว่าแขนขาว ๆ ของอิงค์เกิดรอยแดงจากมือของผม ไม่ได้มีเจตนาจะทำให้เธอเจ็บ เพียงแต่ผมเป็นคนมือหนัก ยิ่งรีบคว้าเอาไว้แบบนี้ ยิ่งเผลอออกแรงมากไปหน่อย
“อิงค์ไปก่อนนะคะ” อิงค์ดันมือของผมออกเพื่อที่เธอจะได้ออกจากรถ
“ก็ถามเนี่ย ตอบมาดิ” รู้ตัวดีว่าน้ำเสียงของผมบ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิด แต่ก็นั่นแหละ… หงุดหงิดจริง ๆ
“ก็วันนี้มันเป็นวันครบรอบเจ็ดเดือน อิงค์อยากให้เราอยู่ด้วยกัน”
“ไร้สาระว่ะ นับเป็นปีก็พอปะ เลิกนับเป็นเดือนสักทีเถอะ” ไม่เข้าใจว่าจะต้องนับอะไรกันทุกเดือน นับเป็นปีไปเลยทีเดียวก็พอแล้ว
“อื้อ ก็ไว้รอฉลองคบกันถึงปีทีเดียวก็แล้วกัน” อิงค์ระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สีหน้าแบบนี้ก็ดูไม่ออกว่าไม่พอใจ หรือเสียใจ หรืออย่างไร แต่เข้าใจอะไรง่าย ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“แล้วนี่จะเอาไง จะเข้าไปกินกับเพื่อนหรือว่ากลับ” ผมถามไปงั้น ก็รู้แหละว่าเธอบอกจะนัดเพื่อนมาแทน
“กลับค่ะ”
“ฮะ!” อะไรวะ ผมก็นึกว่าเธอจะอยู่ต่อกับเพื่อนเสียอีก
“อิงค์ไม่ได้ไลน์ไปชวนเพื่อนค่ะ จะเข้าไปนั่งกินคนเดียวก็ยังไงอยู่ พี่ปืนไปส่งอิงค์ที่คอนโดได้ไหมคะ”
“อิงค์! นี่อิงค์ให้พี่ขับรถไป ๆ มา ๆ เพื่อ? ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าพี่ไม่ว่างแล้วอิงค์จะให้พี่พามาเพื่ออะไร” ผมตะคอกใส่อิงค์ด้วยความหงุดหงิด ทำตัวเป็นเด็กไปได้ เธออายุน้อยกว่าผมแค่ปีเดียวเอง
“กะ ก็ ก็อิงค์เห็นว่างานเริ่มบ่ายสาม พวกทีมวินโซนจะไปที่งานบ่ายสอง แต่นี่มันเพิ่งจะสิบโมงเช้า อิงค์ก็นึกว่าพี่ปืนจะใจอ่อนอยู่กินเค้กกับอิงค์”
อิงค์รู้เวลาของวินโซนได้ไงวะ สงสัยที่เห็นว่ากดโทรศัพท์นั่นไม่ได้ทักหาเพื่อน แต่ทักหาใครสักคนในแก๊งผมแน่ ๆ
“อิงค์ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะพี่ปืน เดี๋ยวอิงค์ลงไปกินเค้กดีกว่า เริ่มหิวแล้ว” อิงค์พูดจบก็เปิดประตูลงจากรถไปเลย ก็คงจะน้อยใจกับคำพูดของผม
ผมลูบหน้าตัวเองแรง ๆ แล้วขับไปจอดตรงหน้าอิงค์ ก็เหมือนไปตัดหน้าเธอนั่นแหละ อิงค์ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจ คงนึกว่ารถจะชน พอเธอเห็นชัด ๆ ว่าเป็นรถของผมเอง เธอจึงพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ
“พี่รู้ว่าอิงค์ไม่ได้หิว ขึ้นรถมา เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ผมลดกระจกลงแล้วบอกกับคนหน้างอ
เธอก็ยอมขึ้นรถมาอย่างว่าง่าย คงขี้เกียจที่จะทะเลาะกับผมแล้วเหมือนกันมั้ง พอเธอขึ้นรถมาผมก็อธิบายให้เธอฟังว่าผมต้องรีบไปก่อน เพราะต้องไปเตรียมที่เต็นท์แล้วค่อยไปงาน ไม่ใช่ว่าไปงานได้เลย เธอก็พยักหน้ารับแล้วหันมายิ้มให้ผม
“พี่ปืนช้า ๆ หน่อยค่ะ” อิงค์เอ่ยออกมา ผมเริ่มขับเร็วขึ้นเพราะเสียเวลามามากแล้ว นอกจากจะขับเร็ว ผมยังปาดซ้ายแซงขวา สลับเปลี่ยนเลนด้วยความเร่งรีบ
“พี่รีบอะ” พอผมบอกไปแบบนั้น อิงค์ก็เม้มปากแน่น ท่าทางดูเกร็งมากพอสมควร เธอเกร็งมากกว่าทุกครั้ง ฝ่ามือเล็กยกขึ้นกุมที่หน้าอกของตัวเอง เห็นท่าไม่ดีผมก็เลยจอดเข้าที่ข้างทาง
ยื่นมือไปดึงแขนอิงค์ให้ร่างของเธอถลาเข้ามาใกล้แล้วโอบกอดเธอเอาไว้ เพื่อเป็นการปลอบให้เธอคลายความกลัวลง
“อิงค์เคยบอกพี่ปืนแล้วว่าอิงค์ไม่ชอบความเร็ว” เสียงอิงค์สั่น ๆ ผมจึงลูบศีรษะของเธอเบา ๆ
“ก็พี่ต้องรีบไปเตรียมดริฟต์รถ” ผมบอกให้อิงค์รับรู้เผื่อว่าเธอจะเข้าใจผม
“พี่ปืนไปเลยก็ได้นะ เดี๋ยวอิงค์กลับเอง” อิงค์ดันตัวให้ออกห่างจากผม สีหน้าของเธอดูปกติแล้ว
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ไม่อยากให้กลับเอง ว่าแต่ตอนนี้หายกลัวแล้วเหรอ” ผมเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง อิงค์ก็คงรับรู้ได้ว่าผมเป็นห่วงจริง ๆ เธอถึงได้ฉีกยิ้มกว้าง ๆ แล้วพยักหน้ารับ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ” ผมย้ำคำเดิม
“ก็ได้ค่ะ แต่ห้ามขับเร็วแล้วนะ” นิ้วชี้ของเธอชี้หน้าผมแบบดุ ๆ แต่ผมไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด น่ารักขนาดนั้นกลัวไม่ลงหรอก
ผมขับมาเรื่อย ๆ จนมาจอดที่หน้าคอนโดของอิงค์ แฟนคนสวยของผมก็ลงจากรถไป ผมรีบเหยียบเต็มที่เมื่อไม่มีอิงค์อยู่ด้วย จะได้เวลานัดอยู่แล้วหากไปสายนักก็คงไม่ดี