ตอนที่1 จอมมาเฟีย
แสงอาทิตย์ของวันใหม่สาดแสงสีส้มอมทองอบอุ่นส่องผ่านเข้ามายังหน้าต่างห้องพัก ผ้าม่านเนื้อดีสีขาวพัดพลิ้วปลิวไสวตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดโชยเข้ามาภายในห้องพักหรูของโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเมืองลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บรรยากาศยามเช้าค่อนข้างเงียบสงบและสดชื่น
ชายหนุ่มใบหน้าคมคายในชุดสูทราคาแพงสุดเนี้ยบทอดสายตาคมกริบภายใต้คิ้วเข้มออกไปยังนอกหน้าต่าง จับจรดอยู่กับกลุ่มหมอกสีขาวที่ลอยโลมเลียอยู่เหนือผิวน้ำอย่างแผ่วเบา ซึ่งกินบริเวณทั่วทั้งบึงน้ำสาธารณะเบื้องล่างที่มีอาณาเขตติดต่อกับโรงแรมผู้คนหลากหลายวัยบ้างวิ่งออกกำลังกาย บ้างนั่งอยู่ตามโต๊ะม้านั่งริมบึงน้ำพูดคุยหัวเราะกันสนุกสนาน ฝูงห่านสีขาวหลายสิบตัว จับคู่อาบแดด หยอกเอิ้นคลอเคลียกันอย่างมีความสุขราวกับบึงน้ำแห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์ของพวกมัน โดยไม่สนใจกับสายตามนุษย์คู่หนึ่งที่มองดูพวกมันอยู่ด้วยสายตาที่ไม่อาจมีใครเข้าใจได้
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับนาย” เสียงชายในชุดสูทสีดำเรียบกริบเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง ดึงความคิดที่ล่องลอยออกไปไกลแสนไกลของเขาให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง
“อีกหนึ่งนาที… ไซมอร์น” ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกขานว่า * ‘นาย’ *กล่าวกับบอดี้การ์ดคนสนิทด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่ได้หันหลังกลับไปยังต้นเสียงแต่อย่างใด ขณะที่คนเป็นลูกน้องก็มองดูชายหนุ่มผู้เป็นนายด้วยสายตาชื่นชม
อัลฟาร์โน่ เด วาคอร์ป
หนุ่มลูกครึ่งไทยสวิตเซอร์แลนด์ ก้าวขึ้นแท่นผู้ทรงอิทธิพลและร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในสิบของสวิตเซอร์แลนด์ด้วยวัยเพียงสามสิบห้าปี ด้วยธุรกิจโรงแรม เจ้าของกาสิโนและยังพ่วงธุรกิจเรือเดินสมุทรควบคู่ไปด้วย ซึ่งในแต่ละปีก็สร้างรายได้อย่างมหาศาล นี่ถือเป็นสิ่งที่บิดาเขาเคยสร้างเอาไว้ และชายหนุ่มมีหน้าที่ที่จะต้องสารต่อ
ใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตรกรีก ร่างกายสูงใหญ่สมชายชาตรีพ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าของ เด วาคอร์ปกรุ๊ป ถือเป็นที่หมายปองของหญิงสาวแทบทุกคนที่ได้พบเห็น จึงไม่เรื่องแปลกแต่อย่างใดหากชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติหมาศาลผู้นี้เพียงแค่กระดิกนิ้ว ก็มีหญิงสาวมากมายที่พร้อมจะยอมพลีทั้งร่างกายและหัวใจให้แก่เขาอย่างยินยอมพร้อมใจ…
หากแต่จนกระทั่งป่านนี้ก็ยังไม่เคยมีสตรีใดพิชิตหัวใจของเขาได้สำเร็จสักราย นอกเสียจากได้ลิ้มรสความสุขหฤหรรษ์เพียงชั่วครั้งชั่วคราวจากเทพบุตรในคราบมาเฟียผู้นี้ อันเปรียบราวกับสวรรค์บนดินอันเกิดขึ้นบนเตียงนอนหรูหรา พร้อมกับเงินก้อนใหญ่เป็นสิ่งตอบแทนที่บอกเป็นนัยๆ ว่าพวกหล่อนทั้งหลายจะไม่ได้รับสิทธิ์ใดๆ ให้ย่างกรายเข้ามาในพื้นที่แห่งหัวใจ… ของบุรุษผู้นี้
นอกเสียจากตำแหน่ง ‘ภรรยาชั่วคราว’ ของเขาเท่านั้น
“ไปกันได้แล้วไซมอร์น…”
สิ้นเสียงผู้เป็นนาย รถสปอร์ตสีดำก็เคลื่อนตัวออกจากโรงแรมที่พักในเครือ เด วาคอร์ปกรุ๊ป มุ่งหน้าไปยังท่าเรือเดินสมุทรแห่งหนึ่งตามหมายกำหนดการของอัลฟาร์โน่ที่ได้วางไว้ โดยมีรถยนต์ของบอดี้การ์ดสองคันประกบหน้าหลังคอยอารักษ์ขาความปลอดภัยให้กับผู้เป็นเจ้านายอย่างเข้มงวด
เมื่อถึงจุดหมายไซมอร์นลงจากรถทำหน้าที่สอดส่องดูแลความปลอดภัยให้กับผู้เป็นนายเหมือนเช่นทุกครั้งอัลฟาร์โน่มาที่นี่ทุกปีเพื่อรำลึกถึงการจากไปของบิดาเขาเนื่องจากอุบัติเหตุทางเรือเมื่อแปดปีก่อน ที่ทะเลสาบลูเซิล์นแห่งนี้ เขาเลือกที่จะนั่งบนชั้นดาดฟ้าของเรือ เพื่อมองเห็นทิวทัศน์และความงดงามของธรรมชาติได้ชัดเจน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเรือก็
เคลื่อนตัวออกจากท่าเทียบ ภาพเบื้องหน้างดงามราวกับฝีมือการวาดจากศิลปินเอกที่เขาเก็บสะสมเอาไว้หลายภาพ
ทว่าความงามเบื้องหน้านี้แหละที่มันได้พรากเอาชีวิตบิดาของเขาไป… อย่างไม่มีวันหวนกลับ
“แม่ของนายเป็นไงยังบ้างไซมอร์น? ฉันฝากความระลึกถึงท่านด้วย” อัลฟาร์โน่นั่งไขว่ห้างทอดสายตาผ่านแว่นกันแดดสีดำออกไปนอกตัวเรือ หันกลับมาถามลูกน้องคนสนิทที่แสดงฝีมือเป็นที่พึงพอใจของเขามาหลายครั้งหลายครา
“ท่านสบายดีครับนาย… ขอบคุณครับ แล้วผมจะบอกท่านว่าเจ้านายฝากความระลึกไปให้” รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มอายุสามสิบเจ็ดปี อดีตนาวิกโยธินฝีมือดีของกองทัพ ก่อนจะพลิกผันตัวเองมาเป็นบอดี้การ์ด และมือขวาคนสนิทของมาเฟียระดับพระกาฬอย่าง อัลฟาร์โน่ เด วาคอร์ป