ตอนที่ 10 : นิสัยต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ภายในโกดังโรงไม้ร้างมีหญิงสาวร่างบางถูกมัดแขนชูขึ้นอยู่เหนือศีรษะ ใบหน้าหวานก้มลงไปตามแรงโน้มถ่วงตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ขาทั้งสองข้างยืนอย่างไร้เรี่ยวแรงมีเพียงเชือกเส้นหนาพยุงร่างที่แทบจะไร้ลมหายใจให้ยืนอยู่ได้ หน้าผากมนที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักจนทำให้เลือดไหลออกมาก่อนหน้านี้ถูกพันด้วยผ้าพันแผลรอบหัว เนื้อตัวยังคงมีร่องรอยของการเกิดอุบัติเหตุจากรอยแดงกลายเป็นสีม่วงช้ำไปทั่วทั้งร่างกาย
"อื้อ.. แค่ก แค่ก...ซี๊ด จะ เจ็บ" แค่เพียงรู้สึกตัวตื่นความเจ็บปวดก็เข้ามาทักทายทันที อุณหภูมิในร่างกายปะทุไอความร้อนจนรับรู้ได้ กลิ่นอับผสมกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนน่าสะอิดสะเอียน อากาศโดยรอบเย็นยะเยือกจนไรขนอ่อนตามร่างกายลุกชูชัน เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆเปิดออกเมื่อรู้สึกตึงที่แขนและไม่สามารถยกแขนลงมาในท่าปกติได้ สายตาที่พร่ามัวมองไปรอบๆ เป็นพื้นที่โล่งและสภาพโดยรอบไม่ต่างจากสถานที่รกร้าง มีเพียงแสงไฟสีเหลืองหนึ่งดวงห้อยไว้เพื่อให้ความสว่าง ฉันไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้กลางวันหรือกลางคืน แต่สิ่งที่ฉันรู้และจำได้แม่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินของคนที่ฉันเรียกเขาว่าบอส...
"อ่า..." ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อเริ่มขยับตัว ขาทั้งสองข้างที่ยืนอยู่มันปวดร้าวไปจนถึงกระดูกจนแทบไม่มีแรงยืน พยายามบิดข้อมือเพื่อสะบัดเชือกออกแต่กลับไม่เป็นผลจนเกิดรอยแดงหนักขึ้นกว่าเก่า นัยส์ตาทั้งสองข้างพร่ามัวด้วยหยดน้ำตา ฉันไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอยู่ในสภาพนี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงทารุณร่างกายฉันได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้ มันทำให้ฉันนึกถึงสภาพศพที่เต็มไปด้วยเลือดที่อยู่ในภาพนั้น เขาคงทุกข์ทรมานไม่ต่างจากฉัน
"ขยับเยอะเธอจะเจ็บปวดกว่าเดิมนะ" น้ำเสียงเข้มพูดขึ้น เพียงแค่ก้าวเข้ามาในโกดังร้างก็เห็นหญิงสาวพยายามจะแกะเชือกออก
ดวงตากลมโตจ้องมองบุคคลที่เข้ามาใหม่ด้วยสายตาที่หวาดผวา เนื้อตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินฝีเท้าหนักๆเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าคมคายชัดขึ้น
"ปะ ปล่อย..."
"เป็นคำขอร้องที่โง่สิ้นดีแก้มใส" พายุมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวร่างบางที่สภาพใกล้หมดลมหายใจเต็มที ใบหน้าหวานซีดเผือด รับรู้ถึงไอความร้อนจากร่างกายเธอเมื่อเดินเข้ามาใกล้จนตัวเขาและเธอห่างกันไม่ถึงคืบ
"ทำไมคุณไม่เหมือนบอสพายุคนเดิมที่ฉันรู้จัก...ฉันไปทำอะไรให้คุณถึงได้ทำกับฉันแบบนี้ หรือเพียงเพราะฉันเข้าไปเห็นความลับของคุณจากรูปนั้นอย่างงั้นเหรอ คุณเลยตั้งใจจะฆ่าเพื่อให้ความลับที่แสนชั่วช้านั้นตายไปพร้อมฉะ....อื้อ" ฉันพยายามรวบรวมความกล้าและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อถูกมือหนาบีบเข้าที่ปลายคางมนอย่างแรง แรงบีบทำเอากรอบใบหน้าปวดร้าว น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมาจากหางตาและมองคนตรงหน้าด้วยความเกลียดชัง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความรักและปลื้มผู้ชายที่ฉันยกให้เขาเป็นผู้ชายในอุดมคติอีกต่อไป
"คำตอบของฉันเธอได้พูดออกมาหมดแล้ว...และจำไว้ว่าคนอย่างฉันไม่ได้ใจดีให้หนูไร้ค่าอย่างเธอมาด่าฉันฉอดๆ สถานการณ์ตอนนี้เธอควรอ้อนวอนขอชีวิตตัวเองไว้จะดีกว่า" แรงบีบปลายคางมนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเนื้อแก้มนวลปลิ้นรอดง่ามมือหนาออกมา ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาทั้งที่ตัวเองกำลังจะตาย
พรึบ
"อ๊ะ" ฝ่ามือหนาสะบัดออกจากปลายคางมนอย่างแรงจนตัวฉันโยกไปตามแรงเหวี่ยง แรงเสียดสีระหว่างผิวหนังกับเชือกเพิ่มความเจ็บแสบไปทั่วทั้งข้อมือ แต่ถ้าไม่มีเชือกรั้งแขนไว้ตัวฉันคงล้มไปกองกับพื้นเต็มแรง
"ฉันไม่เหมือนคนที่เธอรู้จักงั้นเหรอ...หึ! เธอไม่รู้จักตัวตนฉันจริงๆต่างหากละ เธอเองก็หลงใหลในหน้ากากที่แสนดีของฉันอยู่ไม่น้อยนะ" ริมฝีปากหนากระตุกยิ้ม ยิ่งเห็นคนตรงหน้าทรมานทำให้เขารู้สึกพึงพอใจไม่น้อย
"เสียแรงที่ฉันชื่นชมคุณ เพราะการกระทำของคุณไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน" ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าอย่างคาดโทษ ฉันยอมเป็นคนโง่ที่ไม่ร้องขอชีวิตเพราะรู้ดีว่าเขาคงไม่ปล่อยฉันไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
"เธอทำให้ฉันถูกใจจนฉันอยากเก็บเธอไว้ดูเล่นซะแล้วสิ ภาพตรงหน้าฉันตอนนี้มันช่างลึกซึ้งกินใจซะเหลือเกิน คราบเลือดบนใบหน้าเธอ รอยช้ำบนตัวเธอ ขาทั้งสองข้างที่กระดูกเกือบหัก มันเร้าใจจนฉันอยากทรมานเธอเรื่อยๆ" พายุพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย ตอนแรกเขากะจะฆ่าเธอเหมือนกับคนอื่น แต่การต่อล้อต่อเถียงของเธอกลับทำให้เขาเปลี่ยนความคิด อยากจะทรมานพวกปากดี
ฉันมองคนตรงหน้าอย่างผิดหวัง ไม่เคยคิดว่าประธานหนุ่มผู้เพียบพร้อมทุกอย่าง เป็นที่หลงรักของพนักงานทุกคนในบริษัทจะกลายเป็นอสูรร้ายถึงขั้นนี้
"ไปเอาตัวมันมา" พายุสั่งเสียงแข็งให้ลูกน้องที่ยืนอยู่แถวนั้นได้ยิน สายตาคมกริบยังคงจับจ้องที่หญิงสาวร่างเล็กไม่วางตา
ตึก ตึก ตึก
ครืด ครืด..
ไม่นานกลุ่มลูกน้องชายฉกรรจ์ก็มาพร้อมหญิงสาววัยกลางคนรูปร่างอวบที่ถูกลากตัวมาแต่ตายังคงปิดสนิทราวกับคนไม่มีลมหายใจ แต่แล้วหัวใจดวงน้อยกระตุกวูบเมื่อได้มองเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นอย่างชัดเจน
"ป้าแม่บ้าน" ผู้หญิงที่ถูกมัดมือมัดเท้าและลากมาไว้ไม่ห่างจากฉันเธอคือแม่บ้านทำความสะอาดที่บริษัท ฉันจำได้ดีเพราะป้าแม่บ้านมักจะคอยมาเก็บกวาดในแผนกที่ฉันทำงานและยังเคยได้ยินแกพูดว่าได้รับหน้าที่ให้ขึ้นไปทำความสะอาดในห้องประธานหนุ่มอยู่บ่อยครั้ง เราคุยกันอยู่ตลอดแต่ไม่กี่วันที่ผ่านมากลับหายตัวไป บรรดาแม่บ้านด้วยกันบอกว่าแกกลับต่างจังหวัดทำให้ไม่เป็นที่พูดคุยเหมือนคุณนพ ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วจะถูกคนใจร้ายจับตัวมาทารุณกรรมแบบนี้
ดวงตากลมโตตวัดมองใบหน้าคมคายที่ยังคงเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก แต่แล้วกลับได้เห็นริมฝีปากหนาหยักได้รูปส่งยิ้มเย็นยะเยือกกลับมาทำเอาเสียวสันหลังวาบ
"มะ หมายความว่ายังไง"
"เธอไม่น่าเป็นคนเข้าใจอะไรยากนะ พวกที่มันแส่ไม่เข้าเรื่องแบบเธอจุดจบมันจะเป็นแบบนี้ไง เธอควรดีใจนะที่คิวของเธอเป็นคนสุดท้าย เธอเลยได้เห็นฉากสำคัญของวันนี้" พายุได้เห็นกล้องวงจรปิดภายในห้องทำงานที่ถูกซ่อนไว้ เห็นทุกการกระทำของแม่บ้านที่แอบดูเอกสารบนโต๊ะเพราะความจุ้นจ้านของตัวเอง รวมถึงภาพของหญิงสาวตัวเล็กที่เข้าไปหยิบของในวันนั้น ถึงแม้เธอจะไม่ได้สนใจของบนโต๊ะนอกจากแฟ้มเอกสารสีขาว แต่เธอก็ดันไปเห็นความลับในซองนั้นเข้าทำให้เขาตั้งใจที่จะปิดปากเธอซะเพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ที่ดูดีของประธานหนุ่มผู้สุขุมอ่อนโยนรั่วไหล
"จัดการให้มันฟื้น" น้ำเสียงเข้มออกคำสั่ง
ซ่า...
น้ำในถังขนาดใหญ่ถูกสาดใส่แม่บ้านวัยกลางคนจนรู้สึกตัวตื่น การกระทำที่ป่าเถื่อนทำเอาฉันหวาดผวา ใบหน้าหวานเลอะไปด้วยคราบน้ำตามองแม่บ้านคนนั้นด้วยความสงสารจับใจ สภาพเธอถูกซ้อมอย่างหนักใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว ร่างสูงที่เคยยืนตรงหน้าฉันก่อนหน้าเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าป้าแม่บ้านราวกับจะดูดเลือดดูเนื้อ
"อึก ฮรือ...ปล่อยป้าไปนะคะคุณพายุ ป้าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง ป้าสัญญา ถ้าป้าตายลูกป้าจะอยู่ยังไง ฮรืออ...เห็นแก่เด็กตาดำๆที่กำลังมีความฝันด้วยนะคะ " ป้าแม่บ้านอ้อนวอนทั้งน้ำตา ปรายตามองพนักงานสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่ไม่ไกลด้วยความแปลกใจ คงเป็นเพราะเธอไปรู้ความลับของเจ้านายหนุ่มเหมือนที่ตัวเองรู้มา
"ไม่ต้องห่วง ลูกของเธอจะได้เรียนจบปริญญาดั่งที่เธอหวัง เธอจะได้มองลูกอยู่ในมุมที่สูงที่สุดเลยไม่ชอบเหรอ"
"ไม่...อย่าทำอะไรป้าเลย ฮรือ" สาววัยกลางคนส่ายหัวเป็นพัลวันเมื่อปืนกระบอกสีดำจ่อเข้าที่หน้าผากในระยะประชิด "ไว้ชีวิตป้าเถอะ ฮรือ..."
"แกมาขอร้องฉันในวันที่สายเกินไป ถ้าคนของฉันไม่ตามติดชีวิตเธอ ป่านนี้คงมีหลายคนที่รู้เรื่องฉัน ปากสว่างแบบเธอน่ะเหรอที่จะเก็บความลับได้มิดชิด มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะเก็บความลับได้" นิ้วแกร่งค่อยๆตั้งท่าจะเหนี่ยวไกลปืนอย่างใจเย็น พร้อมที่จะยิงคนตรงหน้าในนัดเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหนที่รู้ความลับของเขาจุดจบมันมีเพียงแค่ความตายเท่านั้น
ใบหน้าหวานส่ายหน้าเป็นพัลวันเมื่อได้มองการกระทำของคนใจร้าย ยิ่งเห็นสายตาอ้อนวอนของหญิงวัยกลางคนทำเอาหัวใจดวงน้อยตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
"ไม่ต้องห่วง คราวต่อไปมันจะถึงคิวเธอเหมือนกันแก้มใส" พายุพูดทั้งที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่พนักงานทำความสะอาดของบริษัท
"ขอร้อง...อย่าทำอะไรป้าเขาเลย ฉันยอมทำตามสิ่งที่คุณต้องการทุกอย่าง คุณจะฆ่าฉันแทนก็ได้ ขอแค่ไว้ชีวิตป้าไว้ได้ไหม ฮรือ.." ราวกับตัวเองเป็นคนโง่ที่เดินเข้าไปในวงกระสุนและอ้อนวอนให้ฝ่ายที่มีปืนยิงมาที่ตัวเอง แต่ฉันเคยได้ยินป้าแกพูดถึงลูกสาวบ่อยๆ ยิ่งเห็นสีหน้าดีใจตอนลูกสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ผุดขึ้นมาทำให้ฉันทนดูต่อไปไม่ได้
"อย่าาาา...กรี๊ดดดด" เขากลับไม่หยุดตามที่ฉันขอร้อง
ปัง!
เสียงปืนดังลั่นประสานกับเสียงร้องห้ามของหญิงสาวร่างบาง ดวงตากลมโตหลับตาอัตโนมัติเมื่อเห็นเขาเหนี่ยวไกลปืน
ทุกอย่างเงียบลง ไม่มีแม้แต่เสียงร้องทำให้ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมองภาพนั้นผ่านม่านน้ำตา เลือดสีแดงสดไหลหยดลงพื้น แต่ไม่ได้มาจากหน้าผากเหมือนที่ปืนกระบอกนั้นจ่อไว้ในตอนแรก กลับกลายเป็นว่าลูกกระสุนนั้นทะลุเข้าที่หัวไหล่ของหญิงวัยกลางคนแทน และที่เสียงเงียบไปเพราะเจ้าตัวคงช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้สลบไปอีกครั้ง
"เอาตัวมันออกไปขังไว้ในคุกใต้ดิน อย่าให้เห็นเดือนเห็นตะวันจนกว่าจะได้คำสั่งจากกู" พายุสั่งลูกน้องให้นำร่างที่ยังมีลมหายใจของหญิงวัยกลางคนออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะปรายตามองหญิงสาวอีกคนที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ไม่ไกล
"สารเลว" ริมฝีปากบางเปล่งเสียงด่าคนตรงหน้าอย่างเหลืออด
"ฉันก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี มีแต่พวกเธอที่คิดเองเออเองจริงไหม...ในเมื่อเธออยากลัดคิวฉันก็เลยจะจัดให้เธอก่อนแก้มใส" ปลายกระบอกปืนเปลี่ยนทิศมาจ่อที่หญิงสาวร่างบาง คนตัวเล็กกลับยืนนิ่งราวกับรู้ชะตากรรมตัวเอง
“ฉันจัดให้ตามที่เธอร้องขอ”
"หวังว่าคุณจะทำตามในสิ่งที่ฉันร้องขอเหมือนกัน…ถ้ายังมีจิตสำนึกความเป็นคน" ฉันรู้ดีว่าตอนนี้คงหนีความตายไม่พ้น เปลือกตาที่หนักอึ้งปิดลงอย่างช้าๆ ยืนเป็นเป้าให้เขายิงโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงเพราะรูปนั้นรูปเดียว รูปที่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูตั้งแต่แรก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะลอยเข้ามาในหัว
“แก้มรักพ่อกับแม่นะจ๊ะ”