เสน่ห์แรงเกินไปแล้วนะ

1554 Words
ปวริศาลงจากรถมอเตอร์ไซค์ได้ก็วิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดยืนหอบที่หน้าห้องรับรองของโรงแรมชื่อดังตามที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษ มองนาฬิกาเหลือเวลาอีก 10 นาทีจะสี่โมงเย็น ก็ถือว่าเธอมาทันเวลาอยู่นะ แต่ เธอจะหาเขาเจอได้ยังไงนี่สิ รีบร้อนจนไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะให้เอามาให้นอกบริษัท ปวริศาพยายามกวาดสายตามอง แต่ก็ไม่เห็นคนคนนั้น และในทางกลับกันตอนนี้เหมือนสายตาหลายๆ คู่เริ่มให้ความสนใจมองมาที่เธอ ก็งานนี้ดูจะมีแต่ผู้ชายใส่สูท มาดนักธุรกิจเต็มไปหมด ผู้หญิงก็มีบ้างไม่กี่คน ซึ่งทุกคนก็แต่งตัวดูดีกันทั้งนั้น มีแต่เธอเท่านั้นที่หัวฟูกระเซอะกระเซิง คือพอถอดหมวกกันน็อคออกก็ไม่ได้จัดแต่งทรงผมเลย กลัวจะไม่ทัน รีบวิ่งเข้ามาทั้งแบบนั้น “ว้าย” ปวริศาสะดุ้งตกใจเมื่อมีใครมาจับแขนของเธอ พอหันไปมองก็เจอกับคนเจ้าปัญหาที่เธอกำลังมองหาตัวอยู่ เธอรีบยื่นเสื้อให้ แต่เขากลับไม่ยอมรับแล้วก้มมากระซิบข้างหูเธอว่า “ใส่ให้หน่อยสิ” ปวริศาได้ยินก็ทำหน้างง คืออะไร แต่ก็เข้าไปช่วยใส่เสื้อและจัดระเบียบให้เขานะ จัดการเสร็จก็ก้มศีรษะให้เขาเล็กน้อย “เรียบร้อยแล้วค่ะบอส ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ปวริศาหมุนตัวกลับแต่ก็ถูกรั้งที่แขนไว้ “เดี๋ยวก่อนสิ ไหนไหนคุณก็มาแล้ว อยู่กับผมก่อน” “เอ่อ.. ให้ดิฉันอยู่ทำไมหรือคะ” “อยู่ช่วยงานผมก่อน นี่ก็ยังอยู่ในเวลางานอยู่นะ” ปวริศาก้มดูสภาพตัวเอง ที่หัวยุ่งเหยิง เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนยับ กระโปรงสั้นพอดีเข่า รองเท้าคัทชู สภาพดูไม่ได้จริงๆ เมื่อเทียบกับคนที่ยืนข้างๆ ที่หล่อ เนี้ยบ ดูดีไปทุกมุม แต่ก็เหมือนอีกคนจะรู้ความคิดของเธอ “ไม่ต้องกังวล แบบนี้แหละดี ผมชอบ ผมโอเค ไม่ต้องไปแคร์คนอื่น” คำพูดของผู้ชายข้างๆ ทำให้ปวริศาใจเต้นแรง หน้าเห่อร้อนโดยไม่รู้ตัว บ้าไปแล้วปวริศา เอาคำพูดเขามาใส่ใจทำไม แล้วก็พูดเสียงเบาๆ ว่า “ถ้าบอสไม่อายใคร ดิฉันอยู่ก็ได้ค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากแล้วแตะที่แขนของหญิงสาวชวนให้เข้าไปในงาน งานนี้เป็นงานลักษณะไม่ได้เป็นทางการมาก มีซุ้มอาหารเป็นแบบค็อกเทล และพนักงานเดินเสิร์ฟพวกเครื่องดื่ม เป็นการนัดพบปะกันของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ และกลุ่มนักเรียนนอก ซึ่งภาพออกมาเหมือนงานเลี้ยงรุ่นมากกว่า สักพักก็มีชายหนุ่มหน้าตาดี ใส่แว่นกรอบบาง กึ่งเดิน กึ่งวิ่งเข้ามาแล้วสวมกอดกับบอสหนุ่มของปวริศา "ไฮ เจฟฟ์นี่นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยไม่เห็นส่งข่าวกันบ้างเลย” “มาได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว แต่พึ่งเข้าออฟฟิศวันนี้วันแรก” ชายหนุ่มสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ กอดคอ ตบไหล่กัน จนหนุ่มผู้มาใหม่เริ่มรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้ยืนอยู่กันแค่สองคน เขาปรายตามองสาวข้างกายเพื่อนเก่าเขาที่แต่งตัวแสนจะธรรมดา แต่ทำไมถึงมาแรงดึงดูดให้น่าชวนมองอย่างนี้ “เอ่อ.. แล้วนี่ คุณผู้หญิงคนสวยคนน่ารักคนนี้เขามากับนายหรือเปล่า ไม่เห็นแนะนำให้รู้จักบ้างเลย” ชายหนุ่มยื่นมือไปข้างหน้าหญิงสาว หมายจะให้หญิงสาวยื่นมาสัมผัสทักทาย แต่สาวเจ้ากลับยกมือขึ้นไหว้เขาแทน เจฟฟ์เห็นการแสดงออกของหญิงแล้วแบบนี้ก็แอบยิ้มอย่างพอใจ “เขาเป็นผู้ช่วยของฉันเอง” ปวริศามองหน้าชายหนุ่มข้างกาย งุนงงในคำตอบของเขา นี่เธอไปเป็นผู้ช่วยเขาตอนไหนนะ “ผมปณตครับ นี่นามบัตรผม” ปวริศารับนามบัตรแล้วเปิดกระเป๋าหยิบนามบัตรของตนเองให้ มันก็ไม่ผิดใช่ไหมที่จะแลกนามบัตรกัน “สวัสดีค่ะ ดิฉันปวริศาค่ะ” “ชื่อก็เพราะ เสียงก็หวาน ผมชักอยากจะชวนมาทำงานด้วยแล้วสิครับ เจ้าเจฟฟ์ให้เงินเดือนเท่าไหร่ ผมให้เพิ่มอีกเท่าเลยครับ ผมสู้ราคานะ” “ขอบคุณมากค่ะ แต่อย่าเลยค่ะ ดิฉันเกรงว่าความสามารถของดิฉันจะไม่ถึงค่ะ” “ผมเชื่อมือครับ การที่คุณปวริศาได้อยู่ในองค์กรของเจฟฟ์ก็เป็นการรับประกันฝีมือในตัวอยู่แล้วครับ” เจฟฟ์มองปณตเพื่อนของตนที่ตอนนี้อยู่ในฐานะคู่ค้า ส่งสายตาหวานเชื่อมและกำลังขายขนมจีบให้กับคนที่เขากล่าวอ้างว่าเป็นผู้ช่วยของเขา เขาจึงกระแอมไอไปหนึ่งครั้งเพื่อตัดบทสนทนาของคนทั้งคู่ “อะ แฮ่ม.. นี่ปณตเกรงใจกันหน่อย ฉันยังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน นายจะมาดึงตัวคนของฉันดื้อๆ แบบนี้ไม่ได้นะ” “อ้าว ก็แบบนี้มันก็แฟร์ แฟร์ไง จีบ ก็คือ จีบ จีบซึ่งซึ่งหน้าให้รู้กันไปเลย” ทั้งเจฟฟ์และปวริศาหันไปมองหน้าปณตพร้อมกัน “ผมหมายความว่าจะจีบให้มาทำงานด้วยกันนะครับ แล้วก็เสนอค่าตัวสู้ราคาให้รู้กันไปเลย ซึ่งนายจะมาว่าฉันทีหลังไม่ได้ ผมพูดจริงนะครับคุณปวริศา” “คงไม่ได้หรอกปณต คนของฉัน ฉันไม่ปล่อยไปง่ายง่ายหรอก” ปวริศาทำสีหน้าไม่ถูกได้แต่ฝืนยิ้มหน้าเจื่อนมองคนข้างกายที มองคนที่มาใหม่ตรงหน้าที นี่คนสองคนเขาคุยกันเรื่องงานแน่นะ ปวริศาได้แต่นึกในใจ จากนั้นเจฟฟ์ก็เดินไปทักทายไปคุยกับอีกหลายๆ คน ซึ่งมองดูแล้วผู้ชายคนนี้จัดว่าเป็นคนเก่ง ฉลาด สมาร์ทและดูดีมากจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าการเดิน ลีลาน้ำเสียงการพูดคุย ปวริศาเผลอมองเขาแล้วอมยิ้มไปด้วยและเป็นจังหวะที่เจฟฟ์หันมาพอดี ปวริศาหุบยิ้มแทบไม่ทัน สีหน้าเจื่อนลงทันทีแล้วทำหน้าเฉไฉมองไปทางอื่น จนเจฟฟ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูดว่า “แอบมองผมอยู่หรือครับ อย่าบอกนะว่าตกหลุมรักผมเข้าแล้ว” ปวริศาแทบอยากจะถอนคำพูดในความคิดที่เมื่อครู่แอบชื่นชมเขาอยู่ทิ้งไป ตอนแรกเกือบจะคิดว่าเขาคนนี้แค่คนหน้าคล้าย หน้าเหมือนแฟนเก่าของเธอ แต่พอมีประโยคหลงตัวเองแบบนี้ออกมา ยิ่งตอกย้ำว่าต้องใช่อดีตแฟนเด็กของเธอแน่แน่ แต่ทำไมเขาถึงทำเหมือนไม่รู้จักกับเธอ “ว่าไงครับคุณปวริศา ตอนนี้ไปมองที่อื่นก็ไม่ทันแล้ว ตกหลุมรักผมแล้วใช่ไหม” “ก็ดิฉันไม่รู้จักใครนี่คะ รู้จักแต่บอสคนเดียวก็ต้องมองบอสสิคะ จะให้มองใครหล่ะ” ปวริศาเถียงไปแบบข้างๆ คูๆ แล้วรีบกันไปสบตากับบริกรหนุ่มที่ถือถาดเครื่องดื่มมาเธอยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำส้มคั้นมาถือจิบแก้ความเก้อเขิน “ไม่ลองจิบไวน์หน่อยหรือคุณ เมื่อกี้ผมลองแล้วรสชาติดีทีเดียว” “ไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ในเวลางานค่ะ” “งั้นก็ดี เผื่อผมเมาจะได้มีคนช่วยขับรถให้” ปวริศาทำหน้างง ใครจะไปขับรถให้ ฝันไปเถอะ ฉันไม่ใช่คนขับรถนะ แล้วระหว่างที่สองคนกำลังคุยกันก็มีเสียงของใครอีกคนทักทายขึ้นมา “ไฮท์ เจฟฟ์ ทางนี้” เสียงทักทายที่ดังขึ้นทำให้คนสองคนหันหน้าไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน ภาพที่เห็นเป็นชายหนุ่มเจ้าของบาร์หรูที่ปวริศาและเพื่อนๆ ในออฟฟิศชอบชวนกันไปกินไปสังสรรค์ในช่วงสิ้นเดือนที่เงินเดือนออก “อ้าวศรุตไหนนายว่าจะไม่มาไงหล่ะ” “ถ้าไม่มาก็อดเห็นนายควงสาวสวยมาออกงานละซิ อิจฉานายจังพึ่งมาถึงไทยไม่กี่วันก็มีสาวสวยอยู่ข้างกายแล้ว สวัสดีครับคุณ..” “ปวริศาค่ะ” ปวริศายกมือไหว้คนตรงหน้า ทำเอาคนตรงหน้าตกใจ “ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ ผมไม่ได้เจ้ายศเจ้าอย่างที่ไหน แล้วเราก็คุ้นเคยกันอยู่ หวังว่าคุณปวริศาคงจำผมได้นะครับ ผมศรุต ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง” “ค่ะ ยินดีค่ะ” ปวริศาตอบเพียงคำสั้นๆ ออกไป เพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไร บรรยากาศในงานก็ดำเนินไปเรื่อยๆ มีบางจังหวะที่เธอปลีกตัวมาจิ้มของคาวของหวานจากซุ้มอาหารลงท้องบ้าง ก็ตอนนี้ท้องเธอเริ่มส่งเสียงงอแงแล้วสิ “สวัสดีครับ ผมอยากรู้จักคุณจัง ขอคุยด้วยนะครับ” เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง และเหมือนว่าเขากำลังจะพูดคุยกับเธอเสียด้วยสิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD