EP.2
“คิดถึง พี่ขอคุยด้วยหน่อย”
“หนูไม่มีอะไรจะคุยกับคนแบบพี่แทนค่ะ” เธอพูดขึ้นโดยที่ไม่หันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
สองวันแล้วที่เธอไม่มองหน้าไม่คุยด้วย เธอกลับบ้านไปก็อยู่แค่ในห้อง ถึงแม้เขาจะพยายามขอโทษแต่ผู้เป็นน้องก็ไม่ยอมรับฟัง
“คิดถึง แกคุยกับพี่แกหน่อยเถอะ คนมองใหญ่แล้ว เหมือนผัวมาง้อเมียหลวงเลย ยิ่งชื่อแกมันแบบนี้อยู่ด้วย” ปรางเพื่อนสนิทของเธอเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนทั้งโรงอาหารเริ่มหันมามอง
แทนคุณไม่ได้เรียนอยู่คณะนี้ เขาแค่มาเพื่อง้อน้องสาวแท้ๆ ของตัวเองเท่านั้น นี่คงเป็นความผิดใหญ่หลวงที่เขาทำกับน้องสาวและครอบครัวตัวเอง
“แกบอกให้เขากลับไปเถอะปราง ฉันยังไม่อยากคุยด้วย” คิดถึงเอ่ย แล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ
“เห้อ” ปรางถอนหายใจออกมาพรึดใหญ่ ทั้งๆ ที่พี่ชายของเพื่อนยืนอยู่ข้างโต๊ะแต่ตัวเองต้องกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารของทั้งคู่ “พี่แทนคะ ยัยคิดถึงบอกให้กลับไปก่อน”
“พี่ขอโทษ พี่จะชดใช้เรื่องทั้งหมดเอง” แทนคุณถอนหายใจออกมา ก่อนพูดขึ้นและเดินออกไป
“แกจะโกรธไปถึงไหนเนี่ย พี่แกก็สำนึกผิดแล้วนะ หลังจากนี้ก็ให้เขารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำเถอะ” ปรางพูดไปเคี้ยวไปอย่างใส่อารมณ์
“ก็ฉัน…”
“เห้อ ช่างเถอะ” ปรางถอนหายใจแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ
“พวกนั้นดูอะไรกันเหรอ” คิดถึงมองตามไปยังประตูใหญ่ของโรงอาหาร เมื่อพวกผู้หญิงและผู้ชายบางคนหันไปทางนั้นด้วย
“ไหน” ปรางหันไปมองด้วยอีกคน “อ้อ พี่แผ่นดินมา หนุ่มฮอตคนหนึ่งของมหาลัย วันนี้คิดยังไงมากินข้าวที่นี่นะปกติแทบจะไม่มีใครได้เจอด้วยซ้ำ”
“แผ่นดิน?” ชื่อเท่ดีนะ แต่เธอก็ไม่รู้จักอยู่ดี
“ทำไมทำหน้าแบบนั่น แกไม่รู้จักเหรอ”
“ไม่” คิดถึงส่ายหน้าแล้วหันกลับมากินข้าวต่อ “จำเป็นต้องรู้จักทุกคนด้วยเหรอ”
“โอ๊ยยัยนี่ แกไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคนหรอก แต่แกควรรู้จักเขาคนนี้ไว้เพราะคนแบบแกจะได้ระวังตัว แต่ถ้าพลาดท่าไปรู้จักเมื่อไหร่ ให้รีบหนีไปทันทีเพราะแกไม่เหมาะที่จะเข้าไปในชีวิตเขาแน่ๆ” คำพูดของปรางทำให้เธองุนงง จนต้องหันไปมองผู้ชายคนนั้นอีกรอบ ซึ่งตอนนี้เขากำลังเดินเข้ามาทางนี้พอดีพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่เธอรู้สึกคุ้นตา
เธอมองหน้าเขาครู่หนึ่ง ยอมรับว่าเขาหน้าตาดีมากๆ แต่กลับดูเหมือนไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
“…” เขาตวัดสายตามามองเธอเพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะแสดงสีหน้าเย็นชาและเดินผ่านไป
“ขะ…เขามองแกด้วย” ปรางพูดขึ้นเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นมันน่าตกใจนัก
“นั่นเรียกมองเหรอ ทำไมแกต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย” คิดถึงถามเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ
“แกไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”
“ไม่นี่”
“ฟู่วว โอเค ดีแล้วที่แกเป็นคนแบบนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องห่วง ยิ่งหน้าตาเหมาะกับการโดนรังแกอยู่” ปรางพูดออกมาเหมือนโล่งอก
“ถ้าจะรู้สึกคงไม่ชอบมากกว่า เขาดูเหมือนคนไม่ดี” เธอพูดออกมาแล้วทานข้าวต่ออย่างไม่สนใจ
“เธอเรียนคณะนี้เหรอ” เสียงเข้มของใครคนหนึ่งดังขึ้น เขายิ้มออกมาแล้วเอามือล้วงกระเป๋ามองเธออยู่
“พี่…” ผู้ชายที่เธอเจอโรงพยาบาล คนที่ให้พี่ชายของเธอยืมเงินนี่ จะเรียกว่าผู้มีพระคุณก็คงจะไม่ผิด “ผู้มีพระคุณของฉัน สวัสดีค่ะ”
“ห๊ะ!” เขาทำท่าตกใจ เมื่อเธอลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้เขาจนทำตัวไม่ถูกแถมยังเรียกเขาว่าอะไรนะ!
‘ผู้มีพระคุณ’ เหรอ
“คะ พี่ตกใจอะไร”
“เอ่อ เปล่า เธอเรียนคณะนี้สินะ” เขาพูดแล้วมองลงไปที่เครื่องหมายบนปกเสื้อนักศึกษาของเธอ
“ค่ะ”
“มึงมัวทำอะไรไอ้ไวท์” เสียงของอีกคนดังขึ้นและเขาคนนั้นก็เดินเข้ามา ก่อนจะมองเด็กปีหนึ่งหน้าตาน่ารักดวงตาของเธอกลมโตและขนตายาวเป็นแพรราวกับตุ๊กตามีชีวิตที่ยืนคุยกับเพื่อนตัวเอง “โอ้ คนนี้เหรอ”
“เออ”
“เหมือนจริง”
“กูบอกแล้ว”
“พวกพี่สองคนพูดอะไรกันอยู่คะ หนูงงไปหมดแล้ว” คิดถึงขมวดคิ้วยุ่งด้วยความงุนงงกับท่าทีของรุ่นพี่สองคนที่เรียนอยู่ต่างคณะ
“เออ พวกพี่มีอะไรกับเพื่อนหนูหรือเปล่า” ปรางเริ่มรู้สึกกลัวว่าเพื่อนสนิทของตัวเองจะไม่ปลอดภัยขึ้นมา
“พวกมึงมัวทำอะไรวะ”
น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนสองคนกำลังทำเรื่องไร้สาระอยู่ ก็แค่รุ่นน้องปีหนึ่งทำไมต้องไปใส่ใจขนาดนั้น
เขาคิดในใจอย่างรำคาญแล้วหันมามองเพื่อนที่ยืนอยู่โต๊ะเยื้องๆ กัน
“…” คิดถึงหันไปมองต้นเสียงอย่างไม่ชอบใจนัก ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ค่อยชอบบุคลิคของเขาเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปพูดกับไวท์ “พี่ชื่อพี่ไวท์เหรอคะ หนูขอบคุณพี่อีกครั้งนะคะ หนูกับพี่ชายจะรีบหาเงินมาใช้พี่ค่ะ”
“ตายๆ แบบนี้กูทำไม่ลงจริงๆ ว่ะไอ้ไวท์” อัคคีกล่าวก่อนจะเดินหันหลังมานั่งโต๊ะของตัวเองที่มีแผ่นดินนั่งเงียบอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ เงินนั่นหนูต้องหามาคืนได้แน่ แต่อาจจะช้าหน่อย…” เธอฉีกยิ้มเศร้าๆ แล้วมองไวท์เหมือนเขาคือคนให้ข้าวให้น้ำ
“คิดถึง มีอะไรหรือเปล่า” เสียงทุ้มต่ำของผู้ชายอีกคนดังขึ้นจากด้านหลังของไวท์ทำให้ทุกคนต้องหันไปมอง รวมถึงคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ
“อ๊ะ พี่คิง…ไม่มีอะไรค่ะ” คิดถึงส่งยิ้มหวานให้คนที่มาใหม่ก่อนจะตอบไป
“อ่อ”
“เธอชื่อคิดถึงสินะ” ไวท์พูดขึ้นเสียงเรียบก่อนจะเหยียดยิ้มออกมาและมองไปทางผู้ชายที่มาใหม่
“ค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะก้มศีรษะให้เขาแล้วเอ่ยลา “ขอตัวก่อนนะคะ”
“…”
“สรุปเด็กไอ้คิง” อัคคีถามขึ้นเมื่อไวท์เดินมานั่งข้างๆ
“กูว่าไม่ใช่” ไวท์ตอบแล้วมองตามออกไป
“สรุปมึงชอบเด็กนั่น”
“ไม่ว่ะ กูทำไม่ลง”
“กูเห็นด้วย แม่งคนหรือตุ๊กตาวะ”
“ไม่ชอบแล้วมึงไปยุ่งทำไม” คนที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นอย่างรำคาญ
“เพราะเด็กนั่นแปลกดี กูเห็นแต่คนที่เจอมึงแล้วมีแต่หวั่นไหว แต่เด็กนั่นบอกไม่รู้สึกอะไร เขาบอกมึงดูนิสัยไม่ดี ดูเป็นคนเลว ฮ่าๆ” ไวท์หัวเราะชอบใจเมื่อคิดถึงประโยคที่เขาได้ยินเธอพูดก่อนหน้านี้
“ฮ่าๆ เออน่าสนใจตรงนี้” อัคคีสนับสนุนคำพูดของไวท์แล้วพากันหัวเราะออกมา
“ไม่หิวข้าวแล้วสินะ สงสัยหิวตีน” คนโดนหัวเราะเยาะพูดขึ้นแล้วกอดอกมองเพื่อนตัวเอง ก่อนจะปรายตามองผู้หญิงที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง
“ขอโทษคร้าบพี่ดิน”
“ตั้งใจเรียนนะ ไอ้ดื้อ” คิงพูดขึ้นแล้ววางมือลงบนศีรษะทุยเล็ก
“ตั้งใจเรียนค่ะพี่คิง” เธอยิ้มหวานให้เขา พี่รหัสที่คอยดูแลเธอมาตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรั้วมหา’ ลัย บางครั้งก็คิดว่าเขาดูแลเธอดีกว่าพี่ชายแท้ซะอีก
“ปรางยืนอยู่ตรงนี้น้า” ปรางโบกมือแซวเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นกำลังมองตากันจนลืมว่ามีเธออยู่
“อ้าว พี่นึกว่าไม่มีใครอยู่” คิงพูดแกล้งรุ่นน้องออกไปก่อนจะผละมือออกจากอีกคน
“พี่คิงคะ อย่างน้อยก็เห็นปรางเป็นแมลงวันก็ได้ค่ะ ดีกว่าไม่เห็นเลย” เธอพูดกระแนะกระแหน แต่ก็ยังยิ้มออกมา
“ฮ่าๆ โอเค พี่จะคิดว่าน้องปรางเป็นแมลงวันแล้วกัน”
“ปรางไม่คุยกับพี่คิงแล้วไปละ” เธอทำหน้ามุ่ยแล้วเดินหนีเข้าห้องเรียนไป
“งั้นคิดถึงไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
เธอยิ้มแล้วโบกมือให้เขาก่อนจะเดินเข้าห้องเรียนแล้วนั่งลงข้างเพื่อนสนิท
“แบบนี้สินะที่รู้สึกด้วย” ปรางเอ่ยแซวพร้อมกับทำสายตาจับผิด
“รู้สึกอะไรเหรอ ไม่นี่นา” คิดถึงหันไปถามเพื่อนตัวเองด้วยท่าทางไร้เดียงสา
“ไม่รู้สึกทำไมต้องหน้าแดง”
“…” เธอยกมือขึ้นมาแตะแก้มตัวเองสองข้าง แล้วหันไปหาเพื่อน “มันแดงเหรอ เธอเห็นชัดขนาดนั้นพี่เขาจะเห็นมั้ย”
“ไม่เห็นหรอก ถ้าพี่เขาตาบอดนะ”