“ที่นี่เหรอคะ”
“อืม เข้าไปเถอะ”
คิดถึงยืนมองตึกสูงราวสามสิบชั้นด้วยความสงสัย เธอเคยได้ยินชื่อผ่านหูว่าที่นี่คือโรงแรมชื่อดังติดอันดับต้นๆของประเทศ แต่เธอเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก
“พี่พาหนูมาโรงแรมทำไม” เธอไม่ได้เดินตามเขาอย่างที่เขาบอกแต่กลับกระชับกระเป๋ากอดไว้แน่นเหมือนเคยและมองแผ่นหลังของไวท์
“ฉันไม่พาเธอมาข่มขืนหรอก เข้ามาเถอะ”
“…ค่ะ”
เธอยอมเดินตามเขาเข้าไป จากที่ตอนแรกมั่นใจว่าเขาเป็นคนดีแน่ๆตอนนี้ความมั่นใจเริ่มลดลงเล็กน้อย
เขาพาเธอขึ้นลิฟท์มายังชั้นแปดและพาเดินออกมา ทางเดินค่อนข้างมืดสลัว ถูกประดับประดาด้วยไฟหลากสี และเห็นแสงไฟวิวับด้านหน้าเหมือนมีเครื่องเล่นเด็กอยู่ด้านในห้องโถงนั้น
แกร๊ก!
“เข้าไปสิ” ไวท์บอกให้คนตัวเล็กแล้วเปิดประตูกว้างให้เธอเข้าไป
“…” ทันทีที่เธอเดินเข้าไปในห้อง สายตาของเธอก็ประทะเข้ากับสายตาดุดันของใครอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เขามองเธอด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาและหันไปหาเพื่อนตัวเองเพื่อตั้งคำถาม
“ฮ่าๆ” อัคคีที่เล่นมือถืออยู่รีบวางมันลงแล้วหันไปสนใจคนที่มาใหม่
“สวัสดีคะรุ่นพี่” เธอรีบยกมือไหว้พวกเขาด้วยความกลัว ก่อนจะถอยหนีไปอยู่ด้านหลังไวท์
“กูจะให้เด็กคนนี้มาทำงานแทนนางฟ้าคนนั้นที่ลาออก”
“เหอะ” แผ่นดินหัวเราะออกมา ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของเด็กปีหนึ่งคนนั้น
“มึงก็ช่วยเด็กมันหน่อยเถอะไอ้ดิน น้องเขากำลังลำบาก จะได้หาเงินมาคืนไอ้ไวท์ไง” อัคคีช่วยพูดใบหน้ายิ้มกริ่มเหมือนตัวเองเป็นเทพบุตร
“กูจำเป็นต้องสงสารใครด้วยเหรอ” เขาพูดออกมาอย่างไม่แยแส “เท่าที่รู้จักกันมาพวกมึงก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น”
“วันก่อนกูไปวัดมา พระท่านทักว่าให้ทำบุญกับเด็ก” อัคคีพูดขึ้นแล้วหันไปยิ้มกับไวท์
“…”
“พี่ไวท์คะ ถ้าพี่เขาไม่อยากช่วยหนู ไปทำงานอื่นก็ได้ค่ะ” เธอเขย่าแขนเขาแล้วพูดเบาๆ เพราะตอนนี้เธอเองก็เริ่มรู้สึกว่างานนี้มันน่ากลัว
“ได้มั้ยวะไอ้ดิน ลองให้เด็กมันทำดูก่อน”
“…” เขาไม่พูดอะไรแล้วปรายตามองคนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลัง ท่าทางหวาดกลัวแบบนั้นเหรอจะมาทำงานแบบนี้
“คิดถึง”
“…” ทุกคนต่างพากันมองหน้าไวท์เมื่อเขาเรียกชื่อเธอออกมา
“ชื่ออะไรนะ” อัคคีเลิกคิ้วถาม
“คิดถึง ออกมายืนข้างหน้า”
“แม่ง แค่ชื่อกูก็ใจอ่อนแล้วไอ้ดิน มึงไม่เอ็นดูน้องเขาเหรอ” อัคคีพูดแล้วกลั้นขำออกมา
“…” เธอก้าวออกมายืนด้านหน้าอย่างที่ไวท์สั่ง ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองสายตาคมกริบที่กำลังจ้องอยู่ รวบรวมความกล้าแล้วยิ้มให้เขาจนอีกคนต้องรีบเบือนหน้าหนี
“คิดยังไงเอาเด็กนี่มา”
“กูคิดว่ามึงน่าจะชอบ”
“กูไม่ชอบเด็กไร้เดียงสา” เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “มึงก็รู้ว่าทำงานนี้แล้วจะเจออะไรบ้าง”
“หนูทำได้ค่ะ หนักแค่ไหนหนูก็ทำได้แน่ๆ” เธอพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ ในเมื่อไวท์พยายามช่วยเธอแล้วทำไมเธอถึงจะไม่พยายามล่ะ
“หึ”
“งั้นตกลงรับไปก่อนเถอะ ลองให้ทำก่อน” อัคคีช่วยเสริม
“…” แผ่นดินลุกขึ้นแล้วหันไปบอกเธอเสียงเรียบ “ตามมา”
“ค่ะ” คิดถึงหันไปหาไวท์แล้วเขาก็พยักหน้าให้เธอก้มหัวให้เขาเป็นการขอบคุณก่อนจะวิ่งตามคนร่างสูงออกไป
“เอาชุดดีเลอร์มาให้ฉันที่ห้อง” เขาสั่งกับชายชุดดำที่เดินเข้ามาและก้มหัวให้
คิดถึงมองตามเขาไป เขาตอนนี้ไม่เหมือนรุ่นพี่ปีสามเลยซักนิด เขาดูมีอำนาจและน่าเกรงขามจนเธอรู้สึกกลัว
“คุณแผ่นดินจะให้คนไปสอนเธอมั้ยครับ” ชายชุดดำคนนั้นถามขึ้น
“…” เขาปรายตามองคนตัวเล็กที่ยืนเงียบอยู่ แล้วตอบออกไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ฉันจะเป็นคนสอนเอง”
“ครับ”
“นั่งลง”
เขาสั่งแล้วถือกล่องไพ่มาวางไว้บนโต๊ะโค้งที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้แตกต่างกันไป
“การพนันเหรอคะ” เธอขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเห็นไพ่เขาถืออยู่
“ทำไม” เขานั่งลงแล้วกอดอกมองคนตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจนัก ทำไมต้องทำตัวไร้เดียงสาขนาดนั้น
“เปล่าค่ะ”
เธอแค่รู้สึกไม่ดีที่งานมันเกี่ยวกับการพนัน ในเมื่อเงินที่พี่ชายเอาไปทิ้งมันเพราะการพนันเธอจึงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมันเท่านั้น
“สรุปจะทำหรือไม่ทำอย่ามาทำให้ฉันเสียเวลา” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่พอใจนักและมองเธออย่างกับหาเรื่อง
“ทำค่ะ”
“…” แผ่นดินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็คงไม่มีทางเลือกในเมื่อตอนนี้ยังไม่มีคนมาทำงานตำแหน่งนี้ “ดูฉันทำและจำไว้ ฉันไม่ชอบทำซ้ำ”
พูดจบเขาก็สอนวิธีสับไพ่ที่ค่อนข้างจะหลายขั้นตอนให้เธอ ใช้เวลากว่าสิบนาทีกว่าจะเสร็จ ถึงเขาจะชำนาญเรื่องพวกนี้แต่อีกคนที่นั่งตรงข้ามคงแทบจะไม่เคยจับมันด้วยซ้ำ จึงต้องทำช้าๆให้เธอดู
“พี่ดูเท่มากเลยค่ะ” เธอพูดแล้วปรบมือเมื่อเขาทำเสร็จและเก็บไพ่เข้าไปในกล่องใส
“…” เขามองเธออย่างเย็นชาก่อนจะดันตลับไพ่มาตรงหน้าเธอ “ทำให้ให้ฉันดู”
“เอ่อ”
“ฉันไม่ชอบทำอะไรซ้ำสองนะ”
“ค่ะ” คิดถึงรับมันมาแล้วทำแบบที่เขาทำก่อนหน้า ถึงเธอจะเพิ่งเคยทำครั้งแรกแต่เธอจดจำมันไว้หมดแล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง
“มือเธอเล็กไป” เขาพูดแล้วลุกขึ้นมายืนด้านหลังก่อนจะจับมือสอนถือไพ่ “ต้องจับแบบนี้เพราะมือเธอเล็กกว่าฉัน”
“ค่ะ” เธอตอบออกไปด้วยความมุ่งมั่นแล้วทำต่อจนเสร็จ โดยที่อีกคนยืนมองอยู่ข้างหลัง
“ต่อไป กติกาของเกมนี้” เขายังคงยืนอยู่ด้านหลังและสอนเธอต่อ “แจกไพ่ออกมาฝั่งละสองใบ ฝั่งนี้คือผู้เล่น อีกฝั่งคือเจ้ามือ เรียกง่ายๆว่าเพล์เยอร์กับแบงค์เกอร์”
แผ่นดินอธิบายเกมไพ่ที่เธอต้องรับผิดชอบในวันนี้ให้ฟังอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เด็กใหม่อย่างเธอทำพลาด เพราะนั่นอาจจะทำให้ธุรกิจของเขามีปัญหา
“…” เธอพยักหน้ารับฟังและดูเขาอธิบาย
“ไพ่รอสองใบมาไว้ตรงนี้ จากนั้นให้เธอเปิดไพ่ เอามือมา” เขาจับมือของเธอไว้แล้วสอนเปิดไพ่ฝั่งละหนึ่งใบก่อน จากนั้นก็เปิดอีกใบ “ฝั่งไหนแต้มเยอะกว่า”
“น้ำเงินค่ะ เพลย์เยอร์” เธอตอบอย่างมั่นใจ
“อืม แบบนี้คือเจ็ดแต้ม ฝั่งนี้ไม่ต้องจั่วเพิ่มเพราะแต้มสูงเกินหก ดูอีกฝั่งแต้มสามเธอต้องจั่วเพิ่ม” คิดถึงพยักหน้าแล้วดึงไพ่ใบแรกที่รอไว้มาวางแล้วเปิดมัน
“รวมแปดแต้มใช่มั้ยคะ”
“อืม”
“แบงค์เกอร์ชนะค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วผายมือให้ฝั่งเจ้ามือก่อนจะหันไปยิ้มให้เขา
“…”
แล้วเขาก็สอนกติการอื่นๆต่อ ให้เธอลองเล่นหลายๆตา นานเกือบสองชั่วโมง คิดถึงเรียนรู้มันได้เร็วพอสมควร จากที่ตอนแรกเขาคิดว่าเธอจะไม่เข้าใจมันแน่ๆ
“หมดแล้วใช่มั้ยคะ”
“อืม”
“แล้วหนูต้องทำอะไรอีกมั้ย” เธอพูดแล้วลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ากระตือรือร้น
“ถอดชุด”