ตอนที่ 1 ต้องตาต้องใจ
จังหวัดเล็กๆ หนึ่งในสามสมุทร มีพื้นแผ่นดินสำหรับเป็นที่อยู่อาศัยไม่มาก ทำให้ชุมนุมชนแออัดแห่งนี้เต็มไปด้วยบ้านพักอาศัย ปลูกเบียดเสียดกันจนแทบจะเดินสวนกันไม่ได้ ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็มีทั้งคนที่ทำงานกลางคืน และลูกเรือในเรือหาปลาขนาดใหญ่ที่มีอยู่หลายสิบลำ ซึ่งอยู่ในความดูแลของบริษัทเดินเรือจ้าวสมุทรของอดีตไต้ก๋งพิศาล ไต้ก๋งชื่อดังและมีอิทธิพลที่สุดในเขตสามสมุทร แต่ด้วยวัยที่สูงขึ้นทำให้ไต้ก๋งพิศาลวัยหกสิบยกธุรกิจให้กับบุตรชายคนเดียวดูแลนั่นก็คือไต้ภีมะ หนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าที่รักท้องทะเลเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนตัวเองก็ถือโอกาสพักผ่อนหาความสุขกับภรรยาวสาววัยคราวลูกแทน
ธุรกิจครอบครัวที่อยู่ภายใต้การบริหารของไต้ภีมะ ได้ทำธุรกิจครบวงจรตั้งแต่เรือหาปลา ทำฟาร์มเลี้ยงปลาหายาก โรงงานแปรรูป และรับซื้อสินค้าจากชาวบ้านในราคายุติธรรม ทำให้ชาวบ้านทั้งรักและเทิดทูนไต้ภีมะพอๆ กับไต้ก๋งคนพ่อ ทุกครั้งที่เรือเทียบท่าไต้ภีมะก็มักจะพาลูกเรือไปหาความสำราญที่ร้านอาหาร ที่มีบรรดาสาวนุ่งน้อยห่มน้อยให้บริการมากหน้าหลายตา
และวันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นเคย ไต้หนุ่มได้สั่งเหมาบาร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองให้ลูกน้องมาหาความสำราญหลังจากอยู่ในทะเลมาเกือบเดือน เมื่อเรือเทียบท่าร่างบึกบึนที่มีใบหน้ารกไปด้วยหนวดเครากว่าครึ่งหน้า ก็มาที่บาร์กับเพื่อนสนิทอย่างไต้กฤชและลูกน้องคนสนิทอีกสองคน
“ไต้มาแล้วพวกเรา” ลูกน้องคนหนึ่งร้องตะโกนดังก้องห้องโถงใหญ่ของผับ ส่วนคนอื่นๆ ก็พลอยส่งเสียงร้องเรียกพร้อมยกแก้วขึ้นอย่างยินดี
“เฮ! พวกเรานำไปก่อนแล้วนะไต้”
“ตามสบายโว้ย! วันนี้เต็มที่ไปเลย” ภีมะตะโกนรับและชูมือขึ้น เสียงเฮพลันดังลั่นขึ้นอย่างถูกใจ เจ้พลอยเจ้าของผับเดินนวยนาดมาต้อนรับคนสำคัญของเมืองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะไต้ภีม ไต้กฤช” เจ้พลอยทักทายอย่างมีจริต ก่อนจะหันไปพยักเพยิกให้สาวสี่นางไปรับใช้สองไต้ชื่อดังอย่างรู้งาน
“ดูแลไต้ให้ดีนะเด็กๆ อย่าขัดใจเด็ดขาด” เจ้พลอยกำชับเด็กสาวในความดูแล ก่อนจะขยับไปยืนด้านข้างเพื่อให้สาวงามอีกนางนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ เจ้พลอยเห็นคนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็ถึงกับพูดไม่ออก และเมื่อเห็นสายตาของไต้หนุ่มอย่างภีมะจ้องร่างระหงตาเป็นมัน เจ้พลอยก็รีบขยับไปชิดและบังร่างเด็กเสริฟคนนั้นทันที
“วางไว้แล้วรีบเข้าไปข้างในนะนังนิ่ม” เจ้พลอยกัดฟันพูดเบาๆ ให้พอได้ยินกันสองคน นิรกาญหรือนิ่มก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะวางขวดเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะเล็กๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของภีมะจ้องมองใบหน้าหมดจดของหญิงสาวอย่างถูกใจ
นิรกาญรู้ตัวว่าตนถูกมองก็เหลือบตาขึ้นไปสบสายตากับอีกฝ่าย ก่อนจะส่งยิ้มให้เขาตามมารยาท ทำเอาภีมะเผลอจ้องมองริมฝีปากจิ้มลิ้มที่ไร้สีลิปสติกอย่างลืมตัว เจ้พลอยเห็นดังนั้นก็รีบดึงแขนหญิงสาวไว้แล้วให้มายืนข้างหลังเธอแทน
“เสร็จแล้วก็รีบไปสิ” เจ้พลอยดุนหลังหญิงสาวให้กลับไป นิรกาญพยักหน้ารับแล้วเดินจากไปตามคำสั่ง ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวเดิน เสียงเข้มห้วนๆ ของภีมะกลับเรียกเธอเอาไว้
“เดี๋ยว...” ภีมะมองเลยไปที่ร่างกลมกลึง เจ้พลอยเหมือนจะรู้ความนัยจึงรีบขยับตัวไปบังหญิงสาวไว้ทันที
“ให้เธอมาบริการฉัน!” เสียงสั่งประกาศิตหาความไพเราะไม่มีทำเอาเจ้พลอยใจเสีย
“อย่าดีกว่านะคะไต้ภีม นังนิ่มมันกระโดกกระเดก เดี๋ยวจะทำให้ไต้รำคาญเปล่าๆ ค่ะ ถ้าไม่ชอบใจเด็กๆ เดี๋ยวเจ้พลอยเอามาให้เลือกใหม่นะคะไต้ขา สวยๆ ทั้งนั้นเลย”
เจ้พลอยปรบมือสามครั้ง สาวงามประจำร้านก็เดินเรียงแถวมายืนโพสต์ท่า ทิ้งสายตายั่วยวนไปให้ ส่วนนิรกาญรีบเดินสวนกลับเข้าไปข้างใน ไต้หนุ่มถึงกับถอนหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด ขยับจะลุกตามหญิงสาวที่หมายตาไว้
ไต้กฤชเห็นเจ้พลอยออกอาการหวงเด็กก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“เอาน่าไอ้ภีม ที่มานี่ก็สวยๆ ทั้งนั้นนี่น่า” ไต้กฤชเห็นเพื่อนจอมเอาแต่ใจจะลุกตามเหยื่อไปก็รีบห้ามไว้ เพราะกลัวจะเกิดเรื่อง
“นั่นสิคะไต้ภีมขา เดี๋ยวเจ้พลอยจะกำชับเด็กๆ บริการให้ถึงใจเลยนะคะ”
ภีมะกระแทกก้นลงนั่งอย่างไม่พอใจ ทว่าสายตากลับมองไปที่ประตูหลังเคาน์เตอร์ที่หญิงสาวหายเข้าไป คนสนิทของภีมะมองหน้ากันก่อนจะรีบลุกออกจากโต๊ะไปเงียบๆ
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน เสียงร้องเพลงและเสียงเฮลั่นยามถูกใจดังไปทั่วห้อง ภีมะและกฤชเองก็เริ่มมีดีกรีแอลกอฮอล์แรงขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนสาวๆ ที่นั่งขนาบข้างก็คอยป้อนอาหารรินเครื่องดื่มให้อย่างเอาอกเอาใจ
“คืนนี้จะเข้าบ้านใหญ่หรือเปล่าวะภีม” กฤชถามเพื่อนขณะลูบไล้แขนสาวงามข้างกายช้าๆ ภีมะแสยะยิ้มเมื่อคิดถึงบ้านที่เพื่อนหนุ่มเอ่ยถาม บ้านที่มีแม่เลี้ยงเป็นสาวสวยและคอยให้ท่าลูกเลี้ยงอย่างเขาอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ดีกว่าว่ะ กลับไปเดี๋ยวจะอดใจปล้ำแม่เลี้ยงไม่ได้ พรุ่งนี้เช้าโน้นแหล่ะ”
“งั้นไปต่อบ้านกูก็แล้วกัน” กฤชชวนพลางยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน ภีมะเทเครื่องดื่มลงคอเสร็จก็วางแก้วไว้บนโต๊ะ
“ไม่ล่ะ เกรงใจคุณสร้อยเมียมึง กูไปพักคอนโดสะดวกกว่า”
“ตามใจ…” ไต้กฤชได้แต่ส่ายหน้ากับความท่ามากของเพื่อน “พ่อแกอยากพบแกมากนะภีม ยังไงก็อย่าลืมไปหาท่านด้วยล่ะ อย่าทิฐิให้มันมากนัก” กฤชกำชับเพื่อนเพราะรู้สาเหตุที่เพื่อนรักไม่ชอบกลับบ้าน