@ อีกด้านนึง
ตรงพื้นที่พักผ่อนของพนักงานโซนหลังตึก เป็นห้องกระจกใสแยกหลายมุมส่วนตัว เพราะมีการผลัดเปลี่ยนเวรอยู่ตลอด หรือบางคนอาจนอนค้างที่นี่แทนบ้านเลย สิ่งของเครื่องใช้ครบครัน การันตีการดูแลจากบริษัทว่ารายได้ต้องมั่งคั่งขนาดไหน
"ทีหลังอย่าไปเพ่นพล่านหน้าห้องนายอีกนะ" ณัฐวุฒิเอ่ยเตือนเด็กสาวทันที หลังเคลียร์งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น เผอิญเห็นเธอยังเล่นกับลูกสุนัขน่าจะหลงทางมาแถวนี้ ถือวิสาสะทิ้งกายลงบนโซฟาอีกฝั่งนึงเพื่อพักเหนื่อย
"เจ้าอ้วนนะสิ คาบรองเท้าเค้กไป" จริงๆเธอไม่รู้สึกโมโหเลยต่างหาก ยังยกมันหยอกล้อแกว่งไปมา เหยียดขาข้างที่รองเท้าถูกคาบไป โชว์รอยขาดยิ่งหนักกว่าเดิม กะว่าจะได้เปลี่ยนตอนขึ้นมหาลัย
"แล้วเรารู้เรื่องพ่อเราหรือยัง" น้ำเสียงสุขุมเอ่ยเบา ละล่ำละลักหากพูดถึงรุ่นพี่ เขาย่อมรู้สึกเป็นห่วงเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
"เรื่องอะไรคะ?" ใบหน้าใสเอียงถามงุนงง มีเรื่องอะไรของบิดาอีกที่เธอไม่รู้ ทั้งที่ปกติแล้วพิษณุจะเล่าทุกอย่าง เพราะมีเหตุผลว่าเธอคือลูกเดียว ต้องรับรู้ความเป็นไปของพ่อทุกย่างก้าว
"เห็นพ่อเธอเป็นลมหน่ะ ไม่รู้ไปหาหรือยังบอกแค่ว่าจะรีบไปลูกที่โรงเรียนอย่างเดียว" ณัฐวุฒิหันมองซ้ายขวา รุ่นพี่ยังดึงดันปล่อยผ่าน เขาจำเป็นต้องบอกเรื่องอาการเจ็บป่วยให้ทายาทรับรู้ ดีกว่ามารักษาตอนร่างกายทรุดหนัก
"ไม่จริงอะพี่ณัฐ พ่อไม่เห็นบอกอะไรเลยก็ดูปกตินี่" สองมือเรียวบางสั่นเทา จับลูกสุนัขแน่นโอบมันราวเป็นที่พึ่ง เหตุการณ์ครั้งตอนมารดาเสียยังตราตรึง หากเกิดเรื่องราวซ้ำอีก ชีวิตต่อจากนี้เธอจะอยู่อย่างไร
~หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้น หรือบิดาทุ่มเทเวลาทั้งหมดมัวแต่หาเงิน เพื่อนำมาให้เธอใช้จ่าย อยู่กินสบายเท่าที่พ่อคนนึงทำได้~
"ไม่สังเกตุหรอทำไมช่วงนี้เขาทำงานหนัก ไม่มีวันลาวันหยุด" คนบอกพยามไขความจริงกระจ่างแจ้ง พอเห็นมีเพื่อนร่วมงานวิ่งมาหน้าตาตื่น เขาเลยหยุดคำพูดก่อน
"เค้ก!นายสั่งให้ไปชงกาแฟไปเสิร์ฟตอนนี้" ลูกน้องเพิ่งรับสายเจ้านาย รีบวิ่งหาตามคำสั่ง
"ชงตอนนี้!!แล้วคุณชายจะได้นอนหรอ" น้ำเสียงหวานตามความใสซื่อ ยื่นเจ้าลูกสุนัขส่งให้ณัฐวุฒิดูแลแทน แม้ยังอยากเล่นอยู่ก็ตาม
ก็อก! ก็อก!
ณ ห้องทำงานรองประธาน เมื่อเสียงเคาะประตูเรียกดังขึ้น เจ้าของตำแหน่งที่นั่งเบื่อหน่ายกองเอกสาร กลับดูกระตือรือร้นทันที
"เชิญ!" น้ำเสียงเข้มบอก
"ขออนุญาตค่ะ" ใบหน้าใสสะท้อนแสงเงาไฟ ขยับเรียวปากสีชมพูบอกเบาๆ ทันใดนั้นเองเด็กสาวในชุดนักเรียน ค่อยๆถือถาดถ้วยกาแฟแถมของว่างเล็กน้อย วางเสิร์ฟบนโต๊ะทำงาน
นัยน์ตาคมเหลือบสำรวจ สองเท้าเรียวเล็กสวมเพียงถุงเท้าขาวเท่านั้น ปากหยักยิ้มเหยียดระดับมหาเศรษฐีดันมีคนใช้ทำตัวอัตคัด ช่างเป็นการแหกหน้าเจ้านายสิ้นดี
"เธอคิดว่าสภาพแบบนี้นะหรอที่ฉันสมควรจ้างมา" คิ้วหนาขมวดปมยุ่ง ยามกลิ่นกายสาวหอมโชย ผิดจากรูปลักษณ์มอมแมม แค่เพียงเห็นไรผมอ่อนข้างกกหู พริ้วไหวตรงผิวเนียนขาว ลำคอใหญ่แทบกลืนน้ำลายยากลำบาก นึกถึงจูบรสหวานในค่ำคืนนั้น
"คือหนูไม่ได้คิดว่าต้องมาทำงานนี่คะ" เค้กตอบกลับด้วยน้ำเสียวอ่อนหวาน ไม่ได้มีการประชดประชัน แต่นั่นกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอยู่สุข สองมือเรียวรีบถือถาดเตรียมเดินออก ให้หนีไกลจากเจ้านาย
"คิดเท่าไหร่?" แต่แล้วเสียงเข้มดันพูดดักก่อนเค้กจะเดินออก เด็กสาวช่างกระตุ้นอารมณ์ชายง่ายดาย เขายื่นข้อเสนออย่างแฟร์ๆ เพื่อตอบสนองตัณหาตัวเองเช่นทุกครั้ง
"ไม่ได้เสียตังค่ะ พวกนี้หนูชงจากในครัว" เธอตอบกลับตามความเข้าใจ ยกมือโบกปฏิเสธิ ใบหน้าใสกลับงงงวยเหตุใดเขาถึงถามราคา
"ฉันหมายถึงตัวเธอหน่ะเท่าไหร่" ร่างสูงสง่านั่งหลังตรงกว่าเดิม เคาะนิ้วชี้ยาวลงบนโต๊ะเฝ้านับเวลา ถ้าได้ลองเสนอสาวสวยคนอื่น รับรองว่าไม่เกินนาทีแน่ เพราะภาพลักษณ์เธอคงไม่ได้อ่อนต่อเรื่องพรรณนี้
"ไม่ดูถูกกันไปหน่อยหรอคะ" ร่างอรชรตัวแข็งทื่อ ยิ่งกว่าถูกน้ำเย็นจัดสาดใส่ เธอหมุนตัวกับจ้องใบหน้าสาก นิ่งเรียบเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรตอนพูดมา
"เธอชอบเงินนี่ ค่าของเงินมันหอมไม่ใช่หรอกเหรอ" เขาล้วงหยิบสมุดกระดาษเช็กปึกใหญ่ กระแทกบนโต๊ะทำงานดึงความสนใจ
"ใช่ค่ะหนูชอบเงิน ถ้าคุณจ่ายไหว" สองมือเปลี่ยนเป็นกำแน่นอย่างนึกรังเกียจคนตรงหน้า เธอแค่นึกโมโหพูดประชดกลับ ดวงตากลมเหยียดมองสะท้อนความขยะแขยง
~ถ้าอยากเอาชนะเด็ก เขาก็ต้องรู้จักคำว่าแพ้ก่อน~
"แสนนึง" ฮาเกนบอก ราคาสูงขนาดนี้เขาสามารถให้ลูกน้องติดต่อนางแบบได้เลย แต่มันก็แค่เศษเงินลอกล่อเพื่อแลกความต้องการและเอาชนะเท่านั้น
"หนึ่งล้านบาทแลกกับพรมจันทร์ของหนูค่ะ"
............................................
สู้ไม่สู้เด็กมันขอ 555