Peem’s part
“แต่งงาน!!!” ผมเปล่งเสียงตะเบ็งดังลั่นด้วยความตกใจ หันซ้ายหันขวามองหาคนช่วย แต่ทุกคนกลับนั่งนิ่งสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว
แม้แต่คนที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านหลังนี้ ยังได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้ผม พ่อยังช่วยไม่ได้ แล้วใครจะช่วยผมได้วะ ผมหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเอง เขาเอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่เงยขึ้นมองหน้าน้องชายตัวเองสักนิด
เหลือคนเดียวแล้วตอนนี้…
ใบหน้าสวยหวานแต่แอบแฝงไปด้วยความเซ็กซี่คลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ เธอหันไปมองหน้าเจ้าของความคิดที่จะให้ผมแต่งงานแล้วเอ่ยออกมา
“ภีมยังเด็กไปนะคะแม่”
ผมอยากจะยกมือขึ้นพนมแล้วก้มกราบพี่สะใภ้ที่ช่วยพูดกับแม่ให้ พี่ภูมิ
ได้ยินเมียตัวเองพูดแบบนั้นก็ตวัดสายตาไปมองหน้าพี่ขวัญ เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ไปช่วยมันทำไม”
อ้าว…พี่สะใภ้ช่วยผมก็ดีอยู่แล้ว จะขัดเพื่อ?
หลังจากที่ดุเมียตัวเองแล้ว พี่ภูมิก็หันมามองหน้าผมก่อนจะพูดต่อ
“ให้มันแต่งงานอะดีแล้ว จะได้เบา ๆ เรื่องเที่ยวลงบ้าง”
ผมลูบหน้าตัวเองแรง ๆ แล้วหย่อนสะโพกนั่งลงที่โซฟา มองหน้าพี่ชายที่กระตุกยิ้มด้วยความกวน ท่าทางเยาะเย้ยผมชัด ๆ ตัวเองแต่งงานมีเมียแล้วอดไปหาสาว ๆ แล้วมาขัดขวางความสุขของน้อง ไอ้พี่ชั่ว!
“ใช่ แม่ต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แม่จะไม่ยอมให้แกเป็นเหมือนพ่อแกแน่นอน” แม่ปรายตามองไปทางพ่อ อดีตนักการเมืองท้องถิ่นผู้ทรงอิทธิพล โดนอดีตเมียหลอกด่าไปหนึ่งประโยคถึงกับก้มหน้างุด
เห็นพ่อเป็นแบบนี้…ผมยิ่งไม่อยากมีเมีย
“แต่ขวัญก็ยังคิดว่ามันเร็วไปนะคะแม่” พี่สะใภ้เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง พี่ชายตัวดีของผมก็ตีเข้าที่หลังมือของเมียตัวเองเบา ๆ คล้ายกับจะปรามไม่ให้
พี่ขวัญช่วยผม
ไอ้พี่ชั่ว! วันนี้ต้องด่าในใจแบบนี้กี่รอบกันวะ
“เร็วยังไง ไม่ได้ให้แต่งตอนนี้สักหน่อย แม่แค่จะให้ภีมมีแฟน ศึกษา
ดูใจกันสักพักแล้วค่อยแต่ง ไม่ใช่ว่าแม่ไม่ให้เวลาตาภีมนะขวัญ”
“ภีมแต่งสักสามสิบก็ได้นี่คะ ตอนนี้ภีมแค่ยี่สิบเอง ยังไงภีมก็คงหาแฟนได้ทัน”
“โอ๊ย ภีมจะหาทำไม นี่แม่หาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และอีกอย่างขวัญกับภูมิก็แต่งงานเร็วนี่ อายุไม่ถึงสามสิบสักหน่อย” แม่ผมคลี่ยิ้มอย่างผู้ชนะ
ผมมองหน้าพี่ขวัญแล้วกะพริบตาปริบ ๆ ช่วยผมอีกสักนิดเถอะพี่ขวัญ
คนที่ผมส่งสายตาอ้อนวอนให้พ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย เธอหันไปมองหน้าสามีที่เอาแต่จ้องหน้า แล้วหันกลับมายิ้มเจื่อนให้ผม ราวกับว่าไม่กล้าช่วยเพราะกลัวว่าจะโดนแฟนดุเข้าให้อีก เพิ่งเจอคู่นี้แหละที่ฝ่ายชายไม่กลัวเมีย!
“ทำไมแม่ไม่ให้ภีมได้เลือกแฟนเองล่ะคะ” พี่ขวัญเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อเธอพูดจบพี่ภูมิก็ส่งเสียงกระแอมกระไอ
“ทีภูมิยังเลือกเมียเอง ภีมก็ควรได้เลือกเอง” พี่ขวัญหันไปมองหน้าพี่ภูมิแล้วเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ก็จริงอย่างที่พี่ขวัญพูด แม่จะจับพี่ภูมิแต่งงานกับคนอื่น แต่สองวันต่อมาพี่ภูมิก็กลับมาบอกแม่ว่ามีเมียแล้ว และจะแต่งกับคนนี้คนเดียว สุดท้ายแม่ผมก็ต้องยอมให้พี่ภูมิได้แต่งงานกับพี่ขวัญ
“ผมขอเลือกเองนะ เพราะผมมั่นใจว่าผมต้องไม่ชอบผู้หญิงที่แม่หามาให้แน่นอน”
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผู้หญิงที่แม่หามาให้จะต้องอ่อนหวาน นุ่มนวล เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้แน่นอน เพราะแม่ชอบผู้หญิงสไตล์นั้น ซึ่งผมไม่ชอบเลยสักนิด แบบนั้นจืดชืด น่าเบื่อจะแย่
แล้วแบบนี้น่ะเหรอที่ผมจะยอมทิ้งชีวิตที่โคตรสนุกของตัวเองไปอยู่แบบนั้น เหอะ ไม่มีทาง!
“เอางี้ ตอนนี้แกอยู่ปีสามเทอมสอง แม่ขอให้แกคบกับเขาในฐานะแฟนแค่ถึงแกเรียนจบ ระยะเวลาก็แค่ปีกว่า ๆ ถ้าถึงวันนั้นแล้วแกไม่รู้สึกรักผู้หญิงที่แม่หามาให้จริง ๆ แม่จะให้แกได้เลือกเมียเอง” แม่ผมเอ่ยออกมา สีหน้าของแม่ยากเกินจะคาดเดาว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่
“แม่จะไม่กลับคำใช่ปะ” ผมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้า
ผมหันหน้าไปหาพี่ขวัญเพื่อถามความเห็น เธอก็พยักหน้าราวกับเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ปีกว่า ๆ ที่ผมต้องมีแฟน ก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เพราะผมจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองเด็ดขาด อย่างไรผมก็จะเป็นของผมแบบนี้ และผมก็มั่นใจว่าผมไม่รักผู้หญิงคนนั้นแน่นอน!
หลายวันต่อมา
LINE
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นมาหลายครั้ง ผมไม่ได้สนใจที่จะเปิดดู มาอยู่ที่เต็นท์พี่ลม ก็ให้ความสนใจแต่กับรถเท่านั้น ไม่ได้สนใจว่าใครจะส่งอะไรมา
“ลูกค้าจะเข้ามารับรถตอนเก้าโมงนะครับ ผมเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้หมดแล้ว พี่ลมจะเป็นคนส่งมอบให้ลูกค้าเองไหม” พี่ป้อมพนักงานที่เต็นท์เดินเข้ามาถามเจ้าของเต็นท์
พี่ลมย่นหัวคิ้วเข้าหากันด้วยความงง ปกติพี่ลมไม่ได้ส่งมอบด้วยตัวเอง พนักงานเป็นคนทำหน้าที่ทั้งหมด เวลาอัปเดตในเพจ ก็มีแต่รูปพนักงานกับลูกค้า แทบไม่มีรูปเจ้าของเลย
“ผู้หญิงน่ะครับ สวยด้วย และยังเด็กด้วย” พี่ป้อมพูดอย่างยิ้ม ๆ พี่ลมเลยกระตุกยิ้มแล้วหันไปมองหน้าพี่ดิน
“มึงไปปะ” พี่ลมถามพี่ดิน
“ไม่อะ ไม่ชอบเด็ก ๆ” พี่ดินเหมือนผมเลย ผมชอบผู้หญิงที่อายุเท่ากัน ผมชอบคนที่รู้ทันผม ไม่ชอบให้เด็กมาอ้อน มันดูงุ้งงิ้งน่าเบื่อ
“ไม่ดีกว่า กูขี้เกียจ” พี่ลมหันไปบอกพนักงาน
“นึกว่าจะไป เห็นพี่ลมชอบเด็ก ๆ” พี่ป้อมกระตุกยิ้มแล้วเดินเข้าไปด้านใน ไม่นานนักผมก็เห็นว่าลูกค้าเข้ามาแล้ว นั่งคุยกันอยู่ในห้องกระจก
ผมไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งลูกค้าออกมาถ่ายรูปกับรถที่บริเวณรับรถ
นี่สวยเหรอ?
ถ้าบอกว่าน่ารักก็อาจจะใช่ แต่ก็งั้น ๆ แหละ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นหรือดึงดูดสายตาได้เลย
ผมหันซ้ายหันขวา อีกทั้งยังหันหลัง ไม่รู้ว่ายัยลูกค้าคนนั้นมองอะไร แต่จากที่สำรวจรอบข้างดูแล้ว เธอน่าจะมองผม สายตาที่มองมาก็อ่านไม่ออกว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จะว่ามองเพราะผมหล่อ ก็ไม่น่าใช่ สายตาดูไม่ได้พิศวาสในตัวผมเลยสักนิด
“ชอบเหรอ กูเห็นมึงมองเขาไม่เลิก” ไอ้กราฟถาม ผมเนี่ยนะที่มอง
ไม่เลิก เอาอะไรมาพูด ผมไม่ได้อยากจะมองเลยสักนิด แต่เห็นยัยนั่นมองหน้าผมแปลก ๆ ต่างหาก ผมสงสัยก็เลยมองไป แค่นั้นเอง
“กูไม่ชอบเด็ก” ผมตอบกลับไป พวกเพื่อนผมมันก็รู้สเป็กของผมกันทั้งนั้น จืดชืดแบบน้องคนนั้นไม่มีทางที่ผมจะสนใจ