บทที่ 1

1453 Words
สตรีเปรียบเสมือนหยก หากอยู่ในมือบุรุษที่รักใคร่นางจากใจจริง ย่อมงดงามมีคุณค่าอย่างประเมินราคาไม่ได้ แต่หากต้องตกไปอยู่ในมือบุรุษที่ไร้ใจ คุณค่าย่อมลดต่ำลงไม่ต่างกับเครื่องประดับราคาถูกที่รอวันถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี  "หึ!! บุรุษสูงส่งนักหรือไรกัน!!!"  'จ้าวไป๋ลู่' ยื่นมือสวยปิดหน้าหนังสือลงอย่างไม่ใคร่จะอารมณ์ดีเท่าใดนัก ก่อนจะเงยหน้าไปมองที่ด้านนอกหน้าต่าง ยามนี้หิมะกำลังตกโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย นางยกถ้วยชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะนำหนังสือเล่มนั้นกลับไปวางบนชั้นดังเดิม  "คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินเรียกให้ท่านไปพบเจ้าค่ะ"  "ข้ารู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้"  จ้าวไป๋ลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเดินตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที ไม่นานนักนางก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันด้วยความสนุกสนานดังมาจากด้านในเรือนใหญ่  "ท่านพ่อ พี่ใหญ่"  "ไป๋ไป๋มาแล้ว"  จ้าวไป๋ลู่หันไปมอง จ้าวเยียน ผู้เป็นบิดาก่อนจะส่งยิ้มให้เขาคราหนึ่ง แล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างกาย จ้าวเฉียนผู้เป็นพี่ชาย นางยื่นมือไปหยิบขนมเปี๊ยะกุหลาบที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเคี้ยวจนแก้มตุ้ย   ปีนี้นางอายุสิบห้าปีแล้ว เพิ่งเข้าพิธีปักปิ่นเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีนางมิได้เป็นเจ้าของร่างนี้มาแต่แรก นางเป็นสตรีที่มาจากโลกอนาคต เป็นนักเรียนสาขาวิชาการทำอาหาร ที่กำลังจะมีอนาคตได้เป็นเชฟชื่อดัง แต่ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก นางสำลักไก่ตุ๋น ทำให้กระดูกไก่ทิ่มลำคอ และเสียชีวิตในทันที  อนาถสิ้นดี มีผู้ใดเขาตายเช่นนี้กันบ้างนะ!!  ด้วยเหตุนี้นางจึงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในร่างของจ้าวไป๋ลู่ สตรีที่มีชื่อเดียวกับนาง แต่ทว่าใบหน้ากลับงดงามกว่านางมากนัก แม้จะเสียใจที่ตนเองต้องตายจากโลกเดิมมาอยู่สถานที่โบราณเช่นนี้ แต่สิ่งที่ชโลมใจของนางได้ก็คือ ใบหน้าของเจ้าของร่างนี้  ข้าสวย!!วะฮ่าฮ่า  ครอบครัวตระกูลจ้าว เป็น เศรษฐีใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมืองหลวงได้ไม่นาน จ้าวเยียนบิดาของนางเป็นหัวหน้าองครักษ์ แม้ตำแหน่งจะไม่สูงมากนักแต่ก็มีความสุขดี ยามนี้เมืองหลวงต้าฉินไร้ซึ่งสงคราม ราษฎรอยู่อย่างผาสุก ท่านพ่อของนางจึงมีเวลาอยู่ที่จวนมากกว่าแต่ก่อน  ท่านแม่ของนางมีนามว่า หลิวอิ๋ง เป็นเพียงบุตรสาวจากตระกูลชาวสวน ท่านตาท่านยายมีอาชีพทำไร่ทำนา ท่านปู่ท่านย่าของนางนั้นมีกิจการร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ในเมืองหลวง แต่เพราะท่านพ่อได้เข้ารับราชการเป็นหัวหน้าองครักษ์ ตระกูลจ้าวจึงเชิดหน้าชูตาได้ไม่น้อย  จ้าวเฉียนพี่ชายของนาง ก็เป็นทหารรับใช้ในวังหลวง ครอบครัวของนางมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง นางเองก็พึงพอใจที่มีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้เช่นกัน  เพราะแต่เดิมตอนที่มีชีวิตอยู่ในโลกอนาคต นางเองก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งเพียงเท่านั้น  การได้มาพบเจอครอบครัวที่แสนสุขเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เลว "ท่านพ่อ ท่านแม่เล่าเจ้าคะ"  "ทำอาหารอยู่ในครัวโน่น ป่านนี้คงใกล้เสร็จแล้วกระมัง"  "อ้อ"  "นี่ไป๋ไป๋ พ่อได้ยินว่าเมื่อสองสามวันก่อนเจ้าคิดค้นสูตรน้ำแกงเลิศรสได้มิใช่หรือ"  เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยเช่นนั้น จ้าวไป๋ลู่จึงละสายตาจากขนมตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าไปมองพวกเขา คนทั้งสามสบตากันก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา  "วะฮ่าๆๆๆ"  "ฮ่าๆๆๆฮิ้ว"  "ฮ่าๆๆๆฮรี่ๆ" เพราะความสนิทสนมและไม่ถือกฎระเบียบกันมากนัก พวกนางสามคนพ่อลูกจึงสนทนากันราวกับสหายสนิทมาโดยตลอด เหล่าคนรับใช้ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความเลิ่กลั่ก  ตายแล้ว!!ไม่ปกติทั้งจวน  จ้าวไป๋ลู่หยุดหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน  "ใช่แล้วท่านพ่อ น้ำแกงสูตรนี้น่ะช่วยทำให้ท่านและพี่ใหญ่ แข็ง!!! อุ๊ย ร่างกายแข็งแรงเจ้าค่ะ วะฮ่าๆๆๆ"  "พ่ออยากจะลองกินเสียเดี๋ยวนี้ ฮิๆๆๆ" จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนหันมาสบตากันก่อนจะปิดปากหัวเราะคิกคัก หลิวอิ๋งผู้เป็นมารดาที่กำลังเดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นท่าทีของคนทั้งสามก็ขมวดคิ้วมุ่น "ทั้งสามคนน่ะ!!กำลังพูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกันอยู่ใช่หรือไม่!!!"  สามคนพ่อลูกต่างเงียบปากมิเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาอีก ฮูหยินหลิวอิ๋งเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้พร้อมกับสั่งให้บ่าวไพร่จัดสำรับวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับจ้าวไป๋ลู่  "ยามนี้เจ้าก็เติบโตเป็นสตรีเต็มวัยแล้ว เมื่อสามวันก่อน องค์หญิงหงลี่ สหายสนิทของแม่ ส่งจดหมายมาที่จวนของพวกเรา พระองค์ตรัสว่าอยากจะเชิญเจ้ากับแม่ไปชมดอกเหมยที่จวนโหว เจ้าเตรียมตัวให้ดีเล่า"  "เจ้าค่ะท่านแม่"  "จำไว้ อย่าส่งเสียงหัวเราะส่งเดช"  "ท่านแม่ ก็ข้าอารมณ์ดีนี่เจ้าคะ!!"  "เจ้านี่มัน!! ไปๆรีบไปช่วยแม่ยกขนมหวานในโรงครัวออกมาทีเถิด ใกล้จะเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว"  "เจ้าค่ะ"  ในขณะที่นางและจ้าวไป๋ลู่กำลังจะลุกขึ้น จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนก็ตั้งท่าจะลุกเช่นเดียวกัน  "พวกท่านสองพ่อลูกจะไปที่ใดกันอีก!!"  ฮูหยินหลิวอิ๋งเอ่ยถามเสียงเข้ม สองพ่อลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลิวอิ๋งผู้เป็นภรรยาที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยอย่างมีโทสะ  "ข้ารู้นะว่าพวกท่านจะพากันไปที่ใด!!! บัดซบ นัก ต้นผักกาดของข้าเฉาตายหมดเพราะพวกท่าน!!!"  "ฮูหยิน ให้อภัยข้าเถิด ครานั้นข้ารีบชัก มันจึงพุ่งไปโดนผักกาดของเจ้า!!"  "หึ!!คิดว่าข้าไม่เห็นหรือ!!พวกท่านสองพ่อลูกแข่งกันชัก ข้าเห็นกับตา!!" "ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่นา!! มันแข็งขึ้นมากะทันหันจะให้ข้าทำเช่นไรเล่า!!!"  "ท่านพ่อท่านแม่พอเถิด!!อายบ่าวไพร่บ้างเจ้าค่ะ!!"  จ้าวไป๋ลู่รีบเอ่ยยับยั้งบิดาและมารตนทันที ก่อนจะหันไปมองจ้าวเฉียนที่มีท่าทีกระอักกระอ่วนเช่นเดียวกัน  "ช่างหัวมันสิ!!!คนที่ต้องอายคือพ่อเจ้า ผักกาดของข้ากำลังงอกงาม กลับตายเพราะน้ำบัดซบของเขา!!!"  "ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจชักมันจำเป็น!!!" "กล้าเถียงข้าหรือ!!!"  "ฮูหยิน!!"  โครม!!!  จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนสะดุ้งตัวโยน ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้นนางทำได้เพียงยกมือขึ้นเกาหน้าผาก ก่อนจะมองภาพอาหารบนโต๊ะที่ถูกท่านแม่พังโครมหกเลอะเทอะอย่างอับจนหนทาง บัดซบเถิดไม่ต้องกินแล้วข้าวเย็น!! "ท่านตั้งใจชัก!!"  "ข้าไม่ได้ตั้งใจมันแข็งเอง!!!"  "ท่านชัก!!"  "โธ่ฮูหยิน เดิมทีข้ากับอาเฉียนเพียงตั้งใจเล่นว่าวที่ฝ่าบาททรงประทานให้ข้าเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้สายว่าวกลับแข็งขึ้นมากะทันหัน ข้าจึงรีบชักสายมัน ข้าไม่ได้ตั้งใจ มือข้าเลยพลัดไปโดนถังน้ำสกปรก จนมันหกราดรดต้นผักกาดเจ้าจนเฉาตาย!! นี่ข้ากับอาเฉียนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเก็บว่าวอันใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จวางเอาไว้ที่ด้านหลังจวน จึงจะไปเก็บ เจ้าก็ระงับโทสะหน่อยเถิด!!" จ้าวเยียนพยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจ เมื่อสองสามวันก่อน ฝ่าบาททรงพระราชทานว่าวให้ข้ารับใช้ได้ละเล่นแก้เบื่อ เขาก็ได้มาเช่นกันจึงชักชวนบุตรชายเล่น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุมิคาดฝันเช่นนี้  จ้าวไป๋ลู่ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองก่อนจะครุ่นคิดในใจ  โธ่!ท่านพ่อ แทนที่จะพูดให้ละเอียดข้าก็คิดไปไกลเลย!!  แล้วท่าทีโล่งใจของบ่าวไพร่คือสิ่งใดกัน หรือพวกเขาคิดว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่... วะฮ่าๆๆๆ นางก็คิดว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่ชัก....... ช่างมันเถิด!เย็นนี้กินข้าวกับน้ำมันพริกแก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน! 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD