สตรีเปรียบเสมือนหยก หากอยู่ในมือบุรุษที่รักใคร่นางจากใจจริง ย่อมงดงามมีคุณค่าอย่างประเมินราคาไม่ได้ แต่หากต้องตกไปอยู่ในมือบุรุษที่ไร้ใจ คุณค่าย่อมลดต่ำลงไม่ต่างกับเครื่องประดับราคาถูกที่รอวันถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี
"หึ!! บุรุษสูงส่งนักหรือไรกัน!!!"
'จ้าวไป๋ลู่' ยื่นมือสวยปิดหน้าหนังสือลงอย่างไม่ใคร่จะอารมณ์ดีเท่าใดนัก ก่อนจะเงยหน้าไปมองที่ด้านนอกหน้าต่าง ยามนี้หิมะกำลังตกโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย นางยกถ้วยชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง ก่อนจะนำหนังสือเล่มนั้นกลับไปวางบนชั้นดังเดิม
"คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินเรียกให้ท่านไปพบเจ้าค่ะ"
"ข้ารู้แล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้"
จ้าวไป๋ลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะเดินตรงไปที่เรือนใหญ่ทันที ไม่นานนักนางก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันด้วยความสนุกสนานดังมาจากด้านในเรือนใหญ่
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่"
"ไป๋ไป๋มาแล้ว"
จ้าวไป๋ลู่หันไปมอง จ้าวเยียน ผู้เป็นบิดาก่อนจะส่งยิ้มให้เขาคราหนึ่ง แล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งที่ข้างกาย จ้าวเฉียนผู้เป็นพี่ชาย นางยื่นมือไปหยิบขนมเปี๊ยะกุหลาบที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเคี้ยวจนแก้มตุ้ย
ปีนี้นางอายุสิบห้าปีแล้ว เพิ่งเข้าพิธีปักปิ่นเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีนางมิได้เป็นเจ้าของร่างนี้มาแต่แรก นางเป็นสตรีที่มาจากโลกอนาคต เป็นนักเรียนสาขาวิชาการทำอาหาร ที่กำลังจะมีอนาคตได้เป็นเชฟชื่อดัง แต่ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก นางสำลักไก่ตุ๋น ทำให้กระดูกไก่ทิ่มลำคอ และเสียชีวิตในทันที
อนาถสิ้นดี มีผู้ใดเขาตายเช่นนี้กันบ้างนะ!!
ด้วยเหตุนี้นางจึงย้อนเวลามาเกิดใหม่ในร่างของจ้าวไป๋ลู่ สตรีที่มีชื่อเดียวกับนาง แต่ทว่าใบหน้ากลับงดงามกว่านางมากนัก แม้จะเสียใจที่ตนเองต้องตายจากโลกเดิมมาอยู่สถานที่โบราณเช่นนี้ แต่สิ่งที่ชโลมใจของนางได้ก็คือ ใบหน้าของเจ้าของร่างนี้
ข้าสวย!!วะฮ่าฮ่า
ครอบครัวตระกูลจ้าว เป็น เศรษฐีใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมืองหลวงได้ไม่นาน จ้าวเยียนบิดาของนางเป็นหัวหน้าองครักษ์ แม้ตำแหน่งจะไม่สูงมากนักแต่ก็มีความสุขดี ยามนี้เมืองหลวงต้าฉินไร้ซึ่งสงคราม ราษฎรอยู่อย่างผาสุก ท่านพ่อของนางจึงมีเวลาอยู่ที่จวนมากกว่าแต่ก่อน
ท่านแม่ของนางมีนามว่า หลิวอิ๋ง เป็นเพียงบุตรสาวจากตระกูลชาวสวน ท่านตาท่านยายมีอาชีพทำไร่ทำนา ท่านปู่ท่านย่าของนางนั้นมีกิจการร้านอาหารขนาดเล็กอยู่ในเมืองหลวง แต่เพราะท่านพ่อได้เข้ารับราชการเป็นหัวหน้าองครักษ์ ตระกูลจ้าวจึงเชิดหน้าชูตาได้ไม่น้อย
จ้าวเฉียนพี่ชายของนาง ก็เป็นทหารรับใช้ในวังหลวง ครอบครัวของนางมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง นางเองก็พึงพอใจที่มีครอบครัวอบอุ่นแบบนี้เช่นกัน
เพราะแต่เดิมตอนที่มีชีวิตอยู่ในโลกอนาคต นางเองก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งเพียงเท่านั้น
การได้มาพบเจอครอบครัวที่แสนสุขเช่นนี้ ก็นับว่าไม่เลว
"ท่านพ่อ ท่านแม่เล่าเจ้าคะ"
"ทำอาหารอยู่ในครัวโน่น ป่านนี้คงใกล้เสร็จแล้วกระมัง"
"อ้อ"
"นี่ไป๋ไป๋ พ่อได้ยินว่าเมื่อสองสามวันก่อนเจ้าคิดค้นสูตรน้ำแกงเลิศรสได้มิใช่หรือ"
เมื่อได้ยินบิดาเอ่ยเช่นนั้น จ้าวไป๋ลู่จึงละสายตาจากขนมตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าไปมองพวกเขา คนทั้งสามสบตากันก่อนจะส่งเสียงหัวเราะออกมา
"วะฮ่าๆๆๆ"
"ฮ่าๆๆๆฮิ้ว"
"ฮ่าๆๆๆฮรี่ๆ"
เพราะความสนิทสนมและไม่ถือกฎระเบียบกันมากนัก พวกนางสามคนพ่อลูกจึงสนทนากันราวกับสหายสนิทมาโดยตลอด
เหล่าคนรับใช้ต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความเลิ่กลั่ก
ตายแล้ว!!ไม่ปกติทั้งจวน
จ้าวไป๋ลู่หยุดหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีเป็นการเป็นงาน
"ใช่แล้วท่านพ่อ น้ำแกงสูตรนี้น่ะช่วยทำให้ท่านและพี่ใหญ่ แข็ง!!! อุ๊ย ร่างกายแข็งแรงเจ้าค่ะ วะฮ่าๆๆๆ"
"พ่ออยากจะลองกินเสียเดี๋ยวนี้ ฮิๆๆๆ"
จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนหันมาสบตากันก่อนจะปิดปากหัวเราะคิกคัก หลิวอิ๋งผู้เป็นมารดาที่กำลังเดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นท่าทีของคนทั้งสามก็ขมวดคิ้วมุ่น
"ทั้งสามคนน่ะ!!กำลังพูดคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกันอยู่ใช่หรือไม่!!!"
สามคนพ่อลูกต่างเงียบปากมิเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาอีก ฮูหยินหลิวอิ๋งเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้พร้อมกับสั่งให้บ่าวไพร่จัดสำรับวางบนโต๊ะ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับจ้าวไป๋ลู่
"ยามนี้เจ้าก็เติบโตเป็นสตรีเต็มวัยแล้ว เมื่อสามวันก่อน องค์หญิงหงลี่ สหายสนิทของแม่ ส่งจดหมายมาที่จวนของพวกเรา พระองค์ตรัสว่าอยากจะเชิญเจ้ากับแม่ไปชมดอกเหมยที่จวนโหว เจ้าเตรียมตัวให้ดีเล่า"
"เจ้าค่ะท่านแม่"
"จำไว้ อย่าส่งเสียงหัวเราะส่งเดช"
"ท่านแม่ ก็ข้าอารมณ์ดีนี่เจ้าคะ!!"
"เจ้านี่มัน!! ไปๆรีบไปช่วยแม่ยกขนมหวานในโรงครัวออกมาทีเถิด ใกล้จะเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว"
"เจ้าค่ะ"
ในขณะที่นางและจ้าวไป๋ลู่กำลังจะลุกขึ้น จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนก็ตั้งท่าจะลุกเช่นเดียวกัน
"พวกท่านสองพ่อลูกจะไปที่ใดกันอีก!!"
ฮูหยินหลิวอิ๋งเอ่ยถามเสียงเข้ม สองพ่อลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลิวอิ๋งผู้เป็นภรรยาที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยอย่างมีโทสะ
"ข้ารู้นะว่าพวกท่านจะพากันไปที่ใด!!! บัดซบ นัก ต้นผักกาดของข้าเฉาตายหมดเพราะพวกท่าน!!!"
"ฮูหยิน ให้อภัยข้าเถิด ครานั้นข้ารีบชัก มันจึงพุ่งไปโดนผักกาดของเจ้า!!"
"หึ!!คิดว่าข้าไม่เห็นหรือ!!พวกท่านสองพ่อลูกแข่งกันชัก ข้าเห็นกับตา!!"
"ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่นา!! มันแข็งขึ้นมากะทันหันจะให้ข้าทำเช่นไรเล่า!!!"
"ท่านพ่อท่านแม่พอเถิด!!อายบ่าวไพร่บ้างเจ้าค่ะ!!"
จ้าวไป๋ลู่รีบเอ่ยยับยั้งบิดาและมารตนทันที ก่อนจะหันไปมองจ้าวเฉียนที่มีท่าทีกระอักกระอ่วนเช่นเดียวกัน
"ช่างหัวมันสิ!!!คนที่ต้องอายคือพ่อเจ้า ผักกาดของข้ากำลังงอกงาม กลับตายเพราะน้ำบัดซบของเขา!!!"
"ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจชักมันจำเป็น!!!"
"กล้าเถียงข้าหรือ!!!"
"ฮูหยิน!!"
โครม!!!
จ้าวเยียนและจ้าวเฉียนสะดุ้งตัวโยน ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้นนางทำได้เพียงยกมือขึ้นเกาหน้าผาก ก่อนจะมองภาพอาหารบนโต๊ะที่ถูกท่านแม่พังโครมหกเลอะเทอะอย่างอับจนหนทาง
บัดซบเถิดไม่ต้องกินแล้วข้าวเย็น!!
"ท่านตั้งใจชัก!!"
"ข้าไม่ได้ตั้งใจมันแข็งเอง!!!"
"ท่านชัก!!"
"โธ่ฮูหยิน เดิมทีข้ากับอาเฉียนเพียงตั้งใจเล่นว่าวที่ฝ่าบาททรงประทานให้ข้าเพียงเท่านั้น ผู้ใดจะรู้สายว่าวกลับแข็งขึ้นมากะทันหัน ข้าจึงรีบชักสายมัน ข้าไม่ได้ตั้งใจ มือข้าเลยพลัดไปโดนถังน้ำสกปรก จนมันหกราดรดต้นผักกาดเจ้าจนเฉาตาย!! นี่ข้ากับอาเฉียนก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมเก็บว่าวอันใหม่ที่เพิ่งทำเสร็จวางเอาไว้ที่ด้านหลังจวน จึงจะไปเก็บ เจ้าก็ระงับโทสะหน่อยเถิด!!"
จ้าวเยียนพยายามอธิบายให้ภรรยาเข้าใจ เมื่อสองสามวันก่อน ฝ่าบาททรงพระราชทานว่าวให้ข้ารับใช้ได้ละเล่นแก้เบื่อ เขาก็ได้มาเช่นกันจึงชักชวนบุตรชายเล่น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุมิคาดฝันเช่นนี้
จ้าวไป๋ลู่ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วตนเองก่อนจะครุ่นคิดในใจ
โธ่!ท่านพ่อ แทนที่จะพูดให้ละเอียดข้าก็คิดไปไกลเลย!!
แล้วท่าทีโล่งใจของบ่าวไพร่คือสิ่งใดกัน หรือพวกเขาคิดว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่...
วะฮ่าๆๆๆ นางก็คิดว่าท่านพ่อและพี่ใหญ่ชัก.......
ช่างมันเถิด!เย็นนี้กินข้าวกับน้ำมันพริกแก้ขัดไปก่อนก็แล้วกัน!