อุ่นใจรัก 10

1026 Words
อุ่นใจรัก 10 หลังจากได้รับการรักษาตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตอนนี้ต้นไม้ยังมีอาการซึมและตัวร้อนแต่ผื่นที่ตัวนั้นยุบลงแล้ว ทำให้ช่วงสายของวันเราพาสามารถพาหลานกลับบ้านได้แล้วตามคำสั่งของแพทย์เจ้าของไข้ แต่ระหว่างที่รอรับยาอยู่นั้นคล้ายกับมีคนที่รู้จักกับฉันเดินเข้ามาชวนคุย แม้ฉันจะมั่นใจว่าไม่รู้จักคนตรงหน้าก็ตาม “คุณมัลลิใช่ไหมครับ” ชายร่างสูงท้วมเดินเข้ามาทักราวกับจ้องฉันไว้นานแล้ว ทั้งยังรู้จักชื่อจริงของฉันเสียด้วย แต่ฉันไม่รู้จักเขาเลยสักนิดไม่คุ้นหน้าเลยก็ว่าได้ “ไม่ใช่ค่ะ คุณคงทักผิดคนแล้ว” รับตอบปฏิเสธทั้งยังขยับออกห่างอย่างไม่ไว้วางใจ “ไม่ คุณนี่แหละมัลลิผมจำได้ ไปกินกาแฟกันหน่อยไหมครับ” ชายตรงหน้ายังรบเร้า ทั้งยังยื่นมือมาจับมือฉันและพยายามจะดึงให้ออกไปพร้อมกับเขา แต่ฉันพยายามยืนร่างกายตัวเองไว้เต็มแรง โดยที่แขนข้างหนึ่งยังโอบกอดต้นไม้ไว้แน่น กลัวล้มก็กลัว กลัวหลานเจ็บก็กลัว คนบ้าพวกนี้เป็นใครกัน! “กูบอกให้มากับกูไงวะ!” ชายคนนั้นตะโกนเสียงดังอย่างหงุดหงิดที่ฉันมีท่าทีต่อต้านแบบนี้ และเป็นจังหวะที่มีคุณรปภ.ของโรงพยาบาลเดินตรงเข้ามาใกล้เรา “ทำอะไรกันน่ะ” “อย่ายุ่งเรื่องผัวเมีย” ชายคนนั้นตวาดเสียงดัง และจุดที่เรายืนอยู่เริ่มเป็นที่จับตามองของคนรอบข้างที่เข้ามารับบริการในโรงพยาบาลแห่งนี้ ด้านหลังชายคนนั้นมีคนแต่งกายแบบเดียวกันกำลังเดินตรงเข้ามาใกล้เราเรื่อย ๆ ฉันรีบหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจกลัว เมื่อไหร่ที่อุ่นจะกลับมาแล้วพี่ ๆ ที่เจอเมื่อคืนอยู่ไหนกันแล้ว ตอนนี้ฉันกลัวจนไม่รู้ว่าจะวิ่งไปทางไหนแล้ว “ไม่ ไม่ใช่นะคะ ช่วยด้วย พวกเขาจะทำร้ายฉันค่ะ!” ฉันร้องอย่างกับคนเสียสติ ยิ่งข้อมือถูกรั้งแรงมากแค่ไหนฉันยิ่งกอดหลานแน่นยิ่งขึ้นจนต้นไม้เริ่มที่จะร้องไห้เมื่อถูกโอบกอดไว้แน่นจนเกินไป “ไปสิวะ มึงอยากตายตามพ่อแม่มึงไปหรือยังไง” เมื่อฉันเอาแต่ร้องไห้และขอให้คนช่วย ชายคนนั้นก็ขู่ฉันเสียงเข้มและจงใจกระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน “ปล่อยเลยนะ!” คุณรปภ.เอ่ยสั่งเสียงเข้มพร้อมกับมือที่วอหาใครสักคน “ทำอะไรวะ!!” เสียงที่ฉันอยากได้ยินที่สุดในขณะนี้ดังขึ้นพร้อมกับเงาสูงใหญ่ที่เข้ามายืนบดบังฉันจากผู้ชายคนนั้น พี่อุ่นใจดึงมือฉันออกจากการเกาะกุมของผู้ชายตัวสูงทั้งยังจับมือฉันไว้แน่น เสียงหอบหายใจทำให้พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องวิ่งหรือรีบเดินกลับเข้ามาแค่ไหนถึงได้มีอาการหายใจถี่แบบนี้ พี่อุ่นใจขยับเข้ามายืนบดบังจากกลุ่มคนตรงหน้าพร้อมกับชายที่สวมชุดสูทสีดำที่ขยับเข้ามายืนล้อมรอบฉันไว้ราวกับกำลังสร้างปราการป้องกันภัย “เสือกอะไรกับเรื่องผัวเมีย” “คนที่คุณกล่าวหาอยู่คือภรรยาของผม ถ้ายังไม่หยุดหยาบคายผมถือว่าเตือนคุณไปแล้ว” เสียงพี่อุ่นใจคุยกับกลุ่มผู้ชายตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยอำนาจและดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย ส่วนมือที่จับข้อมืออยู่เริ่มขยับเปลี่ยนเป็นสอดฝ่ามือประสานเข้ากับมือฉันแทนแล้ว “ปล่อยผู้หญิงคนนั้นมาแล้วผมจะให้เรื่องมันจบ” “ปล่อย? พวกคุณเป็นใครมาสั่งผม” พี่อุ่นใจทวนถามพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ อย่างดูแคลนกลุ่มคนตรงข้ามที่ทำเหมือนตัวเองนั้นมีอำนาจอยู่มากมาย “ไอ้เด็กเหลือขอ!” “เก็บปากไปส่งข่าวเจ้านายมึงเถอะนะ ระวังไม่ตายดี” พี่อุ่นจงใจพูดกับคนตรงหน้าก่อนจะประคองให้ฉันเดินออกห่างจากจุดนี้โดยมีพี่ ๆ ชุดดำเดินล้อมรอบไว้เพื่อระวังภัย เมื่อกลับขึ้นมานั่งบนรถได้สำเร็จฉันถึงได้รู้ว่ามือตัวเองสั่นมากแค่ไหนในตอนที่พี่อุ่นใจยื่นมือมาจับมือฉันไว้ “กลัวมากเลยใช่ไหม?” “...” “ขอโทษที่อยู่ไกล ต่อไปพี่จะอยู่ใกล้ ๆ บลูนะครับ” “...” “คนเก่งของพี่ไม่ต้องกลัวนะ” ตลอดเส้นทางกลับมาที่คอนโดพี่อุ่นกอดฉันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้ห่างตัว บนรถมีพี่ชุดดำขับรถให้หนึ่งคน ส่วนที่เหลือขับรถตามและเป็นรถรุ่นและสีเดียวกันทั้งหมด ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถนั้นต้นไม้ก็หลับอยู่บนคาร์ซีทเพราะฤทธิ์ยาที่กินเข้าไปในช่วงเช้าที่ผ่านมา ส่วนฉันนั่งที่เบาะตรงกลางโดยมีพี่อุ่นนั่งข้าง ๆ ฉันอีกที “นายครับมันตามมานะครับ” “สลัดหลุดไหม?” “ท่าจะยากครับ” “ลองดู ขอแค่สลัดหลุดก็พอ” “ครับนาย” สิ้นเสียงขานรับรถก็เร่งความเร็วขึ้นนานเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่เราจะได้ยินคำรายงานจากพี่ที่ทำหน้าที่ขับรถ “เราหลุดมาได้แล้วครับนาย นายจะกลับคอนโดหรือไปที่ไหนครับ” หลังจากที่นั่งใจหายใจคว่ำกับการขับรถของพี่ชุดดำอยู่นานหลายนาทีก็ได้ยินข่าวดีที่บอกว่าเราพ้นจากกลุ่มคนไม่หวังดีแล้ว “กลับบ้านใช้เส้นทางด้านหลัง” “ครับ” พี่คนขับรถขานรับและระหว่างเราก็เงียบไป ฉันลูบไหล่หลานชายไปมาอยู่อย่างนั้น สายตาก็ลอบมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง ไม่คุ้นชินกับเส้นทางนี้เลยกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่รถก็มาหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่รั้วบ้านเปิดกว้างคล้ายกับล่วงรู้ว่าจะมีคนมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD