อุ่นใจรัก 8
สองทุ่มครึ่งพี่ ๆ ทยอยกลับบ้านกันแล้วหลังจากที่คุยเรื่องจริงจังมากหลายนาที เหลือเพียงแค่ฉันและพี่อุ่นใจที่ยังนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น สักพักพี่อุ่นใจก็เก็บของและเดินเข้าห้องนอนไป ฉันเลยนั่งเล่นกับต้นไม้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น ชวนหลานเล่นเลโก้ไปเรื่อยรอถึงเวลาที่หลานจะต้องนอน
“หือ? อ้วน ทำไมแขนแดงแบบนี้” ฉันตกใจรีบจับแขนหลานชายขึ้นมาดูก็พบว่าที่แขนต้นไม้นั้นมันเป็นผื่นแดงเต็มแขน หลังเริ่มแดงขึ้นพร้อมกับอุณหภูมิร่างกายของต้นไม้ที่เริ่มอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่มียาด้วย เดี๋ยวอาพาไปหาหมอนะลูก” บอกกับหลานชายที่เริ่มซึมเบะปากคล้ายจะร้องไห้งอแง
“เป็นอะไรบลู” พี่อุ่นใจเปิดประตูห้องนอนออกมาเจอก็รีบร้องถามพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้
“หนูไม่รู้ว่าต้นไม้แพ้อะไร เราไม่มียา ต้องพาต้นไม้ไปหาหมอ”
“งั้นก็ไป พี่จะพาไปครับเดี๋ยวหลานเป็นอันตราย”
พี่อุ่นใจรีบบอก ฉันวิ่งเข้าห้องนอนคว้ากระเป๋าสะพายมาถือไว้พร้อมกับอุ้มต้นไม้ไว้แนบหน้าอก พี่อุ่นใจหยิบเสื้อแจ็กเกตมาหนึ่งตัวจากนั้นก็หยิบหมวกบักเก็ตของเขามาสวมให้ฉันก่อนจะจับมือพาเดินออกจากห้องพักไปยังลิฟต์
“ตัวหลานร้อนมากไหม?”
“เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วค่ะ”
“มีเสื้อยืดพี่อยู่ด้านหลังกับขวดน้ำเทน้ำใส่เสื้อแล้วเช็ดตัวให้หลานก่อน”
“ค่ะ” ขานรับมือก็หยิบเสื้อและขวดน้ำมา สายตาก็ลอบมองต้นไม้ที่อยู่ในคาร์ซีทเรื่อย ๆ เมื่อเทน้ำเสร็จก็เช็ดตัวให้ต้นไม้ไปพลางอย่างเป็นห่วง ในใจภาวะนาให้ถึงโรงพยาบาลเร็ว ๆ กลัวว่าหลานจะไข้สูงแล้วช็อกไปเสียก่อน
“พ่อครับ...” จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคนที่ขับรถอยู่คุยกับใครสักคน
“ผมจะพาหลานไปโรงพยาบาล อยากได้ที่เป็นส่วนตัวปิดประวัติการรักษา”
“เดี๋ยวผมค่อยอธิบายให้พ่อฟังได้ไหมครับ”
“น้องแพ้อะไรสักอย่างไข้สูงมากเลยครับ”
“ได้เหรอครับ?”
“ครับขอบคุณครับพ่อ”
เมื่อพี่อุ่นใจวางสายจากคนที่เรียกว่าพ่อ ระหว่างเราก็ไม่มีบทสนทนาอะไรเพิ่มเติม กระทั่งมาถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่ฉันเคยได้ยินชื่อว่ามีอยู่ทั่วประเทศ พี่อุ่นใจขยับเข้ามาช่วยอุ้มต้นไม้จากนั้นก็ใช้เสื้อแจ็กเกตของเขาคลุมศีรษะเล็ก ๆ ของต้นไม้ก่อนจะรีบพาเดินเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน
“ญาติของคุณพอใจ ดูแลอย่างดี” ฉันไม่รู้ว่าพ่อของพี่อุ่นใจคือใคร แต่การที่เราได้รับการปฏิบัติจากหมอและคุณพยาบาลแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย จากที่ปกติดูแลดีอยู่แล้วตอนนี้ก็พบว่าทุกคนนั้นดูแลเราดียิ่งขึ้นไปอีก
“ก่อนหน้านี้น้องกินอะไรมาเหรอคะ?” คุณหมอที่กำลังตรวจต้นไม้เอ่ยถามฉัน
“กินนมแล้วก็มีกินอาหารเด็กอ่อนค่ะ เคยกินมาตลอดแต่วันนี้มีอาการ”
“เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่รอข้างนอกก่อนนะคะ หมอขอตรวจน้องเพิ่มเติมก่อน”
“ค่ะ”
ฉันขานรับก่อนจะเดินออกมารอหน้าห้องฉุกเฉินโดยที่มีพี่อุ่นใจยืนอยู่ข้าง ๆ แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี้คุณหมอเรียกเราว่าอะไรนะ พ่อแม่เด็กหรือเปล่าหรือฉันหูฝาดแล้วฟังผิดไป
“นั่งก่อนดีไหม? หลานไม่เป็นอะไรแล้ว”
“หนูกลัวไปหมดเลยพี่อุ่น หนูมีแค่หลานแล้วนะคะ” ฉันบอกพี่อุ่นใจ สายตายังจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องฉุกเฉินเฝ้ารอการออกมาของคุณหมอเจ้าของไข้
“ใจเย็น ๆ หลานจะต้องไม่เป็นอะไร ไปนั่งพักกับพี่ก่อนนะ” พี่อุ่นจับมือไว้แน่นก่อนจะพาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่างที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากห้องฉุกเฉิน ระหว่างที่จิตใจฉันว้าวุ่นคิดอะไรไปต่าง ๆ นานา ก็มีมืออุ่น ๆ ของพี่อุ่นใจคอยจับและปลอบโยนให้ใจเย็นลง
“ญาติน้องต้นไม้ค่ะ...”
“ค่ะ!” รีบขานรับและเดินเข้าใกล้คุณหมอที่เพิ่งเดินออกมา
“น้องปลอดภัยแล้วนะคะ เป็นการแพ้จากการสารบางชนิดที่น้องอาจจะไปเผลอหยิบจับ หากมีเวลาพาน้องเข้ามาทดสอบการแพ้ได้นะคะ”