ชนชั้นระหว่างแวมไพร์และมนุษย์
กรี๊ดดดดดดดดดด
“เฮือกกก”
‘ช่วยด้วยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดดอย่า...’
‘หุบปาก!!!’
‘อย่าาาาเฮือก...กะ...อึก’ เสียงกรีดร้องหายไปคล้ายถูกตัดขาด กลายเป็นเสียงอึกอักเข้ามาแทนที่
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ
“กรี๊ดดดดด ไม่นะ” ฉันยกมือขึ้นปิดหูตัวเองก่อนจะมุดเข้าใต้โต๊ะ เมื่อเสียงถีบกำแพงจากห้องข้าง ๆ มันดังเสียจนฉันรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน ในค่ำคืนนี้คงมีใครสักคนถูกจับถวายตัวเป็นสาวรับใช้ของพวกแวมไพร์อีกแล้ว
เสียงกรีดร้องในทุก ๆ คืนเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่ไปแล้ว
เพราะที่นี่ถูกปกครองด้วยแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์
เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์และแวร์วูล์ฟเป็นชนชั้นกลาง
ส่วนมนุษย์เป็นชนชั้นต่ำสุดของสังคม ผู้ไม่มีทางเลือกนอกจากสังเวยโลหิตมอบชีวิตรับใช้พวกเขาจวบจนวันตายเท่านั้น
เลือดในกายฉันเย็นเยียบได้แต่ฟังเสียงโหยหวนที่ไม่สามารถออกไปช่วยได้ ฉันยังเป็นคนที่ไม่ถูกเลือก ได้แต่คอยเหลือบมองห้องพักที่ล็อกประตูแน่นหนา ให้พอมั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถเข้ามาได้
ขอแค่อย่าให้ฉันได้เจอเจ้านายที่ต้องตาต้องใจ
เป็นมนุษย์ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ถูกตัดออกจากห่วงโซ่นี้ก็พอ
เมื่ออายุครบสิบแปดปีทุกคนต้องเข้าสู่สถานศึกษาไม่อาจจะหลีกหนีได้ โดยที่อยู่รวมกันระหว่างสามชนชั้นอย่างไม่สามารถหลบเลี่ยง คำกล่าวว่าเพื่อลดการเหลื่อมล้ำทางชนชั้นเป็นเรื่องโกหกสิ้นดี
ในเมื่อนโยบายนี้ถูกกำหนดโดยพวกแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์
พวกเขาทำเหมือนมนุษย์เป็นสัตว์โง่เง่า ไม่ใช่เพราะเชื่อในคำอ้างแต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ต่างหาก ในเมื่อไอ้สถานที่นี้เป็นแค่ที่เลือกทาสชั้นดี ที่ไม่ต้องเสียแรงและค่าใช้จ่ายสักบาทเดียว ใครจะยอมให้แวมไพร์พวกนั้นเจาะคอดูดเลือดหน้าตาเฉยเหมือนเจาะกล่องนมกัน
แค่สี่ปีฉันจะต้องหลบซ่อนตัวและอยู่รอดให้ได้
ฉันตื่นเช้าขึ้นมาก่อนจะเริ่มแต่งตัวเพื่อเรียนคาบเช้า หลังจากรูดเนกไทสำหรับชุดยูนิฟอร์มแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองกระจก หวีเส้นผมยาวสลวยที่ตัดเป็นขั้นบันได เพื่อให้สไลด์ลงมาปกปิดต้นคอ และปล่อยให้ด้านหลังตรงยาวไปจนถึงบั้นเอว
หลังจากหมุนตัวมองความเรียบร้อยแล้ว ฉันจึงรวบมันขึ้นช้า ๆ พลางหยิบผ้าก๊อซออกมาพันรอบลำคอ
“อย่างน้อยก็พอหลอกได้ละนะ ขอร้องเถอะ”
ฉันใช้ผ้าก๊อซพันแผลสีขาวพันประมาณสามถึงสี่ทบ ก่อนจะหยิบริบบิ้นสีแดงผูกเป็นโบทับลงไปอีกชั้น ให้คล้ายกับว่าลำคอเคยถูกกัดไปแล้ว อายแชโดว์เนื้อครีมสีแดงแตะบนนิ้ว ก่อนที่ฉันจะบีบคอตัวเองเพื่อแต้มรอยนิ้วมือลงไป ถึงปาดสีม่วงทับเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ใบหน้าซีดเซียวที่ฉันพยายามจะใช้รองพื้นให้สว่างกว่าผิวหนึ่งเบอร์ กลบด้วยแป้งรองพื้นลงไป
เท่านี้ฉันก็เหมือนผีดิบที่ถูกดูดเลือดไปเป็นลิตร ๆ แล้ว
หวังว่าจะไม่มีใครจับได้นะ
มันคือกิจวัตรที่ฉันต้องทำในทุกวันเพื่อการอยู่รอด
“ไอรีนทางนี้”
“สวัสดีเจอโรม” ฉันยกมือทักทายเพื่อนสนิทด้วยท่าทีง่วงซึม อันที่จริงก็ไม่ได้แสดงทั้งหมด เพราะห้องข้าง ๆ กรีดร้องทั้งคืนจนฉันไม่ได้หลับได้นอน
ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง
หวังว่าแวมไพร์ตนนั้นจะปรานีไม่ดูดเลือดเธอไปจนหมดตัว
“นายเธอโหดร้ายมากเลยเหรอ เขาเหมือนจะรุนแรงมากเลยนะเนี่ย”
“นายไม่อยากรู้หรอก แค่วันเดียวฉันบรรยายไม่หมดด้วยซ้ำ” ฉันแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงโรยแรง หยิบแท็บเล็ตสำหรับจดบันทึกขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“โชคดีที่ฉันยังไม่ถูกเลือก อาจจะเพราะแวมไพร์เพศหญิงมีน้อยด้วย”
ในโลกนี้ยีนของแวมไพร์ส่งผ่านทางโครโมโซมเพศชาย เล่ากันว่าหากเกิดมาเป็นหญิงมักจะมีลักษณะด้อย ไม่แข็งแรง และตายไปก่อนจะได้เติบโต ดังนั้นสัดส่วนแวมไพร์ชายจึงมีมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
“อย่าคิดว่าจะมีแต่เพศหญิงที่เลือกนายสิ ระวังตัวไว้เถอะ อย่าปล่อยให้คอนายว่างเกินไป” ฉันเตือนกลาย ๆ แต่ไม่เล่าวิธีที่ฉันทำให้ฟัง ทำเพียงชี้ไปที่คอของเขา
ในโลกที่มนุษย์ต้องเอาตัวรอดสูงฉันไม่สามารถไว้ใจใครได้ทั้งนั้น
“เธอคงไม่บอกว่า...”
“ระวังตัวไว้ดีกว่า นายอย่าชะล่าใจไปเจอโรม” เขาตัวเล็กและเตี้ยเกือบเท่าฉัน ฉันคล้องคอเจอโรมพลางเป่าลมไปที่หูของเขา เท่านั้นเจอโรมก็ขนลุกจนร้องออกมา
“จริงดิ ขนลุก”
เสียงตกใจของเจอโรมเรียกให้คนทั้งห้องหันมาสนใจเรา สายตาหลากสีมองเหยียดมาที่ฉันและเจอโรม
“ฉันนึกว่าห้องนี้จะมีแต่พวกลูกครึ่งและมนุษย์น้อย ยังมีสวะหลุดรอดมาด้วย” ดวงตาที่มองมาวาววับราวกับต้องการจะฉีดเนื้อฉันออกเป็นชิ้น ๆ สิ่งที่ทำได้คือต้องไม่เด่นและอยู่เป็นเท่านั้น
ฉันกับเจอโรมยืนขึ้นพร้อมกันก่อนจะโค้งตัวและเอ่ยขอโทษ
“ขอโทษค่ะนายท่าน”
“เอาละ! กายวิภาคสำหรับแวมไพร์ในวันนี้ พวกมนุษย์มีฟีโรโมนที่สร้างจากต่อมหมวกไต และจะหลั่งออกมาทางสารคัดหลั่ง ตามผิวหนัง ซอก ข้อพับต่าง ๆ หรืออวัยวะเพศ”
“อุบ” แค่ฟังแค่นั้นฉันก็รู้สึกอยากจะอ้วกออกมา
“ไอรีนเธอไหวไหม”
“อือ” น้ำเปรี้ยวจากกระเพาะตีย้อนขึ้นมาที่คอ รู้สึกสะอิดสะเอียนแทบบ้า
“มนุษย์ด้วยกันอาจได้กลิ่นกันเอง แต่แวมไพร์จะได้กลิ่นจากคู่โชคชะตาเท่านั้น”
ฮือฮาาาาา