ตึก! ตึก! ตึก!
“คุณหญิงวดีเจ้าคะ!!อย่าวิ่งเจ้าค่ะ!!”
“ข้ารีบนิดพี่แม้น! พวกพี่ก็ช่วยตามมาเร็ว ๆ หน่อยได้รึไม่?” เราบอกกับทาสพี่เลี้ยงของเราที่เดินช้าอย่างกับอะไรเรายิ่งอยู่ด้วย
“เป็นแม่หญิงก็ควรสงบหน่อยนะเจ้าค่ะแบบนี้ใครมาเห็นมันมิงามเจ้าค่า” พี่แจ่มทาสอีกคนของเราบอก เรารีบแสดงออกมาอย่างไม่พอใจทันที
“ก็ช่างเขาสิ ข้ามิได้สนใจสักหน่อยวันนี้ท่านพ่อกลับมาแล้วและข้าก็ต้องการรีบไปหาด้วย” วันนี้เป็นวันที่ท่านพ่อกลับมาหลังจากที่ไปราชการที่วังหลวง ไปนานตั้งหลายเดือนแล้ว เราคิดถึงและอยากได้ของที่ท่านพ่อจะนำมาฝากแล้ว
“แต่ถึงอย่างนั้นก็มิควรเจ้าค่ะ และอีกอย่างท่านเจ้าคุณมิหนีไปไหนหรอกเจ้าค่ะ”
“ไม่รู้ล่ะข้ารีบตามไม่ทันก็ตามใจเถอะ!” เราบอกอย่างเอาใจแต่ก็เราอยากเจอเจ้าคุณพ่อแล้วนิ
ตึก! ตึก! เรารีบวิ่งโดยมิได้สนใจเรียกของพี่แม้น พี่แจ่มที่เรียกตามหลังมา
“คุณหญิง!!!อย่าวิ่งเจ้าค่า!!!!!”
โป๊ะ!!!
“โอ๊ยยยยยย” และขณะที่เรากำลังวิ่งอยู่นั้นเองอยู่ ๆ ก็มีบางอย่างตกลงมาใส่หัวของเรา... และก็พบว่าสิ่งนั้นมันเหมือนหนังสือ
“หนังสืออะไรกันมาร่วงใส่หัวข้าได้?!” เรามองไปบนท้องฟ้ากว้างที่ไม่น่าจะมีหนังสือลอยมาได้ เรามองอย่างพิจารณาก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมา...
พรึ่บ!
“อักษรอันใดกันข้ามิเคยพบเคยเจอมาก่อน...” เมื่อเราเปิดดูภายในหนังสือแล้วก็พบว่าอักษรมันแปลกตายิ่งนัก
“วันหนึ่งข้าวตัง...!!!” เราตกใจทันทีที่เราสามารถอ่านหนังเล่มนี้ได้
“ทะทำไมกัน?” ทั้งที่เป็นอักษรที่เราไม่เคยเจอมาก่อนแท้ ๆ มันหมายความว่าอย่างไง?
ตึก! ตึก!
“แฮ่ ๆ คุณหญิงเจ้าค่ะอย่าวิ่งเลยเจ้าค่ะพวกพี่ตามไม่ทัน...” เสียงหอบเพราะเหนื่อยของพี่แม้นพูดกับเรา
“อันใดน่ะเจ้าคะ?” พี่แจ่มถามสิ่งที่อยู่ในมือของเรา วันนี้ท่านพ่อกลับมาพอดีไปถามหน่อยดีกว่าเพราะไม่อโยธยานี้มิมีใครเก่งกาจเรื่องอักษรเท่าเจ้าคุณพ่ออีกแล้ว^^
“หนังสือน่ะ..”
“แล้วเอาจากไหน...คุณหญิงวดี!!!!” เราไม่รอฟังคำถามของพี่แจ่มรีบเดินไปหาท่านพ่อเพื่อถามเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้
ตึก! ตึก!ตึก! ตึก!
“ตายแล้ว!!!แม่วดีวิ่งแบบนั้นได้เยี่ยงไร?” เสียงของท่านแม่อย่างตกใจเมื่อพบว่าเราวิ่งมาอย่างรวดเร็ว รู้ว่ามิงามแต่อยากเจอเจ้าคุณพ่อเร็ว ๆ
“ขออภัยเจ้าค่ะท่านแม่แต่ลูกอยากเจอท่านพ่อไว ๆ สวัสดีเจ้าค่ะท่านพ่อ” เรากล่าวขอโทษก่อนจะรีบบอกเหตุผลและสวัสดีท่านพ่อที่ไม่ได้เจอมานานหลายเดือน
“พ่อพึ่งกลับมาไม่หนีลูกไปไหนหรอก ใจเย็น ๆ เถอะหนาแม่วดี” ท่านพ่อพูดอย่างเอ็นดูเรา ท่านไม่เคยดุเราเลยสักครั้ง ใจดีมาก ๆ ^^
“ลูกแค่มีเรื่องอยากถามเจ้าค่ะ^-^” เราส่งยิ้มไปให้เพราะอยากอ้อนท่านพ่อหน่อย
“หึ เรื่องหนังสือละสิ”
“เจ้าค่ะ...นี่ ลูกพึ่งเจอเมื่อกี้เลยค่ะแต่ลูกไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลยค่ะ” เรายื่นหนังสือไปให้ท่านพ่อ
“หืม?”
“อักษรอะไรแปลกประหลาดนัก?” ขนาดท่านพ่อยังงงเลยแล้วเราที่ไม่ได้เก่งกาจอะไรจะไม่งงสงสัยได้อย่างไร?
“นั่นสิเจ้าค่ะ...แต่ว่าลูกกลับอ่านมันได้อย่างน่าประหลาด?”
“ฮ่า ๆ นั่นเพราะเจ้ามีเลือดความฉลาดของข้ายังไงล่ะ”
“นั่นสิเจ้าค่ะ ท่านพ่อ”
“แล้วไปเจอมาจากที่ไหนเล่า?” เสียงของท่านแม่ถาม
“มันร่วงมาจากท้องฟ้าเจ้าค่ะ” เราตอบออกไปตามความจริง
“เหลวไหลจริง ๆ แม่คนนี้มันมิมีทางเป็นได้หรอกหนา..” นั่นไงขนาดท่านแม่ยังมิเชื่อเราเลย เฮ้ออออ
“ลูกพูดจริงนะเจ้าค่ะท่านแม่”
“ฮ่า ๆ ช่างเถอะแค่ไม่ได้ไปขโมยใครมาก็พอแล้วล่ะ” เสียงท่านพ่อพูดขึ้น
“ลูกไม่ได้ขโมยนะเจ้าค่ะ”
“แล้วลูกจะเอายังไงกับหนังสือเล่มนั้นล่ะ?” ท่านพ่อถามเรา
“อืม...ลูกของเก็บไว้ได้ไหมเจ้าคะในเมื่อไม่มีใครอ่านได้นอกจากลูกอยู่แล้ว?” เราถาม
“ได้สิ...แต่เรื่องนี้ต้องเป็นความลับแค่ภายในบ้านของเรานะเพราะถ้ามีบางอย่างแปลกออกไปทางวังหลวงคงได้ส่งคนมาและได้วุ่นวายเป็นแน่”
“เจ้าค่ะ ลูกจะไม่บอกใคร^^”