ตอนที่ 3

1169 Words
เมื่องานเลี้ยงเลิกราก็ถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาว พริมพริสายืนอยู่หน้ารถสปอร์ตสุดหรูแถมยังถูกตกแต่งไปด้วยลูกโป่งรูปหัวใจสีชมพูสวยหวาน ซึ่งคนที่จัดการคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่และป้าที่เป็นคนต้นคิด จะว่าไปแล้วเธอต้องไปอยู่ที่ไหนกัน ว่ากันว่าบ้าน (คฤหาสน์) ของจักรภัทรอยู่ชานเมือง ในความทรงจำของเธอที่เหลืออยู่ เธอก็มักจะไปวิ่งเล่นที่บ้านของเขาอยู่บ่อยครั้ง เพราะแม่ของเธอกับแม่ของจักรภัทรก็เป็นเหมือนญาติห่าง ๆ ที่สนิทกัน เพียงแต่ว่าห่างจนสามารถแต่งงานกันได้ก็เท่านั้นเอง “แพร ต่อไปนี้หนูต้องไปอยู่กับพี่เขา อย่าดื้ออย่าซนนะลูก” วรันยาโอบกอดลูกสาวคนเล็ก หัวใจเหมือนถูกบีบเมื่อคิดได้ว่าลูกสาวต้องออกไปอยู่ข้างนอกตั้งแต่ยังเด็ก พริมพริสากลืนก้อนสะอื้นลงคอ พยายามทำตัวให้สดใสร่าเริงเหมือนปกติเพื่อให้มารดาสบายใจ “ค่ะแม่ แพรจะไม่ดื้อไม่ซน” แขนเล็กยกขึ้นกอดตอบร่างอวบท้วมของวรันยาอย่างคิดถึง “แม่ฝากน้องด้วยนะคุณใหญ่” วรันยาหันไปเอ่ยกับลูกเขยป้ายแดงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จะว่าไปแล้วสองคนนี้ก็ดูเหมาะสมกันแปลก ๆ ยิ่งได้เห็นสายตาเอ็นดูเบาบางจากจักรภัทรแล้ว เธออาจจะคิดถูกก็ได้ที่ให้ พริมพริสาแต่งงานแทนพรรณรายที่หนีไป “อย่าดุน้องนักล่ะ น้องยังเด็ก” พรรษา ผู้เป็นมารดาของจักรภัทรเอ่ยสำทับอีกชั้น ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับกันอย่างดี เมื่อร่ำลากันเสร็จ สองบ่าวสาวขึ้นรถสุดหวานแหววและขับออกไปจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว จักรภัทรขับตรงไปยังบ้านหรือเพนท์เฮาส์ของตนที่ถูกจัดเป็นเรือนหอแล้วเรียบร้อยโดยแม่ของเขา ที่ดูเหมือนค่อนข้างเห่อลูกสะใภ้ตัวเล็กที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมปลายอยู่ไม่น้อย ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้าหวานที่หันมองข้างทาง ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะต้องมาแต่งงานกับเด็กที่เพิ่งจะอายุสิบแปด เรียกรุ่นกันคงเป็นรุ่นอากับหลาน ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธงานแต่งงานที่มาพร้อมกับเหตุผลส่วนตัวและเหตุผลทางธุรกิจ เพราะตระกูลของพริมพริสานั้นเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีเส้นสายมากมาย มากพอที่จะทำให้ธุรกิจของเขาเป็นไปอย่างไม่มีเหตุต้องสะดุด และดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ก็จะรู้วัตถุประสงค์ของการแต่งงานครั้งนี้ดีอยู่แล้วเหมือนกัน ถึงได้ไม่มีท่าทีโวยวายเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นทั่วไป เท่าที่สังเกตถึงจะไม่ใช่เด็กชอบโวยวายอย่างที่เขาเคยเจอ แต่สายตากลับดูซุกซนอยู่ไม่น้อยตามประสาเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็นตามวัย เมื่อเดินทางมาถึงเรือนหอ พริมพริสาพบว่าข้าวของเครื่องใช้บางส่วนของเธอถูกนำมาจัดไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว ก็คงจะเป็นมารดาของเธออีกนั่นแหละที่คอยจัดการเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เธออยู่เสมอ แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ถูกเอามาไว้ที่นี่แล้วด้วย จะว่าไปเพนท์เฮาส์ที่เธอจะต้องเรียกว่าบ้านหลังใหม่ ก็ดูจะแพงมิใช่น้อย ไม่ว่าจะอยู่บนตึกชั้นสูง ๆ ที่มีแต่ระดับไฮโซเงินเหลือใช้เท่านั้นที่สามารถซื้อได้ ด้านนอกมีกระทั่งสระว่ายน้ำส่วนตัว ระเบียงอีกด้านก็ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เดินไปตามถนนอีกนิดหน่อยก็เจอกับห้างสรรพสินค้าของสามี แถมไม่ไกลกว่านั้นก็ยังมีโรงละครที่เธอชอบไปดูบ่อย ๆ ด้วย ถึงจะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ทุกอย่างในความคิดก็เพื่อกลบความรู้สึกบางอย่างในตอนนี้... เธอแทบไม่เคยคุยกับจักรภัทรเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เธอสาบานว่าจะแต่งงานด้วยต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าก็เถอะ แต่เธอก็ยังไม่คุ้นเคยกับเขาอยู่ดี มันค่อนข้างไม่ต่างจากคนแปลกหน้าสักเท่าไหร่ในเวลานี้ “แพร...” เสียงทุ้มเรียกชื่อเจ้าสาวของตนที่ยืนนิ่งเป็นหินทันทีที่เข้ามาในบ้านของเขาที่บัดนี้กลายเป็นเรือนหอไปเสียแล้ว ร่างน้อยสะดุ้งสุดตัวเหมือนถูกดึงออกมาจากภวังค์ ค่อย ๆ หันไปมองต้นเสียงที่นั่งบนโซฟาตัวยาวอยู่ก่อนแล้ว “คะ! คุณใหญ่?” สาวน้อยเอียงคอถามตามความเคยชิน ที่บรรดาญาติครั้งเมื่อเธอยังเด็กบอกว่ามันน่ารัก ทำให้เธอเคยตัวจนติดเป็นนิสัยเวลามีใครเรียก ทว่าเธอกลับรู้สึกไม่ชินหูนักเมื่อถูกคนตรงหน้าเรียกด้วยชื่อเล่นที่มีแค่คนสนิทเท่านั้นที่เรียกได้ แต่สำหรับเขานั้นค่อนข้างจะก้ำกึ่งเสียมากกว่า ถึงแม้ว่าสองครอบครัวจะสนิทกัน แต่ก็ใช่ว่าลูก ๆ ของพวกเขาจะสนิทกันเสียหน่อย โดยเฉพาะเธอกับจักรภัทร เจ้าบ่าวของเธอที่เพิ่งได้คุยกันไม่กี่ประโยคก็ถูกจับแต่งงานกับเสียแล้ว ยิ่งสิ่งที่เธอได้ยินมาว่าจักรภัทรนั้นเป็นผู้ชายที่เอาจริงเอาจังกับงานมาก งานแต่งงานครั้งนี้เขาก็มองเห็นเป็นแค่ธุรกิจอย่างหนึ่ง แถมยังมีนิสัยเย็นชาราวกับมนุษย์ก้อนน้ำแข็งเดินได้ ซึ่งเธอก็ได้สัมผัสมาแล้วระหว่างเดินทางมายังบ้านแห่งนี้ นอกจากเย็นชาแล้วยังดุมาก ถ้าหากมีใครทำงานผิดพลาดจะไม่มีการลดหย่อนผ่อนโทษ และสุดท้ายคือเจ้าระเบียบ ดูได้จากเสื้อผ้าที่หารอยยับไม่ได้เลยสักนิดเดียวแม้จะผ่านสมรภูมิมาทั้งวัน อีกทั้งห้องหับตั้งแต่เธอเข้ามาก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความไร้ระเบียบเลยแม้แต่น้อย ข้าวของทุกอย่างถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบ และสวยงาม ผิดไปจากที่เธอเคยคิดไว้ว่าบางทีเขาอาจจะมีมุมส่วนตัวของตัวเอง พริมพริสาเผลอสบตาคมกริบเข้าก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยขึ้นสีจางเมื่อพบว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วเกินไปอย่างไม่รู้สาเหตุ รุนแรงเสียยิ่งกว่าตอนที่จูบสาบานอีกต่างหาก “เราแต่งงานกันแล้ว เรียกพี่เถอะ แล้วถ้าจะอาบน้ำ ก็อาบก่อนเลยแล้วกัน พี่จะทำงานก่อน ห้องน้ำอยู่ทางนั้น” ตากลมโตกะพริบปริบ ๆ เมื่อต้องเปลี่ยนคำเรียกเสียใหม่ พี่ก็พี่... แต่มีพี่ที่อายุมากกว่าถึงสิบแปดปีนี่ เรียกได้ว่าลำบากใจจริง “ค่ะ” เสียงหวานตอบเบาหวิว ก่อนเดินไปยังห้องหอ เอ๊ย ห้องนอนที่เตรียมไว้แล้ว โดยไม่หันไปมองเจ้าบ่าวของตน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD