ตอนที่ 1
“ดูทำหน้าเข้าสิ ยิ้มสวย ๆ หน่อยสิลูก คนกำลังจะเป็นเจ้าสาว จะมานั่งอมทุกข์อยู่ได้ยังไงกัน” วรันยาผู้เป็นมารดาเอ่ยดุ เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กทำหน้างอง้ำไม่เหมาะสมกับชุดเจ้าสาวที่กำลังสวมอยู่
“แล้วแพรดูเหมือนคนมีความสุขเหรอคะแม่” พริมพริสาตอบเสียงอ่อน เธอไม่รู้สึกยินดีกับการแต่งงานในครั้งนี้เลยสักนิด เพราะต้องทำหน้าที่ตัวแทนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความจริงแล้วคนที่ควรสวมชุดนี้คือพี่สาวของเธอ พรรณราย ต่างหาก
ใบหน้าสวยหม่นหมองลงทันทีเมื่อมองดูชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์บนตัว ทั้ง ๆ ที่สวยงามแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในฝันร้าย เธอเพิ่งจะอายุสิบแปด! แต่เธอกลับต้องมาแต่งงานกับผู้ชายรุ่นราวคราวคุณอา จะให้ดีใจได้อย่างไร!
ต้องยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีบุญคุณต่อครอบครัวของเธอมากก็ตาม
“เพราะพี่แพงหนีไป เลยทำให้แพรต้องมารับเคราะห์แทนแบบนี้ยังไงล่ะคะ” หญิงสาวนึกถึงสีหน้าของพี่สาวเมื่อถูกสั่งให้แต่งงานหลังถูกหมั้นมานานสิบปี และครั้งสุดท้ายเมื่อพี่สาวของเธอหนีออกไปจากบ้านพร้อมเงินสดอีกสองกระเป๋า ก่อนทิ้งไว้แค่จดหมายลา ที่เขียนแค่ว่าจะไม่กลับมาจนกว่าจะทำตามฝันสำเร็จ
แล้วเธอไม่มีความฝันหรืออย่างไร... เธออายุเพิ่งสิบแปดปี ยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมาก เธออยากทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่รัก วางแผนชีวิตด้วยตัวเอง และได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก... แต่ทุกอย่างกลับมืดมนไปหมดเมื่อเธอต้องมาแต่งงานแทนพี่สาวตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลายด้วยซ้ำ ถึงหลาย ๆ คนจะอิจฉาคู่แต่งงานของเธอเถอะ เพราะเขาคือลูกชายคนโตของตระกูลพิศาลสกุล
จักรภัทร พิศาลสกุล เจ้าของธุรกิจห้างสรรพสินค้า โรงแรม และสินค้าส่งออกอีกมากมาย แถมด้วยหน้าตาหล่อเหลาอย่างกับดารา รูปร่างสูงใหญ่กระชากใจสาว ๆ ขนาดนั้น ทุกอย่างทำให้เขาดูเหมือนอยู่คนละโลกกับเธอ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรทำไมเขาถึงได้ยอมตกลงแต่งงานกับเธอแม้ว่าพี่สาวเธอจะหนีไปแล้ว ซึ่งก็เป็นการหักหน้าไปแล้วครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สองคือการให้เธอมาเป็นตัวแทนของพี่ ซึ่งเขาก็ดันตอบรับแต่โดยดีอีก ผิดกับเธอที่อยากจะหนีตามพี่สาวไปอีกคน ติดที่ว่าตอนนี้เธอยังแบมือของเงินพ่อแม่ใช้อยู่นี่สิ การจะหักดิบหนีออกมาตัวเปล่าเลยก็ทำไม่ได้ เธอถึงได้ยอมเป็นตุ๊กตาไปก่อน อย่างน้อยก็รอแค่เวลาที่เขาเบื่อเธอไปเอง ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เป็นอิสระเสียที
“คิดอะไรอยู่แพร นั่งเงียบเชียว”
“คะแม่?” หญิงสาวสะดุ้งเสียงของแม่ปลุกให้เธอออกมาจากห้วงความคิด
“ห้ามคิดอะไรแผลง ๆ เชียวนะ ถ้าลูกหนีไปอีกคนล่ะก็ ครอบครัวเราคงไม่มีหน้าไปเจอใครในสังคมได้อีก”
“ค่ะ” พริมพริสารับคำอย่างเสียไม่ได้ จริง ๆ แล้วต้องพูดว่าไม่มีจะเสียมากกว่า ในเมื่อพวกผู้ใหญ่ต่างจัดแจงข่าวเรื่องงานแต่งงานของพวกเธอออกไปแล้วเป็นวงกว้าง รวมถึงข่าวลือเรื่องที่ว่าเจ้าสาวอายุน้อยกว่าเจ้าบ่าวถึงเท่าตัว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็แทบไม่เคยคุยหรือทำความรู้จักจริง ๆ กับว่าที่เจ้าบ่าวคนแรกของเธอเลยสักครั้ง คิดว่าในสมองของเขาคงมีแต่คำว่างาน งาน แล้วก็งาน
ก็เขาเป็นถึงเจ้าของธุรกิจหมื่นล้านนี่นะ คงไม่มีเวลามาสนใจเด็กกะโปโลอย่างเธอหรอก ดูขนาดวันนี้สิ เป็นวันเลือกชุดเจ้าสาวแท้ ๆ เขาก็ยังคงติดอยู่ที่ประชุมเหมือนเดิม หวังว่าหลังแต่งงานไปแล้วเขาจะยังอยู่แต่กับงานนะ เธอจะได้ทำอะไรตามใจตัวเองเหมือนเดิม
ตอนนี้เธอถูกแม่จับแต่งตัวด้วยชุดเจ้าสาวร่วมสิบชุดได้ เพราะยังเลือกไม่ได้สักที
“คุณแม่ขา เลือกได้หรือยัง” เสียงใสถามอย่างเหลืออด เธอไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงเสียด้วยสิ ส่วนหนึ่งก็เพราะการถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละ ทำให้เธอมีนิสัยเสียมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เธอจะไม่โทษใคร เพราะเธอเลือกที่จะเป็นแบบนี้เอง จนกรรมได้ตามสนองในวันนี้นี่แหละ
คนเป็นแม่เมื่อถูกถามอย่างนั้นก็ได้แต่มองค้อนวงใหญ่
“งั้นลองชุดนี้ดูไหม”
“ถ้าหนูใส่ชุดนี้ หนูว่าได้เหยียบชายกระโปรงหน้าทิ่มพื้นก่อนถึงแท่นพิธีแน่ ๆ” เสียงใสบ่นเมื่อเห็นชุดที่แม่เธอเลือก เป็นชุดที่ค่อนข้างรัดรูปเหมือนชุดที่เห็นบนเวทีนางงามอยู่บ่อย ๆ
“ตายแล้ว หยาบคายมาก”
“คุณแม่ขา แพรให้คุณแม่เลือกตามใจเลยนะคะ เอาแบบที่ใส่แล้วสบายที่สุดก็พอ”
“ให้แม่ไปแต่งแทนเลยไหม” วรันยาค้อนให้ลูกสาวอีกที ความจริงเธอก็ไม่อยากจะบังคับให้ลูกสาวเธอแต่งงานตั้งแต่ยังเด็กหรอก เพียงแต่ว่าตระกูลพิศาลสกุลนั้นมีบุญคุณต่อครอบเธอมาก มากจนชดใช้ทั้งชาติก็ชดใช้ไม่หมด และเมื่อเขาขอให้ครอบครัวพวกเราได้เกี่ยวดองกันเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ถึงแม้ว่าลูกสาวคนแรกที่หมายตาให้แต่งงานนั้นจะหนีไปแล้วก็ตาม ทำให้ภาระทุกอย่างไปตกอยู่ที่พริมพริสา ลูกสาวคนเล็ก
“ขอโทษค่ะแม่ งั้นแพรช่วยเลือกก็ได้ ยังไง ๆ ว่าที่เจ้าบ่าวเขาก็ไม่ได้สนใจว่าเจ้าสาวจะแต่งตัวยังไงอยู่แล้ว” ไม่วายก็หันไปโทษคนที่เห็นหน้านับครั้งได้ที่ไม่ได้สนใจใยดีว่าที่เจ้าสาวเลยสักนิด ก็ขอให้ไม่ต้องมาสนใจเธอให้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน