ตอนที่ 5

1397 Words
เช้าวันต่อมาควินน์ขับรถไปจอดที่หน้าหอพักหรูแล้วเฝ้าแอบมองดูเงียบๆอย่างอารมณ์ดี ฮานะปั่นจักรยานตามที่บอกเขาเอาไว้จริงๆด้วย นั่นทำให้ต้องเว้นระยะห่างมากพอสมควรเธอจะได้ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งมาถึงสตูดิโอขนาดใหญ่ถึงได้แอบตามเข้าไปเงียบๆเพื่อเฝ้ามองดูทุกการกระทำของเด็กวัยสิบเก้าปี ไม่ว่าจะเวลาไหนเธอก็สดใสเสมอเลย ฮานะที่แปลดอกไม้ของเขาคนเดียว! "ขนมที่ซื้อให้เมื่อวานนี่นา" "กินแล้วจะคิดถึงคนซื้อให้บ้างไหมนะเด็กน้อย” เขาใช้ช่วงที่ทุกคนกำลังทำงานหาที่หลบซ้อนตัวในมุมมืดที่สามารถมองได้ทุกอย่าง ฮานะสวมชุดน่ารักเชียวแต่ว่าบางชุดก็เปิดเผยเรือนกายมากไปหน่อย ผิวขาวนวลสะท้อนแสงดีจริงเชียวแถมลำคอเล็กนั่นก็น่าจะมีรอยเขี้ยวตีตราจองเอาไว้จริงๆ เขานอนมองอยู่นานเท่าไรไม่รู้ถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปเล็กน้อย บรรยายกาศที่สดใสเริ่มอื้ออึงคล้ายว่ามีหมอกม่านบางอย่างมาปิดกั้นเอาไว้ ความสงสัยอยู่ในหัวได้ไม่นานคำตอบก็เดินเข้ามาทันทีแถมยังหันหน้ามาทางเขาอีกด้วย ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันนะ? ทำไมถึงให้กลิ่นอายแปลกๆขนาดนี้ได้ เรามองกันเงียบๆแล้วอีกฝ่ายก็ยิ้มให้แต่ก็ไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แววตาที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกจนดูไร้ชีวิตชีวา กลิ่นกายไม่มีลอยฟุ้งออกมาเหมือนคนธรรมดาทั่วไปจนน่าสงสัย และไม่มีจิตสังหารแผ่ออกมาอีกด้วย เขาทำได้เพียงแค่มองด้วยความสงสัยและเป็นห่วงฮานะมากที่สุด แต่จะเข้าไปขัดขว้างก็ไม่ได้ ทุกคนในที่ตรงนั้นดูปรกติไม่ได้รู้สึกอะไรเลย การถ่ายแบบเป็นไปด้วยดีตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นเหมือนที่กังวล ฮานะเปลี่ยนชุดเสร็จก็รับเงินแล้วเดินออกไปเพื่อปั่นจักรยานคันเดิมเพื่อกลับหอพัก “ไม่ตามไปเหรอคะ?” “เธอ…” “ความจริงที่นี่ไม่ใช่สถานที่เปิดต้อนรับคนแปลกหน้าหรอกนะคะ คนอย่างคุณก็ไม่ควรจะเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ ฉันเห็นว่าคุณไม่ได้สร้างความเดือนร้อนอะไรเลยไม่ได้ว่า แต่ครั้งหน้าอย่าทำนิสัยแบบนี้อีกนะคะ ถ้ามีคนอื่นรู้ว่ามันจะเสียชื่อเปล่าๆ” “เธอ!!” ความเร็วของเขาเทียบไม่ได้กับมนุษย์หน้าโง่คนนี้เลยด้วยซ้ำ เพียงแค่จะขยับตัวก็ถูกผลักออกจนตัวกระแทกผนังในมุมมืด ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาแต่จะเป็นตัวอะไรก็เดาไม่ถูกเลยเหมือนกัน ท่าทางอ่อนแอแบบนี้ไม่น่าจะมีปัญญาทำอะไรเขาที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก็ทำได้ดีเกินไป แล้วประสาทสัมผัสถึงสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่คนก็ยังดีเยี่ยมในแบบที่ไม่ค่อนได้พบเจอเท่าไรนัก เพราะขนาดพวกนักล่าเก่งๆยังพ่ายแพ้ต่อการอำพรางตัวที่แนบเนียบแบบนี้ของแวมไพร์ในชนชั้นสูง “แวมไพร์อย่างพวกคุณคิดว่าตัวเองเก่งจนไม่มีใครเอาชนะได้เลยรึไงคะ?” “ถ้าฉันคิดแบบนั้นเธอคงตายตรงนี้แล้ว” “คุณทำไม่ได้หรอก…ไม่มีวัน” เขายังไม่ได้พูดอะไรต่อก็ถูกผลักอีกครั้งแต่กลับมาโผล่ในรถของตัวเองซะอย่างนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงพวกใช้เวทมนตร์ทำได้ แต่ว่าต้องแข็งแกร่งขนาดไหนถึงทำได้ขนาดนี้ละ ไหนๆก็ถูกส่งกลับมาแล้วขับรถตามฮานะไปดีกว่าเผื่อจะทันก่อนเธอเข้าหอพัก แล้วจากนั้นก็จะชวนไปเที่ยวด้วยกันในวันพรุ่งนี้ที่มีการจัดงานประจำปีขึ้น อยากเห็นรอยยิ้มแบบนั้นของฮานะจังเลย เธอต้องตื่นเต้นมากแน่! “ฮานะพึ่งมาถึงเหรอ?” “อื้ม แล้วคุณควินน์ไปไหนมาเหรอคะถึงผ่านมาแถวนี้ได้” “ฉันพึ่งทำธุระเสร็จน่ะ แล้วนี่เลิกงานตั้งนานทำไมพึ่งกลับมาถึงละ?” “หนูแวะซื้อข้าวกลับมากินค่ะ แล้วคุณรู้ได้ไงว่าหนูเลิกงานนานแล้วละคะ?” “ขับรถผ่านน่ะ” “อ๋อ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอขึ้นห้องก่อนนะ วันนี้เหนื่อยมากจนแทบลืมตาไม่ขึ้นแล้ว” “พรุ่งนี้ว่างรึเปล่า?” “ว่างค่ะ หนูน่าจะหยุดงานไปอีกอาทิตย์มั้ง” “งั้นพรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหมฮานะ” “เที่ยวอะไรอีกเหรอคะ?” “งานประจำปีน่ะ หนูเคยไปรึยัง?” “ยังเลยค่ะ แต่เฮียชางก็ชวนเหมือนกัน” “ไปกับฉันดีกว่าตั้งเยอะ อีกอย่างนะ…เลี้ยงขนมไม่อั้น” “จริงเหรอคะ!? หนูจะกินขนมเท่าไรก็ได้ใช่ไหมคะ?” “อื้ม เอากระเป๋าเงินฉันไปถือเองเลยก็ได้นะถ้าไม่เชื่อ แล้วนี่ไปซื้อข้าวมาแต่ยังไม่กินใช่ไหม?” “อื้ม” “กินด้วยคนสิ ฉันก็ซื้อของมาเยอะเหมือนกันแถมมีขนมด้วยนะ ฉันว่าหนูน่าจะชอบ” “จะกินข้าวกับหนูที่นี่เหรอคะ?” “ใช่ ฉันจะมื้อค่ำกับหนูแล้วค่อยกลับบ้าน” “ก็ได้ค่ะ” เธอไม่รู้ว่าคุณควินน์คิดอะไรอยู่ถึงจะอยู่กินมื้อค่ำด้วยกันทั้งที่เขาไม่จำเป็นต้องกินเลยด้วยซ้ำ อาหารจานหลักของพวกเขาคือเลือดเท่านั้นที่ช่วยเติมเต็มความหิวกระหายได้ เธอรู้ข้อนี้ดีเพราะว่าทำงานที่บลัดดี้คาเฟ่มานาน แถมยังทำงานชนิดที่ไม่มีเวลาจะทำอะไรต่อเลยหลังจากเลิกงาน เธอเป็นเด็กคนเดียวที่ทำงานแบบไม่ขอวันหยุดเลย เธอทำงานวันล่ะสิบกว่าชั่วโมงมาตั้งหลายเดือนก็เพื่อจะได้หยุดพักยาวๆ แล้วจากนั้นก็วางแผนจะหาอะไรอย่างอื่นที่ไม่เคยทำ เผื่อว่าจะได้รู้จักกับตัวเองมากขึ้นกว่านี้แล้วได้รู้จักโลกที่ไม่เคยรู้จักมานับสิบกว่าปี “ฉันถือให้เองดีกว่า” ของในมือเด็กน้อยมีเพียงไม่กี่อย่างหรอกแต่ว่าเขาชอบที่จะได้ดูแลไปแบบนี้ เราขึ้นลิฟท์มาด้วยกันเพียงไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออกในชั้นที่สิบสามของหอพัก แล้วเดินไปอีกไม่กี่ห้องก็ถึงแล้วห้องพักของฮานะแล้ว แต่ว่าที่นี่ค่อนข้างเงียบมากทั้งที่ความจริงมันน่าจะครึกครื้นกว่านี้สิ หรือไม่ก็วุ่นวายไปเลยเพราะมีอะไรหลายอย่างอาศัยที่นี่ แล้วเด็กที่กำลังสแกนนิ้วเข้าห้องก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวหรือวิตกกังวลอะไรเลยด้วยซ้ำ ภายในห้องพักค่อนข้างโล่งมาก “วันนี้หนูกินสลัดผลไม้แล้วคุณควินน์ละคะ?” “กรุ๊ปเอบีสองที่” “อ่า…วันนี้มีของใหม่เข้านี่นา แบบนี้คุณก็จะได้กินทุกกรุ๊ปเลือดเลยสิคะ หนูว่านะคุณน่าจะไปซื้อมากักตุนเอาไว้เยอะๆเพราะเวลาหมดจะได้มีของโปรดกิน แล้วอีกอย่างคุณก็กินแต่เกรดพรีเมี่ยมของก็เลยมีมาน้อย” “สำหรับฉันหนูจำได้แค่นี้เองเหรอฮานะ?” “จะให้หนูจำอะไรเยอะแยะคะ คุณควินน์ก็เห็นว่าตอนทำงานลูกค้ามีมาเยอะขนาดไหน แล้วลูกค้าก็ไม่ได้มีแค่แวมไพร์แบบพวกคุณสักหน่อย ที่คาเฟ่มีลูกครึ่งปีศาจเลือดเป็นลูกค้าประจำด้วยนะ แถมยังมีลูกครึ่งปีศาจคนอื่นและลูกครึ่งภูติพรายอย่างอื่นอีก หนูจำได้แค่ว่าใครชอบกินอะไรแค่นั้นแหละค่ะ” “แล้วตอนนี้ละ?” “ทำไมเหรอคะ?” “ฉันพิเศษกว่าคนอื่นไหม?” “อื้ม คุณควินน์พิเศษกว่าคนอื่นอยู่แล้วค่ะ ก็คุณเป็นแวมไพร์ที่สามารถแยกเขี้ยวแล้วมากัดคอหนูได้นี่คะ แล้วอีกอย่างหนูก็ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วย ดังนั้นเราเป็นเพื่อนกันดีไหมคะ?” “เพื่อน!” “คงไม่ได้หรอก! เมื่อกี้หนูแค่ล้อเล่นเฉยๆ” “ฉันก็ว่างั้นแหละ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD