CHAPTER 1
“หอยลายไหมแอล”
“…ก็ไม่นะ แต่มีขน แอลเล็ม ๆ ไม่ได้ไปเลเซอร์อะ”
เจ้าของคำถามหันมามองฉันด้วยแววตาตกใจ ใบบัวอ้าปากค้างก่อนจะค่อย ๆ หันซ้ายหันขวาแล้วค่อยหยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าของฉัน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“แอลหมายถึงอะไร”
“หอย ก็บัวถามถึงหอย”
“หอยอะไร”
ฉันก้มหน้าลงมองที่ส่วนนั้นของตัวเองเป็นคำตอบให้กับอีกฝ่าย
เมื่อได้คำตอบจากฉัน มือขวาของใบบัวก็ทาบอยู่ที่หน้าอก ส่วนมืออีกข้างนวดคลึงที่ขมับของตัวเอง
“บัวคงถามไม่ชัดเจนเอง” ใบบัวพูดเบา ๆ แล้วค่อยชี้ไปที่แผงริมในล็อกถัดไป “บัวหมายถึงจะเอาหอยลายไปลองผัดไหม”
“อ้อ! ก็ว่าอยู่ นึกยังไงถึงใส่ใจคุณภาพหอยแอล นึกว่าจะแนะนำครีม” ฉันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจผู้คนรอบข้าง แต่อีกคนก็ดูน่าจะสนใจถึงได้เอามือปิดปากฉันไว้แล้วหันไปยิ้มบาง ๆ ให้กับคนที่มองมา
“เอาไปลองผัดดูก็ได้” ฉันให้คำตอบกับเพื่อนสนิท อีกฝ่ายจึงเดินนำไปที่แผงหอย มีทั้งหอยลาย หอยแครง หอยแมลงภู่ ซึ่งใบบัวซื้อมาทั้งสามอย่าง
วันนี้ฉันมาศึกษาวิชาแม่ศรีเรือนจากใบบัว ตามคำสั่งของมารดาที่เชี่ยวชาญด้านอาหารและปัจจุบันท่านเปิดร้านอาหารอยู่ที่อเมริกา จึงไม่ได้ถ่ายทอดวิชาส่งต่อมาให้ฉัน ก่อนหน้านี้แม่ก็จะสอนฉันทำอาหารอยู่หรอก แต่ฉันขี้เกียจเลยบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด กระทั่งฉันมีแพชชัน! แพชชันที่ว่าก็แฟนฉันนั่นเอง อยากทำอาหารให้แฟนกินไรงี้
Rrrr
-สุดหล่อของแอล-
พูดถึงแฟน แฟนก็โทรมา ฉันกดรับสายทันทีไม่มีรีรอ
“ค่าพี่เจ”
“(แอลอยู่ไหนอะ เสียงดังมาก)” เสียงโหวกเหวกจากแม่ค้าดังขึ้นตลอดทาง เรียกลูกค้าบ้าง คุยกับแผงอื่น ๆ บ้าง
“แอลอยู่ตลาดสด กำลังมาซื้อของไปฝึกทำอาหาร แอลว่าจะฝึกทำไว้ให้พี่เจกิน ว่าแต่พี่เจมีอะไรเหรอ”
“(…เอ่อ)” เงียบไปแวบหนึ่ง พอเปล่งออกมาก็ดูอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด
“มีอะไรหรือเปล่า” แม้จะระแวงไม่กล้าฟัง แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากรู้ อยากให้เขาพูดออกมา
ปึก!
“ขอโทษครับ”
ขณะเดียวกันฉันค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย เขาไม่ได้ผิดหรอก ฉันผิดที่หยุดเดินเสียดื้อ ๆ ไม่แปลกที่จะโดนคนข้างหลังชนเข้าให้อย่างจัง
“คือว่าพี่จะขอห่างจากแอล”
“ห่าง? ห่างหรือเลิกเอาดี ๆ คำว่าห่างมันก็แค่คำบอกเลิกอ้อม ๆ อะ คิดจะเลิกก็พูดตรง ๆ ไปเลยดิวะ” ฉันตะเบ็งเสียงใส่คนในสาย ทว่ารอบกายกลับเงียบสงบไปในทันใด
“(ใจเย็น ๆ หน่อย อย่าโวยวาย เพราะแอลเป็นงี้พี่ถึงจะขอห่าง)”
“ตอแหล!” พอจะเลิกก็สรรหาจุดแย่ของอีกฝ่ายมาเป็นข้ออ้าง
ในวันที่เขาจีบฉันก็เพราะฉันโวยวายใส่รุ่นพี่ที่หาเรื่องแกล้งรุ่นน้องในวันรับน้อง เขาบอกว่าเขาชอบที่ฉันไม่แอ๊บ กล้าพูดกล้าโวย แล้ววันนี้ฉันกลับกลายเป็นผู้หญิงไม่น่ารักไปเสียแล้ว ทั้งที่นิสัยฉันก็เป็นอย่างเดิม
“(เฮ้ย อย่ามาด่ากันงี้ดิ)”
“อย่ามาสั่ง แอลจะด่ายิ่งกว่านี้อีกถ้าพี่ไม่บอกว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร ในเมื่อคิดจะเลิกแล้วก็ต้องบอกเหตุผลมาให้ได้ดิวะ”
ตอบว่าหมดใจยังดีเสียกว่าการโยนความผิดต่าง ๆ มาให้ฉัน จริงอยู่ที่เมื่อก่อนฉันมักจะฉะให้พังกันไปข้าง ดูเหมือนเป็นคนใจร้อน แต่กับเขาฉันไม่เคยแสดงอาการแบบนี้ ฉันเป็นแฟนที่น่ารักของเขาเสมอ
“โวยวายในที่สาธารณะ ไม่เกรงใจคนอื่น ใครเขาจะอยากได้เป็นแฟน”
ฉันตวัดสายตาดุดันระคนเสียใจไปทางด้านขวาของตัวเอง เสียงทุ้มเมื่อครู่มาจากผู้ชายร่างสูง ลำตัวหนาแต่ดูแน่นไม่พุงพลุ้ย เขาสวมหมวกทำให้มองใบหน้าไม่ถนัด อีกทั้งเขายังเอี้ยวใบหน้าหลบสายตาของฉันอีกด้วย
“สาระ…”
“แอล ไปคุยที่บ้านเถอะ อายคนอื่นเขา” ใบบัวขัดขึ้นทั้งที่ฉันยังด่าชายคนนั้นไม่จบประโยค
ดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใสปรายมองไปรอบ ๆ พ่อค้าแม่ค้าผู้คนมากมายมองมาทางฉันเป็นตาเดียว
“ขอโทษคนอื่นเขาบ้างก็ดี กล้าเสียมารยาท ก็ต้องกล้าที่จะมีมารยาท” ผู้ชายคนนั้นพูดทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปจากบริเวณนี้ ไม่ทันได้มองว่าเขาไปทางไหน เพราะฉันหันมาค้อมศีรษะขอโทษทุกคน
ไม่ได้กลับไปที่บ้านใบบัวแต่พาเพื่อนรักมาอยู่ที่หอพักของตัวเองซึ่งห่างจากมหา’ลัยที่ศึกษาอยู่ไม่ไกลนัก ทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่มที่ไม่ได้มีเตียงรองรับแต่อย่างใด ปลายนิ้วจิ้มกดโทรเบอร์ที่โทรเข้ามาล่าสุด สัญญาณเรียกนานจนสายเกือบตัด ปลายสายถึงได้รับแล้วกรอกเสียงเข้ามาด้วยน้ำเสียงเอื่อย ๆ
“(มีไร)”
“ขอเหตุผลที่บอกเลิกหน่อย”
“(พูดไม่รู้เรื่อง พี่บอกว่าห่าง ห่าง ห่าง)”
“มันต่างกันตรงไหน”
“(ห่างก็คือขอเวลาไง ขอเวลาให้ได้ทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเรา ลองไม่เจอกัน ไม่คุยกัน เผื่อว่าความรู้สึกจะชัดเจนมากขึ้น)”
“พี่เจพูดแบบนี้ แอลว่ามันชัดเจนแล้วนะ”
ฉันลดโทรศัพท์ลงจากใบหูแล้วกดวงกลมสีแดงให้สายตัดไป กอดเข่าของตัวเองไว้แล้วฟุบหน้าลงเพื่อระบายความเสียใจออกมา มือนุ่มของใบบัวลูบที่แผ่นหลังของฉันอย่างเบามือ
พาร่างสั่นไหวจากการสะอื้นซุกเข้าที่อ้อมแขนของเพื่อนสนิท ได้ปลดปล่อยน้ำตาออกมามันโล่งไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังหน่วงในหัวใจอยู่ไม่น้อย…