CHAPTER 2
หลายวันต่อมา
ฉันพยายามทำใจเรื่องพี่เจ แต่มันก็ดูไม่เป็นผลเสียที เพราะยิ่งพยายามมันก็ยิ่งทำไม่ได้ ฉันยังคิดถึงเขาอยู่ทุกวัน และเขาเองก็โทรหาฉันทุกวันเช่นกัน อยากจะรับสายเขาอยู่หรอกนะ แต่ก็ใจแข็งเข้าไว้ ไม่รับเลยสักสาย ที่มหา’ลัยก็พยายามเลี่ยงไม่เดินผ่านทางหน้าตึกคณะที่เขาเรียน แม้จะต้องเดินอ้อมฉันก็ยอม
ก๊อก ก๊อก
ฉันผละตัวออกจากราวระเบียงหลังห้อง แล้วเดินมาที่ประตู ส่องดูก็ไม่เห็นว่ามีใครยืนอยู่ แต่ครู่หนึ่งก็มีเสียงเคาะอีกครั้ง คาดว่าเขาน่าจะยืนอยู่ข้างประตูแล้วเคาะ ถึงได้ส่องไม่เห็น ฉันคว้าไม้หน้าสามที่พี่เอ็กซ์เคยเอาไว้ให้ป้องกันตัวมาไว้ในมือ กระชับถือด้วยท่าทางทะมัดทะแมงแล้วใช้มืออีกข้างหมุนลูกบิด
เมื่อบานประตูเปิดออก ดอกไม้ช่อโตพลันส่งมาตรงหน้า เห็นเพียงข้อมือที่ถือฉันก็รู้ว่าเป็นใคร กำลังจะปิดประตูใส่แต่เจ้าของช่อดอกไม้นั้นก็ดันบานประตูเอาไว้ก่อน
“ไม่อยากห่างแล้วครับ”
หัวใจฉันเต้นตึกตักขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่ความเจ็บปวดที่มันฝังแน่นไว้กลับตีตื้นขึ้นมาในคราวเดียวกัน ความสับสนปนเปเข้ามาจึงตัดสินใจไม่ถูกว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ
“…แอล” เขาคงเห็นฉันเงียบและนิ่งไปนานถึงได้เรียกขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่เจกลับไปเถอะ”
“ไม่กลับ พี่จะไม่กลับจนกว่าจะง้อแอลสำเร็จ”
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความสับสนในใจ แต่สุดท้ายฉันก็เลือกที่จะเปิดประตูค้างไว้ และอีกฝ่ายก็ก้าวตามเข้ามา ไม้หน้าสามที่อยู่ในมือจึงถูกส่งไปดันหน้าท้องของเขาไว้ ใบหน้าของพี่เจแสดงอาการงุนงงอย่างชัดเจน
“ถอยออกไป แอลไม่ได้อนุญาตให้พี่เข้ามา”
แม้เขาจะยังดูสงสัยไม่หายแต่ก็ยอมถอยออกไปยืนที่หน้าห้องอย่างเดิม ฉันเปิดตู้เสื้อผ้าที่ทำจากไม้อัด เอาผ้าปูผืนบางออกมาแล้วส่งให้คนที่อยู่หน้าห้อง
“เห็นว่าพี่จะไม่ไปไหน แอลเลยใจดีเอาผ้าให้พี่ปูนั่ง”
“พี่ขอเก้าอี้ได้มะ” เขาหยอกล้อฉันกลับมาทั้งที่สีหน้าของเขาเมื่อครู่คล้ายจะโกรธขึ้ง แต่ก็ระงับเอาไว้แล้วทำเป็นหยอกกัน
“ไม่มี”
“ถามจริง” เขากะพริบตาปริบ ๆ แล้วมองเข้าไปในห้องขนาดเล็กที่มีแค่ฟูกปูด้วยผ้าปูสีขาวตัดกับสีชมพูอ่อน ๆ ของผ้าห่ม ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้าที่ด้านบนมีเบาะนุ่ม ๆ ไว้นั่ง ตู้ไม้สไตล์มินิมอลที่ด้านบนฉันใช้วางกระจกและเครื่องสำอาง
“อะไรวะเนี่ย” เขาพึมพำแต่ฉันก็ได้ยินชัด แค่ห้องไม่มีเก้าอี้ทำไมต้องทำหน้าประหลาดใจขนาดนั้น ก็ที่นี่มันเล็กคับแคบ ฉันจึงพยายามที่จะไม่เอาอะไรมาวางตั้งให้มันดูแคบกว่าเดิม มีแค่เบาะรองนั่ง พรมขนฟูสวย ๆ ไว้นอนกลิ้ง มีฟูกไว้นอนหลับก็พอแล้วนี่
“อยู่ได้ไงเนี่ย” พี่เจถาม
“ทำไมอะ ก็อยู่ได้สบายดีนะ” ฉันก็แต่งห้องไว้ได้น่ารักและน่าอยู่จะตายไป เพื่อน ๆ ฉันชอบทุกคน แม้แต่พี่เอ็กซ์ก็ยังเอ่ยปากชมว่าแต่งหอแคบ ๆ ได้น่าอยู่มาก ในบางครั้งพี่เอ็กซ์เบื่อไม่รู้จะซุกหัวอยู่ไหน ก็มานอนกลิ้งเกลือกอยู่ที่ห้องของฉัน
“แปลก”
แปลกตรงไหน? ฉันไม่ย้อนถามเพราะไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรนัก ปิดประตูใส่หน้าเขาอีกครั้งแต่เขาก็ยังคงดันประตูไว้อย่างเดิม
“ไปหาอะไรกินกัน แล้วเดี๋ยวพี่พาแอลทำเล็บด้วย ดีไหม” พี่เจพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ท่าทางวันนี้เขาจะตื๊อฉันอยู่อย่างนี้จริง ๆ
“ไม่”
ฉันปิดประตูใส่แล้วไปนั่งอยู่บนพรมขนฟูสีชมพูหวาน เอาหมอนมารองหลังแล้วเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากาง เปิดซีรีส์ดูอย่างสบายใจ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูเพราะไม่มีอารมณ์จะดู แต่พอพี่เจมาง้อ ความรู้สึกของฉันก็กลับมาดีเหมือนเดิม
หลังจากที่ดูไปร่วมสามชั่วโมง ฉันมองไปที่ประตูห้อง ไม่รู้ว่าพี่เจยังอยู่หรือเปล่า จึงตัดสินใจลองเดินไปแง้มประตู
“แอล แอลหายโกรธพี่แล้วใช่ไหม” พี่เจลุกขึ้นยืน หน้าตาประกายความดีใจออกมา ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ ปฏิเสธ
“แอลแค่จะออกไปหาไรกิน” ก็แค่ข้ออ้าง ฉันจะออกมาดูว่าเขายังอยู่ไหมต่างหากล่ะ
“อยากกินไร เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
“ไม่ต้อง”
“แอลไม่ค่อยมีเงินไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ฉันไม่ค่อยมีเงิน? ใครบอกเขาเนี่ย แต่เอาเถอะ จะคิดอะไรเข้าใจแบบไหนก็แล้วแต่เขา
“แอลมีเงินกินข้าว”
“เออน่า พี่ขอเลี้ยงแอลนะ ถ้าแอลจ่ายเองแอลก็เลือกแต่ร้านอะไรก็ไม่รู้”
ฉันเกาท้ายทายตัวเองแกรก ๆ เขาพูดจาแปลก ๆ อย่างไรชอบกล ฉันก็กินแต่ร้านประจำที่เคยกิน และร้านแต่ละร้านก็อร่อย ราคาถูก สะอาด แม้จะอยู่ข้างทางก็ตาม แต่กินแล้วไม่เคยท้องเสียสักครั้ง
ยังไม่ทันสิ้นสงสัยแขนของฉันก็ถูกเขาฉุดออกจากห้องแล้วปิดประตูไปในทันที เขาพาฉันนั่งแท็กซี่มาที่ร้านปิ้งย่างเกาหลีแห่งหนึ่งไม่ได้ไกลจากหอของฉันมากนัก เรานั่งกินกันแบบเงียบ ๆ
“ถูกใจไหม พี่รู้ว่าแอลชอบดูซีรีส์เกาหลี ชอบศิลปินเกาหลี พี่ก็เลยพามากินปิ้งย่างเกาหลี” เขาถามขึ้นมาหลังจากที่เขาไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แล้ว
ก็ถูกใจอยู่หรอก และก็ยอมในความเชื่อมโยงของเขาด้วย ฉันจึงพยักหน้าให้เป็นคำตอบ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วพาออกมาเรียกแท็กซี่ที่หน้าร้าน ไม่นานนักก็ได้ขึ้น
“พี่ว่าจะออกรถสักคัน เอาไว้มาเรียน” พี่เจพูดยิ้ม ๆ
“อื้อ”
“ไม่รู้สึกดีใจหรือตื่นเต้นบ้างหรือไงที่จะมีแฟนคอยขับรถรับส่งอะ”
“ไม่ตื่นเต้น และเราก็ไม่ใช่แฟนกันแล้ว” ฉันตอบไปตามตรง ทำไมจะต้องตื่นเต้นกับเรื่องแค่นี้
“แอล พี่ไม่อยากทะเลาะนะ พี่บอกกับแอลกี่รอบแล้วว่าพี่แค่ขอห่าง ไม่ใช่เลิก และอีกอย่างพี่ก็พยายามง้อแอลมาตั้งหลายวันแล้วนะ”
ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ดูเหมือนว่าปัญหามันมาจากฉันเลยแฮะ ทั้งที่จุดเริ่มมันก็มาจากเขา
พี่เจพยายามปรับสีหน้า ปรับอารมณ์ รวมถึงน้ำเสียง “พี่ขอโทษ แอลให้โอกาสพี่สักครั้งเถอะนะ”
มองเขาด้วยแววตาเรียบนิ่งเพื่ออ่านความรู้สึกอีกฝ่ายผ่านทางแววตาของเขา ซึ่งดวงตาคู่นั้นฉายชัดถึงความอ้อนวอน
“ก็ได้ แต่ถ้ามีอีกแอลจะไม่ให้โอกาส”
มุมปากของพี่เจยกขึ้น ถึงหอพอดีเขาจึงจ่ายค่าโดยสารและเปิดประตูลง เดินเข้ามาภายในอาคารสีขาวตรงหน้าแล้วถึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เบิกตาโพลงด้วยความตกใจและเมื่อตั้งสติได้ก็เดินไปที่ห้องเล็กก่อนถึงประตูที่จะขึ้นไปยังชั้นอื่น ๆ กวาดตามองเข้าไปไม่เจอคุณป้าเจ้าของหอ เจอแต่เด็กอ้วนวัยประมาณ 10ขวบที่นอนยกขาขึ้นไขว่ห้างเล่นสมาร์ตโฟนอยู่