เช้าวันใหม่
“อ๊ะ!” ฝันดีรู้สึกตัวตื่นในช่วงสิบโมงกว่า เนื่องจากอาการปวดเมื่อยบวกกับเหนื่อยกับกิจกรรมเมื่อคืนทำให้เธอนอนหลับลึกไม่รู้สึกตัว ดวงตาสองข้างค่อย ๆ เปิดขึ้น ทันทีที่ลืมตาเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็วิ่งเข้ามาในหัวให้เธอได้คิด
“นะ นี่ฉันเสียตัวแล้วใช่ไหม” เธอจำมันได้ชัดว่าเมื่อคืนเธอกับผู้ชายคนนั้น..
ขวับ! ใบหน้าสวยหันไปมองยังที่นอนข้างตัวเองทันที ทว่ามีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เขาไปไหน?
“หายไปไหน”
“...”
“เจ็บชะมัด” เธอขยับขาแทบไม่ได้เนื่องจากรู้สึกเจ็บระบมบริเวณน้องสาวตัวเอง ซึ่งในขณะนั้นเอง..
แกร็ก!
“คะ คุณ..” ไม่ใช่
“ฉันเป็นแม่บ้านค่ะ^^” เป็นแม่บ้านที่เปิดประตูเข้ามาเพื่อมาทำความสะอาดห้องเหมือนอย่างทุกวัน แม่บ้านเองก็เริ่มชินตากับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เธอมักจะเจอผู้หญิงในทุกเช้าที่เข้ามาทำหน้าที่ตัวเอง แต่เธอก็ไม่เคยเอาไปพูดที่ไหนเพราะกลัวตัวเองตกงาน
“แล้วเขาไปไหน..คะ?”
“ถ้าหมายถึงคุณไมเนอร์ละก็..คุณเขาไม่เคยนอนที่นี่หรอกค่ะ” หมายความว่ายังไง
“....”
“คุณเขามีคอนโดอยู่อีกที่ค่ะ” ฝันดีนิ่งไปทันที ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขาทิ้งเธอไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสินะ
“ขอบคุณนะคะ”
“ค่ะ ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” จากนั้นแม่บ้านก็ออกไปทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยให้หญิงสาวนอนพักต่อไป
ฝันดีหอบร่างอันบอบช้ำของตัวเองมานั่งรอรถที่ป้ายรถโดยสารหน้าคอนโดที่เธอนอนเมื่อคืน หญิงสาวก้มหน้านิ่ง เธอรู้สึกผิดต่อตัวเองเป็นอย่างมากที่พามาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะความอยากรู้อยากลองทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงไร้ค่าของผู้ชายใจร้ายคนนั้น ระหว่างที่รอรถมือถือในกระเป๋าก็สั่นไหว ฝันดีหยิบขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็นเพื่อนตัวเองที่โทรเข้ามา และนี่ไม่ใช่สายแรกของวัน เพราะใยไหมพยายามติดต่อเธอตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ ใยไหมก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกลับถึงบ้านได้ยังไง เธอจำอะไรไม่ได้เลยจึงทำให้เธอรีบคว้ามือถือต่อสายหาฝันดีทันที ทว่าพยายามติดต่ออยู่หลายครั้งก็ไม่มีท่าทีว่าฝันดีจะรับสาย นั่นจึงทำให้ใยไหมอดห่วงเพื่อนตัวเองไม่ได้ อีกอย่างคือฝันดีไม่เคยหยุดงานหากไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วนี่ก็เลยเวลาเข้างานมาหลายชั่วโมงแล้ว คนตัวเล็กไม่กล้าที่จะกดรับ เธอรู้สึกละอายแก่ใจที่ทำเรื่องบัดสีลงไป สุดท้ายเธอก็โดนหลอกฟันจนได้ เป็นเธอเองที่โง่ โง่ไปหลงกลผู้ชายคนนั้น ในขณะนั้นเอง..รถสีดำเงาก็ขับมาจอดเทียบฟุตบาทตรงหน้า ฝันดีมองไปที่รถคันนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทว่า..
“ขึ้นรถ” กระจกทึบลดลงปรากฏให้เห็นใบหน้าของคนด้านในได้ชัด ดวงตาคู่สวยชะงักไปทันทีเมื่อได้เห็นเจ้าของเสียงนั้น
“ทะ ท่านประธาน” เขาคือประธานบริษัทที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง ฝันดีเม้มปากแน่น เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเจออีกคนที่นี่
“....” ฟินิกซ์ส่งสายตาออกคำสั่งให้เธอรีบมาขึ้นรถ เขาไม่ชอบพูดอะไรซ้ำซาก มันน่ารำคาญ
“มะ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ”
“...”
“...คะ ค่ะ” ครั้งนี้เธอต้องยอมเงียบแล้วพาตัวเองขึ้นไปนั่งรถประธานหนุ่มอย่างไม่เต็มใจมากนัก เธอไม่กล้าแม้แต่จะพูดหรือเอ่ยอะไรออกไปนอกจากนั่งเงียบ ๆ ตลอดทาง ฟินิกซ์มองหญิงสาวด้วยหางตา สภาพเธอไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปโดนอะไรมา ไหนจะรอยที่คอนั้นอีก เขาขับรถไปเรื่อย ๆ กระทั่งถึงหน้าบ้านของเธอ ใบหน้าสวยหันขวับไปมองอีกคนด้วยใบหน้าตกใจ เขารู้จักบ้านเธอได้ยังไง เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยทำให้ไม่ทันสังเกตตอนที่เขาเลี้ยวรถเข้ามาในหมู่บ้านของเธอ
“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงาน” ประโยคที่ยาวที่สุดจากเขาทำหัวใจดวงน้อยตกไปอยู่ตาตุ่ม หมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่ให้ไปทำงาน เขาจะไล่เธอออกอย่างนั้นเหรอ ไม่นะ! ถ้าเธอออกแล้วค่าใช้จ่ายล่ะ ตอนนี้เธอเป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าเธอตกงานมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
“ทะ ท่านประธาน อย่าไล่ฝันออกเลยนะคะ” ฝันดีหันไปสบตากับคนตัวสูงพร้อมกับเอ่ยแววตาขอร้องไม่ให้เขาไล่เธอออก
“...” เงียบ
“ฝันขอโทษที่วันนี้ฝะ..”
“กำลังคิดอะไร”
“กะ ก็..”
“ลงไป”
“แล้วเรื่องงาน” กำลังจะถามเรื่องงานแต่แล้วเสียงของเธอก็ต้องเบาลงเมื่อเจอสายตานิ่งน่ากลัวนั้น
“อยากให้คนเห็นรอยที่คอหรือไง” ว่าพร้อมกับมองรอยมือที่คอยหญิงสาว
พรึ่บ! ฝันดีรีบยกมือขึ้นปิดมันไว้ทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นมัน
“คะ คือว่า..” ฝันดีเกิดอาการร้อนรนที่จะหาคำมาอธิบาย เขาต้องเข้าใจผิดแน่ ๆ ว่าที่เธอไม่ไปทำงานก็เพราะแบบนี้
“ลงไป”
“ประธานจะไม่ไล่ฉันออกใช่ไหม”
“ลงไป”
“..ค่ะ” มือเล็กยกขึ้นไหว้ขอบคุณก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ ฟินิกซ์ขับออกไปทันทีเมื่อคนตัวเล็กลงไปแล้ว ระหว่างขับรถเขาก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก่อนจะตัดสินใจหักเลี้ยวไปยังสถานที่หนึ่ง เพื่อไปหาใครบางคน
“ไปไหนมาฝันดี” เสียงผู้เป็นแม่ดังขึ้นหลังจากที่ปิดรั้วบ้านเสร็จและกำลังจะหมุนตัวเดินเข้าไปข้างใน ทว่ากลับพบแม่ตัวเองยืนกอดอกมองอยู่ที่ประตูบ้านพอดี แล้วที่แม่เธอถามแบบนี้ก็เพราะว่าใยไหมโทรมาที่บ้านเนื่องจากติดต่อเพื่อนไม่ได้ ทำให้ท่านรู้ว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน ปกติฝันดีไม่ใช่คนเกเรที่จะไปไหนมาไหนไม่ยอมบอกแม่ตัวเอง ทว่าครั้งนี้เธอกลับไปโดยไร้การติดต่อ
“แม่..”
“เข้ามาคุยกันในบ้าน” หญิงวัยกลางคนบอกกับลูกสาวก่อนจะเดินหันหลังเข้าบ้านไป ไปนั่งรอที่โซฟา
ตึกตึก..
“สรุปหายไปไหนมา”
“แม่ ฮึก!” ร่างบางโผลกอดแม่ตัวเองด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่ทำตัวแบบนี้ ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นลูกเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดอะไรจึงเลือกที่จะไม่เซ้าซี้ เพลงพิณ กอดตอบลูกสาวเพียงคนเดียวพลางลูบหลังเบา ๆ เป็นการปลอบใจไม่ให้ลูกคิดมาก ยังมีแม่คนนี้ที่คอยอยู่ข้างกายในยามมีปัญหา ยิ่งแม่เธอทำแบบนี้ฝันดียิ่งร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่หญิงสาวจะยอมสงบลงแล้วเล่าทุกอย่างให้แม่ฟังจนหมด
“หิวไหม แม่ทำอะไรให้กิน” ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“แม่..”
“เลิกร้องได้แล้ว อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วนะ” เพราะไม่อยากเห็นลูกเครียดจึงชวนเปลี่ยนบทสนทนา เพลงพิณทำเพียงแนะนำและชี้แนะลูกสาวเท่านั้น ยังไงซะมันก็คือชีวิตของลูก จะให้เข้าไปก้าวก่ายมันก็ใช่เรื่อง เธอเป็นแม่ขอดูอยู่ห่าง ๆ แล้วคอยให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ดีกว่า เมื่อไหร่ที่ลูกเหนื่อยเราก็พร้อมโอบกอดชาร์จพลังให้เขาอย่างเต็มที่เพื่อกลับไปสู้รบกับโลกภายนอกนั้นอีกครั้ง
“ฝันรักแม่นะ”
“รู้แล้ว ไปอาบน้ำให้สดชื่นเถอะแม่จะทำอะไรให้กิน”
“เดี๋ยวฝันมานะ”
“อืม” พยักหน้าเบา ๆ
แอด
“เห้อ..” คนตัวเล็กเข้ามายังห้องนอนตัวเอง เธอทิ้งกระเป๋าลงพื้นแล้วพาร่างกายอันหนักอึ้งไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงขนาดห้าฟุตสีขาวสว่างตา เธอหลับตาลงพลางนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
“คะ คุณจะทิ้งฉันไหม”
“ไม่ ไม่ทิ้ง”
“หึ” คำพูดของเขาทำเธอกระตุกยิ้มสมเพชตัวเอง ไม่ทิ้งอย่างนั้นเหรอ ตลกชะมัด นอนไปได้สักพักเธอก็เหมือนจะง่วงจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างตัวให้สดชื่นแล้วออกมาส่องกระจกมองรอยที่คอตัวเอง รอยนิ้วมือเขามันชัดจนเธอไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ มันไม่ใช่แค่แดง แต่มันซ้ำเลยต่างหาก ฝันดีถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อแต่งตัวทำอะไรเสร็จจึงลงไปกินกับข้าวที่ผู้เป็นแม่ทำไว้รอ
“แม่”
“ว่า”
“พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกันไหม”
“ไม่ได้ทำงาน?”
“หยุด” ฟินิกซ์สั่งให้เธอหยุดเอง ในเมื่อไม่ได้ไปทำงานแล้วงั้นก็ไปหาที่พักผ่อนเที่ยวให้สนุกกันตามประสาแม่ลูกดีกว่า
“จะไปไหน”
“ทะเลไหม หรือแม่อยากไปไหน”
“ตามใจคนชวน”
“งั้นก็ทะเล”
“ไปรถอะไร”
“เหมือนเดิม”
“เที่ยวยังไงให้เหมือนผู้ประสบภัย” เพราะการไปเที่ยวแต่ละทีของสองแม่ลูกมักจะมีเรื่องตลอดการเดินทาง ไม่หลงก็ตกรถ นั่นแหละสิ่งที่เธอกับแม่ต้องเจอทุกครั้ง
“แม่อะ” ทำหน้ายู่ใส่แม่ตัวเอง ไม่ว่าเธอจะเครียดหรือมีปัญหาอะไรมา พอได้คุยกับแม่แล้วมันทำให้เธอได้รับพลังบวกทุกครั้ง นี่คือเหตุผลที่ฝันดีไม่เคยมีความลับกับแม่เลยสักครั้ง แม่ฝันดีท่านจะปรับตัวตามยุคตามสมัย ไม่หัวโบราณอย่างที่ควรจะเป็น เพลงพิณเปรียบเสมือนเพื่อนและแม่ในคนเดียวกัน
“รีบไปกินข้าว ยาซื้อมาให้แล้ววางอยู่ที่โต๊ะ” ดีที่บ้านเธออยู่ใกล้ร้านขายยา เพลงพิณจึงรีบไปซื้อยาคุมมาให้ลูกสาวทันที แม้จะอยากมีหลานสักแค่ไหนก็ตาม แต่การที่หลานเธอจะเกิดมาต้องเกิดจากความรักของพ่อกับแม่เท่านั้น ไม่ใช่เกิดแบบนี้ หากว่ามันพลาดขึ้นมาจริง ๆ เธอก็พร้อมที่จะเลี้ยง หลานแค่คนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้ กับฝันดียังเลี้ยงจนโตมาได้ขนาดนี้หลานก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด
“ขอบคุณค่า~”
“สักที”
“แหะ ๆ”
“อย่าลืมหาชุดสวย ๆ ไปใส่ด้วยนะ”
“ใส่ผ้าถุงพอ”