เวลาต่อมา..
ไมเนอร์กลับมาที่โต๊ะ ครูซหรี่ตามองเพื่อนอย่างจับผิดแต่แล้วเขาก็ต้องนิ่งไปเมื่อเห็นสภาพของเพื่อน เดาได้ไม่ยากว่าไมเนอร์ไปทำอะไรมา
“สบายตัวเลยสิมึง” เขาก็นึกว่าหายไปไหนตั้งนาน ที่แท้ก็แอบไปเอาสาวมานี่เอง ปล่อยให้เขาสู้รบกับหญิงสาวอยู่ตามลำพัง
“เสือก”
“แม่งเมาคู่เลยว่ะ” ไมเนอร์มองไปยังสองสาวที่เลื้อยเป็นงูนั่งไม่ติดเก้าอี้ เขาไปแค่แป๊บเดียวพอกลับมาทั้งสองก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว ร่างสูงขยับสายตาไปมองเครื่องดื่มบนโต๊ะก็ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร
“มึงเอาเหล้าน้องกูให้พวกเธอกิน?” เพราะขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นเหล้าตัวแรงที่สุดในร้าน ทั้งยังเป็นเหล้าตัวโปรดของน้องชายเขาอีกด้วย ทว่าครูซกลับเอามาให้หญิงสาวดื่มจนเมาหัวราน้ำแบบนี้
“เออ ยังไงน้องมึงก็ไม่ได้มาอยู่แล้ว” คนผิดตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“สัส” ดีที่เขาเก็บไว้บนห้องขวดหนึ่ง ไม่งั้นได้สั่งลูกน้องไปซื้อมาให้ใหม่อีกแน่นอน เพราะเหล้าตัวนี้ไม่มีขายที่ไทย มีแค่ต่างประเทศเท่านั้น
“เมาหนักเลยว่ะ”
“มึงนั่นแหละไอ้เวรเอาเหล้าตัวแรงให้พวกเธอกิน” แล้วจะทำยังล่ะทีนี้ ใครจะเป็นคนพาพวกเธอกลับ อีกอย่างเขาเองก็ไม่รู้ที่อยู่ด้วยจะให้ไปส่งก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่ เขามีงานมีการต้องทำคงไม่มานั่งเสียเวลากับอะไรแบบนี้เด็ดขาด
“กูก็นึกว่าจะคอแข็ง” เห็นใยไหมกินเหมือนคนไม่กลัวเหล้าก็นึกว่าจะไหว พอเอามาให้กินสภาพก็เป็นอย่างที่เห็นเลย เละ..
“มาเต้นด้วยกันไหม~” ร่างโซซัดโซเซของใยไหมเข้าไปเกาะแขนครูซพร้อมกับเอ่ยชวนให้ไปเต้นด้วยกัน สภาพเธอยืนยังไม่นิ่งแต่มาชวนเพื่อนเขาไปเต้นด้วยทั้งที่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย แต่พอหันไปมองที่หญิงสาวอีกคนทำเอาไมเกรนแทบขึ้น ฝันดีกำลังจะปีนขึ้นเวทีโดยมีเสียงเชียร์จากคนที่มาเที่ยวอยู่ด้านล่าง คนตัวเล็กพยายามพาตัวเองขึ้นไปให้ได้ ไมเนอร์ทนดูไม่ไหวจึงรีบก้าวยาว ๆ ไปเอาตัวเธอลงมา
“ลงมายัยบ้า” เขาคว้ามือไปจับตัวเธอแล้วดึงให้ลงมา ทว่าฝันดีกลับยื้อตัวเองเอาไว้
“ฉาน~ จะไปเต้น อึก!”
“อายคนบ้างเถอะ”
“นายครับ”
“มาช่วยกูดิ” ทันทีที่ลูกน้องเข้ามาเขาก็สั่งให้ช่วยดึงหญิงสาวลงมาจากเวที
“จะให้ผมพาไปไหนครับนาย” อคินถามผู้เป็นนายขณะที่พยุงตัวฝันดีไว้ด้วยมือข้างเดียว
“ไปดูกวางกันเล้ย!!” เธอโพล่งขึ้นเสียงดังทำไมเนอร์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกับลูกน้องตัวเอง
“กูจัดการเอง”
พรึ่บ! ร่างสูงช้อนตัวหญิงสาวขึ้นในท่าเจ้าหญิง เขาปรายตามองไปยังครูซก็เห็นว่าเพื่อนนั้นก็เจอศึกหนักไม่ต่างกัน เขาจึงสั่งให้ลูกน้องไปช่วยครูซอีกแรง ส่วนตัวเองก็พาคนในอ้อมกอดเดินออกจากร้านมุ่งตรงไปที่รถทันที
ตึก
ตึก
ปัง! (เสียงปิดประตูรถ)
“หนักฉิบ” เสียงทุ้มบ่นหลังจากที่ยัดหญิงสาวเข้าไปในตัวรถ ไมเนอร์อ้อมไปฝั่งคนขับด้วยความเร่งรีบก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ
“กวาง~” เสียงละเมอครางในลำคอ ไมเนอร์ทำเพียงปรายตามองเธอเท่านั้น เขายังคงนิ่งไม่ยอมขับรถออกไปจากลานจอดรถ
“อยากเห็นขนาดนั้นเลยหรือไง” แม้ปากจะบ่นพึมพำแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะคาดสายเบลท์ให้เธอเพื่อความปลอดภัย
“จะอ้วก อึก!”
“เฮ้ย! ใจเย็นก่อนดิวะ” พอเธอพูดคำนั้นออกมาเขารีบหาอะไรเพื่อมารองรับอ้วกของเธอทันที ไม่งั้นรถเขาได้อบอวลไปด้วยกลิ่นอ้วกของเธอแน่นอน แต่ในขณะนั้นเอง..
ก๊อก ก๊อก
ขวับ! ใบหน้าดูดีหันขวับไปมองยังด้านหลังตัวเองเมื่อมีคนมาเคาะกระจกฝั่งคนขับ มือหนาเลื่อนไปกดปุ่มลดกระจกลงเพื่อให้เห็นใบหน้าของกันและกัน
“นายมีอะไรผมช่วยไหม” แล้วคนที่มาเคาะกระจกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นวาคินลูกน้องอีกคนของเขาเอง วาคินคือแฝดคนพี่ของอคิน
“ไม่มี”
“นายจะกลับบ้านเหรอครับ”
“อืม”
“งั้นผมไม่กวนแล้ว”
“ไม่ต้องให้คนตามกู”
“ครับ” เขาตอบรับพร้อมกับถอยห่างออกไป ไมเนอร์กลับมาสนใจที่หญิงสาวอีกครั้ง ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด นี่เขาทำอะไรลงไปวะถึงพาเธอมานั่งอยู่ตรงนี้ เมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ นิ่งสงบไปแล้วเขาจึงรีบสตาร์ทแล้วขับออกไปด้วยความรวดเร็ว
อีกด้าน
“ไอ้ฟินิกซ์” เจ้าของชื่อขยับสายตามองไปยังเจ้าของเสียงเรียกทันที
“....” ฟินิกซ์มองเพื่อนที่เดินมาหยุดข้างตัวเอง
“มายืนทำอะไรตรงนี้”
“เปล่า”
“มองใครวะ” เขาเห็นเพื่อนมองรถคันหนึ่งขับออกไปจนสุดสายตา มองเหมือนกับว่ารู้จักกัน
“เข้าร้านเถอะ” ฟินิกซ์เปลี่ยนเรื่องชวนเพื่อนเข้าไปข้างในแทน แผ่นดินเลิกสนใจแล้วก้าวตามเพื่อนไปติด ๆ