อยากขอบคุณ-1

2257 Words
“แม่” “ว่าไง” “วันนี้หนูทำโอทีอาจกลับดึกนะ” “ให้ไปรอรับไหม” เพราะมีกันแค่สองคนพวกเขาจึงดูสนิทมาก ฝันดีและแม่ของเธอจะเหมือนเพื่อนกันซะมากกว่า มีปัญหาหรือไม่สบายใจเธอมักจะมาปรึกษาแม่ตัวเองตลอด ทุกเรื่องเธอจะเล่าให้แม่ฟังหมด ผู้เป็นแม่เองก็ให้คำปรึกษาลูกสาวได้เป็นอย่างดีเช่นกัน “ไม่ต้องเลยนะ พักผ่อนไปเถอะฝันกลับเองได้” “ถ้ามีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” “เค ฝันไปทำงานก่อนนะ” “อืม” บริษัทไอที “สวัสดีจ้าน้องฝัน” “มอนิ่งค่ะพี่น้อยหน่า” หญิงสาวส่งยิ้มทักทายรุ่นพี่ที่ทำงาน วันนี้ฝันดีรีบมาแต่เช้าเพื่อเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จ จะได้ไม่กลับดึกมาก “ทำไมมาเช้าจังวันนี้” “รีบมาเคลียร์งานให้จบค่ะ” “ฮ่า ๆ เรานี่ก็นะ” เพื่อนที่ทำงานมักเรียกเธอว่าฝันเพียงสั้น ๆ หลังจากทักทายพี่น้อยหน่าหัวหน้าแผนกบัญชีเสร็จเธอก็ขึ้นไปยังชั้นทำงานของตัวเอง ทันทีที่ตูดถึงเก้าอี้ฝันดีก็เริ่มลงมือทำงานในส่วนของตัวเองทันที แต่ในขณะนั้นเอง.. “ไงแสบ” เสียงทุ้มของใครบางคนทำใบหน้าสวยเงยขึ้นไปมอง “อ้าวคุณแผ่นดิน” ฝันดีระบายยิ้มให้ใครบางคนที่กำลังเดินตรงมาหาเธอ ก่อนที่ร่างสูงนั้นจะมาหยุดนิ่งข้างโต๊ะทำงานของเธอ “มาเช้านะ” เขามองไปรอบ ๆ ก็เห็นแค่เธอเท่านั้นที่นั่งทำงานอยู่ “มาหาท่านประธานเหรอคะ” “ใช่ แต่เผอิญเห็นเราพอดี” แผ่นดินหรือที่ทุกคนรู้จักเขาในนามเพื่อนสนิทของท่านประธานของที่นี่ แต่เพราะแผ่นดินรู้สึกเอ็นดูหญิงสาวทำให้เขาชอบแวะมาทักทายเธอทุกครั้งที่เข้ามาหาเพื่อนตัวเอง อย่างเช่นวันนี้ “แหะ” ฝันดีทำเพียงยิ้มแห้งไปให้ร่างสูงตรงหน้า เพราะรู้ว่าเขากำลังจะบ่นเธอยังไงล่ะ “ไม่ต้องมายิ้มกลบเกลื่อนเลย แล้วนี่กินอะไรมายัง” “ฝันกินมาจากบ้านแล้วค่ะ” “ไว้เจอกัน ฉันต้องไปแล้ว” แผ่นดินดูเวลาก็เห็นว่าจะถึงเวลานัดแล้วจึงขอตัวออกไป ร่างสูงเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตรงไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด ชั้นของผู้บริหาร “เฮ้อ” พ่นลมหายใจออกมาอย่างเมื่อยล้าพลางเอนตัวพิงไปด้านหลัง เสร็จสักทีงานที่ได้รับ ยังเหลืออีกส่วนที่น่าจะเสร็จทันก่อนเลิกงานแน่นอน ตึกตึก “ยัยฝันดี” ฝันดีขยับสายตามองไปยังคนที่เรียกชื่อตัวเอง ก่อนจะพบว่าเป็นเพื่อนสาวตัวเองนั่นก็คือใยไหม เพื่อนสาวของเธอเดินยิ้มมาอย่างอารมณ์ดีจนเธอต้องขมวดคิ้วสงสัย เพื่อนไปโดนตัวไหนมา? “ว่า” “คืนนี้ไปเที่ยวกันไหม” ใยไหมเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอชวนไปเที่ยวด้วยกันคืนนี้ ทั้งสองสนิทกันตั้งแต่มาทำงานวันแรก ด้วยนิสัยใยไหมเป็นคนที่พูดเก่งและเข้ากับคนได้ง่าย วันแรกที่ฝันดีก้าวเข้ามาในบริษัทแห่งนี้ ใยไหมเป็นคนแรกที่เข้ามาทักทายฝันดีจนทำให้ทั้งสองเริ่มสนิทกันโดยปริยาย "ได้ดิ สองคนแล้วใช่ปะ” "มันต้องสองคนแหละเพราะเรามีกันแค่นี้ ไม่มีใครคบเรานะเพื่อนรัก" ใยไหมเอ่ยติดตลก มีกันอยู่สองคนจะให้ไปชวนใครอีก "ลืมไปเลย เราอย่าเลิกคบกันนะ" "ฮ่า ๆ ยัยบ้านี่" สองสาวมักชวนกันไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง เป็นปกติของวัยอย่างเธอที่จะต้องมีดื่มสังสรรค์กันบ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยถึงขนาดทุกวัน และวันนี้ฝันดีเองก็เหนื่อย ๆ กับงานด้วยไปปลดปล่อยสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แต่ก่อนไปเธอไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปบอกแม่ว่าคืนนี้อาจกลับดึก ซึ่งคนเป็นแม่ก็เข้าใจเพราะลูกสาวก็โตแล้วท่านจึงเลือกที่จะไม่ห้ามแล้วปล่อยให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตของตัวเองไป "ร้านไหนดี" ฝันดีเงยหน้าถามเพื่อนตัวเอง "มีร้านใหม่ที่เขาเปิดนานแล้วแหละ แต่ฉันไม่เคยไปสักทีฉันอยากลองไป ไปกันนะ" "ได้ดิ ตามใจเธอเลย" "ว่าจะพาเพื่อนไปหาผัวสักหน่อย" "ก่อนจะหาให้ฉัน หาให้ตัวเองก่อนไหม ชิ" ใยไหมเองก็ใช่ว่ามีแฟน โสดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ "ไหนเราสองคนสัญญากันแล้วไงว่าจะไม่เอาผัว เราจะแก่ไปด้วยกัน" "ขอถอนคำพูดทันไหม" ฝันดีทำหน้าปลง จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไปทำงานจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน "ฝันดีทางนี้" ใยไหมที่เสร็จก่อนลงมารอเพื่อนที่ด้านล่าง ทว่ารอได้ไม่นานอีกคนก็ตามลงมา "ไปรถอะไรอะ" "มันไม่ไกลแก นั่งรถจากนี้ไปประมาณสิบห้านาทีอะ เดี๋ยวเรานั่งแท็กซี่ไปก็ได้เนอะ" "ได้ ๆ” "เออว่าแต่ช่วงนี้คุณแผ่นดินยังเข้าไปทักทายแกปะ เมื่อเช้าฉันเห็นเขามาอยู่หนิ เขาได้แวะไปอยู่ใช่ไหม" "มา แอบเกร็ง ๆ เหมือนกันนะ กลัวคนจะเข้าใจผิดแต่จะให้ทำไงได้ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงเหมือนกัน ทำได้สุดก็แค่ยิ้มทักทายตามมารยาทไป" "ไม่เป็นไรหรอกน่า เขาอาจจะชอบแกก็ได้แกจะไปสนใจคนอื่นทำไม เขาไม่ได้มาหาให้เราแดกสักหน่อย เราเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรอีกอย่างคุณแผ่นดินก็โสดไม่มีใคร ไม่แปลกปะคนโสดกับโสดมาเจอกัน ถ้าเขาจะรักมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาถ้าแกมัวแต่แคร์คนอื่นชาตินี้แกก็ไม่ได้ผัวหรอกนะ หัดเลิกแคร์คนทั้งโลกแล้วมาแคร์ตัวเองบ้างเถอะยัยซื่อบื้อ" "กลายเป็นคนขี้บ่นแล้วเหรอเรา" "แต่ก่อนไม่เป็นหรอก มาเป็นก็ตอนที่คบกับแกนี่แหละ" ยังมีนิสัยบางอย่างที่ทั้งสองไม่ค่อยเหมือนกันนั่นก็คือ..ใยไหมจะเป็นคนตรง ๆ แรง ๆ คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น เธอเป็นคนที่ปากไวแต่เมื่อรู้ตัวว่าตัวเองผิดก็จะขอโทษ ณ ตรงนั้นเลยจะไม่ปล่อยให้ค้างคา แต่กลับฝันดี..เธอจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมามีเหตุผลก็จริง แต่บางอย่างเธอก็ไม่กล้าพูดมันออกไป เธอเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกรงใจคนแต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้โกรธหรือเกลียดใครแล้วเธอจะไม่ยุ่งด้วยทันที "นี่ก็หนึ่งเดือนแล้วใช่ปะที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกัน" "ใช่ ช่วงนี้ทั้งฉันและแกงานเยอะพอกัน อยากไปเที่ยวทะเลอะ" “จริงแก” "ไว้แกออกรถแล้วเราไปกัน" ใยไหมพูด เพราะเห็นว่าฝันดีมีโปรแกรมจะออกรถยนต์ไว้ขับเพื่อความสะดวกในแก่การเดินทางเวลาจะพาแม่ไปเที่ยว อย่างน้อยเธอจะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปนั่งรถโดยสาร มีรถเป็นของตัวเองมันก็สะดวกอีกอย่างเธอเองก็ขับรถเป็นใบขับขี่ก็มีเพียงแต่ยังไม่มีรถเท่านั้น ฝันดีไปดูรุ่นที่จะเอาไว้แล้วแต่ยังไม่มีเวลาที่จะไปทำเรื่อง เธอไม่ได้ซื้อเงินสดหรอกผ่อนปกตินี่แหละ ฝันดีเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องเงินนิดหนึ่ง กว่าเธอจะตัดสินใจซื้ออะไรได้แต่ละอย่างก็โดนใยไหมคะยั้นคะยออยู่หลายครั้ง เมื่อมานั่งคำนวณรายจ่ายในแต่ละเดือน หักค่ารถค่าบ้านค่าอะไรไปหมดแล้วเธอยังเหลือใช้เหลือกิน นั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะออกมันในที่สุด เมื่อทั้งสองมายืนรอรถอยู่หน้าบริษัทได้ครู่หนึ่งรถแท็กซี่ก็ขับมาจอดอยู่ตรงหน้า พวกเธอพากันขึ้นไปนั่งก่อนจะบอกสถานที่แก่โชเฟอร์ "ดีนะฉันมีชุดมาเปลี่ยน" ใยไหมพูดขึ้น "ปกติเธอก็เป็นคนแต่งตัวแซ่บอยู่แล้วปะ" ไม่จำเป็นต้องหาชุดมาเปลี่ยนเพื่อนเธอก็สวยได้ "แซ่บแล้วยังไง ชุดทำงานกับชุดเที่ยวจะใส่รวมกันไม่ได้นะจ๊ะสาวน้อย" "เวลาทำงานนี้จะเป็นจะตายกันนะ ถึงเวลาเที่ยวนี่ดี๊ด๊ากันจังเลย" "แน่นอน" "ฟ้าก็ช่างส่งเราสองคนมาเจอกัน" "คนสวยกับคนสวยมันก็ต้องคู่กันอยู่แล้ว" ไม่นานสองสาวก็มาถึงร้าน ฝันดีทำการจ่ายค่าโดยสารไปก่อนจะลงจากรถตามเพื่อนไป ทั้งคู่ยืนนิ่งมองเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าร้าน ทั้งสองหันมองหน้ากันก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วจูงมือกันเดินเข้าไปยังด้านใน "บัตรค่ะ" ใยไหมยื่นบัตรตัวเองแล้วของฝันดีให้กับชายชุดดำนำไปตรวจดู เมื่อตรวจเสร็จการ์ดก็คืนบัตรให้พร้อมกับปล่อยให้ทั้งสองเข้าไปด้านใน "เชิญครับ" เมื่อผ่านด่านเข้ามาในร้านได้ก็พบกับความอลังการ มองข้างนอกยังดูธรรมดา พอเข้ามาด้านในมันกลับหรูหราดูไม่เหมาะสมกับพวกเธอสองคนยังไงไม่รู้ "นี่เราเที่ยวผับหรูกันขนาดนี้เลยเหรอ" ฝันดีกวาดตามองไปทั่วร้าน มันใหญ่และอลังการกว่าที่เธอคิดไว้อีกนะเนี่ย "ฉันเห็นในรีวิวน่ะ แต่ดูรีวิวมันยังไม่เท่าไหร่พอมาเจอของจริงแอบตกใจเหมือนกันนะ ฉันไม่คิดว่ามันจะหรูหราขนาดนี้" "นั่นน่ะสิ หรือเราจะเปลี่ยนใจกันกลับไหม" "ได้ไง เรามาถึงขนาดนี้แล้วนะเราต้องสู้ให้ถึงที่สุดสิ อีกอย่างเราก็ไม่ได้เที่ยวทุกวันสักหน่อย ถือว่ามาผ่อนคลายให้กับชีวิตตัวเองจะเป็นไรไป ถ้ามัวแต่คิดชาตินี้ไม่ได้เที่ยวนะยะบอกไว้ก่อน" "งั้นจะรออะไรล่ะ หาโต๊ะนั่งสิ" “มันต้องแบบนี้สิเพื่อนฉัน” "สวัสดีครับกี่ท่านครับ" "2 ค่ะ" ใยไหมตอบพนักงานที่เข้ามาบริการพวกเอ "เป็นโต๊ะไหนดีครับหรือว่ามีจองไว้แล้ว" "เป็นโซนธรรมดาก็พอค่ะไม่ต้องถึงขั้น VIP" เพราะเธออยากซึมซับบรรยากาศให้เต็มที่ ในเมื่อมาเที่ยวสถานที่แบบนี้จะไปนั่งในห้อง VIP คุยกันแค่สองคนทำไม เราต้องนั่งมองอาหารตาที่มันทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานในแต่ละวันสิ เห็นเธอเป็นผู้หญิงแรง ๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าพวกเธอไม่เคยผ่านมือผู้ชายเลยสักคน พอมีคนเข้าหาจริง ๆ พวกเธอกลับไม่สนใจ "รับเป็นอะไรดีครับเครื่องดื่ม" "เอาตัวที่เขาฮิตกันเลยค่ะ" "ได้ครับรอสักครู่นะครับ" "พนักงานที่นี่งานดีมากแก" หลังจากที่พนักงานออกไปใยไหมก็ก้มไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนสาวทันที เธอมองพนักงานเดินออกไปแววตาลุกวาว แค่พนักงานหุ่นก็อย่างกับนายแบบ แล้วเจ้าของผับล่ะ ชื่อเสียงเรื่องลือขนาดนั้นเธอชักอยากจะเห็นเจ้าของแล้วสิ เห็นเขาบอกว่าเป็นผู้ชายที่หล่อและรวยมากที่สำคัญคือ..ยังไม่มีแฟน เวลาที่ทั้งสองมาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว เนื่องจากฝันดีเคลียร์งานเลทนิดหน่อย แต่ถือว่ามาเวลานี้กำลังดีจะได้ไม่ต้องกลับดึกมากอีกอย่างคนก็ยังไม่เยอะแม้พวกเธอจะชอบเที่ยวแต่ก็ใช่ว่าจะชอบความวุ่นวายขนาดนั้น เที่ยวได้แค่พอหอมปากหอมคอพอเบื่อก็กลับไม่ได้เที่ยวยันเช้าเหมือนอย่างที่คนเขาชอบเที่ยวกัน แต่ในระหว่างนั้นเอง.. "เอ๊ะนั่นมัน" ฝันดีเหมือนจะเห็นใครบางคนที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าค่าตา คนตัวเล็กพยายามเพ่งมองให้ชัด แต่จังหวะที่เขาหันหน้ามา.. "เขาจริงด้วย.. แกเดี๋ยวฉันมานะ" "เดี๋ยวดิแกจะไปไหน" "รอฉันแป๊บหนึ่ง" ฝันดีฝากกระเป๋าไว้กับเพื่อนแล้วตรงดิ่งไปที่ผู้ชายคนนั้นทันที "คุณคะ" ร่างสูงที่กำลังยืนหันหลังคุยกับลูกน้องค่อย ๆ หันมามองยังเจ้าของเสียงเรียก ทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอเขาก็นิ่งชะงักไปพร้อมกับทำมือไล่ลูกน้องให้ออกไปก่อน "...." เงียบไม่ตอบทำเพียงมองมาที่เธอนิ่ง ๆ "คือว่า.." "มีอะไรก็รีบพูดมาฉันไม่ได้ว่าง" เขาแทรกขึ้นโดยที่สายตาก็ไม่ละไปจากใบหน้าสวยของเธอ "คุณมาเที่ยวเหรอคะ ถ้าเกิดว่าคุณมาเที่ยวฉันขอเลี้ยงแทนคำขอบคุณได้ไหมคะ ที่คุณช่วยฉันวันนั้น" เธอไม่อยากติดค้างบุญคุณกับใคร ในเมื่อเจอเขาแล้วคืนนี้ก็ถือว่าเลี้ยงแทนคำขอบคุณไปเลย "ไม่จำเป็น" เขาปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย "แต่ว่า.." "ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD