รักหมดใจแต่แสดงออกไปว่าไม่ต้องการ

1228 Words
บ้านรชนิศภานุพงศ์ การที่ไม่มีเขมิกาอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ บรรยากาศภายในบ้านเริ่มเปลี่ยนไป อาหารที่เคยเลิศรสและพิถีพิถันในการปรุง การตกแต่งบ้านตามมุมต่างๆ ที่เคยเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ความหอมจากเกสรของมัน ค่อยๆ จางลงไป พร้อมกับการจากไปของผู้หญิงที่ชื่อเขมิกา ชยันต์ที่นั่งอยู่บนระเบียงของบ้านทรงไทยหลังกว้างใหญ่ เขาเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ต้นไม้ที่เอนไปตามลมยามเย็น บ่งบอกให้รู้ว่าความสว่างไสวของช่วงกลางวันกำลังจะสิ้นสุดลง ความมืดมนกำลังจะเข้ามาแทนที่ เหล่าวิหคกำลังโบยบินกลับรัง บรรยากาศอันร่มรื่นของบ้าน ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่บนเนื้อที่สิบกว่าไร่ ของอาณาเขตเรือนไทย แต่เวลานี้มันช่างมืดครึ้มเสียเหลือเกิน ทุกอย่างรอบๆ บ้าน กำลังเศร้าหม่นเหมือนกับไว้อาลัยให้กับการจากไปของเขมิกา ไม่นานก็มีนกบินเข้ามายังรังนอน ที่อยู่บนต้นไม้ข้างๆ ระเบียงที่ชยันต์นั่งอยู่ ทำให้เขานึกถึงใบหน้างามของคนที่เคยเป็นภรรยา เธอคงไม่หวนกลับมายังรังนอนนี้อีกแล้ว ชยันต์ไม่สามารถทำใจยอมรับเขมิกาเป็นภรรยาได้ เนื่องจากเธอเป็นสาเหตุทำให้พี่ชายของเขาต้องมาตายจากไปโดยไม่ได้ร่ำลา ชายหนุ่มนั่งอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด เขาพอจะเดาได้คงเป็นมารดา ที่ห่างบ้านไปนานและคงมีใครส่งข่าวให้ท่านรู้เรื่องเขมิกาเป็นแน่ มารดาของเขาจึงด่วนมาเช่นนี้ เมื่อผู้เป็นมารดาได้เดินทางไปพักผ่อนที่ต่างประเทศและดูแลธุรกิจไปด้วย เกือบสามเดือนที่นางไม่อยู่เมืองไทย นั่นคือโอกาสและเวลาที่เขาเริ่มลงมือวางแผนทำร้ายเขมิกา ให้สาสมกับที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้ชรัญพี่ชายคนเดียวของเขาต้องมาตาย เมื่อลงจากรถก็มีคนเดินมารายงานคุณหญิงขวัญเรียมเรื่องเขมิกาทันที คนที่รายงานไม่ใช่ใครที่ไหนคนนั้นก็คืออนงค์ แม่นมที่เลี้ยงดูชรัญและชยันต์มาตั้งแต่เล็ก พอคุณหญิงฟังจบนางก็ไม่รอช้ารีบขึ้นไปหาลูกชายอย่างเร่งรีบ เพราะไม่คิดว่าชยันต์จะกล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ลงได้ "มันเกิดอะไรขึ้นชยันต์ เขมิกาหายไปไหน เธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแม่" ผู้เป็นมารดาเอ่ยปากถามขึ้น เมื่อเห็นลูกชายเอาแต่เหม่อลอยออกไปอย่างไร้จุดหมายอย่างนั้น นี่หรือคนที่เป็นฝ่ายชนะ ไม่ใช่เลยเขากำลังแพ้ต่างหาก แพ้ให้กับความรักที่เขามีให้เขมิกา การที่เขาพยายามปฏิเสธหัวใจตัวเองนั้น มันยากยิ่งกว่าการบอกรักใครสักคนเสียอีก "แม่มาถึงนานหรือยังครับ ทำไมไม่บอก ผมจะได้ไปรับ" เมื่อลูกชายตอบไม่ตรงคำถาม หญิงวัยกลางคนค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม ก่อนที่จะถอนหายใจเข้าลึกๆ อย่างเหนื่อยหน่าย กับสิ่งที่ลูกชายกำลังฝืนทำ จนส่งผลให้ตัวเองเจ็บไม้แพ้เขมิกา "แกกำลังทำอะไรอยู่ชยันต์ เขมไม่มีญาติหรือว่าเพื่อนพ้องที่ไหน ป่านนี้จะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ใดก็ไม่รู้ ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะต้องไปเผชิญกับชะตากรรมนอกบ้าน มันไม่สนุกหรอกนะ หยุดซะ! กับสิ่งที่แกกำลังทำอยู่ คนที่จะสูญเสียคือแกเองนะชยันต์" "แม่ก็รู้เขมิกาคือคนที่ทำให้ชรัญต้องตาย! เธอสมควรได้รับผลกรรมที่ทำไว้ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ผมปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายมานานแล้ว มันถึงเวลาที่เธอควรจะได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่ผมกับแม่เคยเจอมาก่อน" ชายหนุ่มยังคงหยิบยกเอาเหตุผล ที่มันขัดแย้งกับความรู้สึกขึ้นมาเป็นข้ออ้าง "ทำไมแกถึงปักใจเชื่อว่าเขมิกาเป็นสาเหตุการตายของชรัญ ในเมื่อหลักฐานอะไรก็ไม่มี เพียงแค่รูปถ่ายของเธอตกอยู่ในห้อง มันไม่เพียงพอหรอกนะ หลักฐานแค่นั้นมันเป็นการปรักปรำเธอมากกว่า” "แค่นั้นมันก็มากพอแล้ว เธอเป็นสาเหตุทำให้ชรัญต้องตายแน่นอนผมมั่นใจ" "ชีวิตแกมันคงยึดติดอยู่แต่กับการแก้แค้นหรอกเหรอชยันต์ ถ้าวันหนึ่งความจริงปรากฏ เขมิกาไม่ได้เป็นสาเหตุในการตายของชรัญ แกอย่ามาเสียใจก็แล้วกัน" พอคุณหญิงขวัญเรียมพูดจบ ก็เดินออกไปทันที ซึ่งคุณหญิงรักลูกสะใภ้คนนี้มาก ประหนึ่งว่าเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง เพราะเขมิกาทำหน้าที่สะใภ้และภรรยาไม่เคยขาดตกบกพร่อง ฝีมือปลายจวักที่ใครได้มาชิมต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ถึงความเลิศรสของอาหารคาวหวานที่เขมิกาเป็นคนปรุง ถึงแม้ว่าเขมิกาจะไม่ได้โตมากับครอบครัวตระกูลผู้ดีเก่าแก่ แต่มารดาของเธอก็อบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี ทำให้เธอโตขึ้นมา เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทที่งดงาม บวกกับหน้าตาที่สวยได้รูป ดวงตากลมโตดังดวงจันทร์วันเพ็ญนั้นคนที่โชคดีที่สุดน่าจะเป็นชยันต์ ที่ได้เธอมาเป็นภรรยา แต่เขากลับมองเห็นเธอเป็นเพียง แค่ศัตรูที่พรากชีวิตของพี่ชายของเขาไปเท่านั้น ชยันต์เปิดประตูเข้ามายังห้องนอน เวลานี้เขาควรดีใจที่ได้แก้แค้นเขมิกาสำเร็จ แต่ทำไมมันกลับมาทิ่มแทงหัวใจของเขาเอง ภาพที่เขมิกานั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนตามมุมต่างๆ ภายในห้องนี้ มันผุดได้ขึ้นมาในหัวของเข้าอีกครั้ง เขาพยายามสลัดมันออกไป แต่ก็กลับวนเวียนมาเหมือนเดิม เพราะไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าเครื่องใช้ที่เป็นของเขมิกา ครีม แป้ง แปรงยาสีฟัน รองเท้า กระเป๋าทุกอย่างที่เป็นของเธอ มันยังคงวางอยู่ที่เดิมภาพที่เขมมิกานอนอยู่บนเตียง เธอมักจะนอนสะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทา ก่อนหลับทุกคืน ภาพเหล่านั้นมันยังคงตราตรึงตามมาหลอกหลอนเขาอยู่ร่ำไป ตอนที่เขมิกามาบอกว่าเธอกำลังตั้งท้อง ลึกๆ แล้วเขารู้สึกดีใจ แต่กลับพูดออกไปในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับหัวใจ เขาสั่งให้เขมิกาไปเอาเด็กออก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะพลั้งปากพูดอะไรแบบนั้นออกไป เพราะอารมณ์และความแค้นแท้ๆ ที่พลั้งปากสั่งให้เธอไปฆ่าลูกของตัวเอง เมื่อนอนไม่หลับชยันต์จึงเดินเข้าไปยังห้องหนึ่ง ก่อนจะไขกุญแจเปิดประตูเข้าไป เขาใช้ห้องนี้เป็นห้องเก็บของบังหน้า แต่ข้างในมันคือห้องของชรัญ เวลามีเรื่องไม่สบายใจ เขามักจะเข้ามาขลุกอยู่แต่ในห้องนี้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าชรัญพี่ชายของเขายังอยู่ข้างๆ เสมอ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD