การเดินเพียงลำพังอาจจะดูเดียวดาย แต่ก็ผ่านมันมาได้แม้ต้องล้มบ้างเป็นบางวัน ชีวิตการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มันไม่ง่ายเลยสำหรับเธอ แต่เขมิกาก็พยายามทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้กับมาเรียม ตอนนี้ลูกน้อยโตพอจะเข้าโรงเรียน ในชั้นอนุบาลแล้ว เขมิกาจึงให้ลัลนาจัดการเรื่องโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับมาเรียม ถึงแม้ว่าเธอจะต้องทำงานหนักแค่ไหนก็ตาม เมื่อชีวิตของเขมิกาสวรรค์ไม่เคยเข้าข้าง แถมยังลำเอียงให้พบเจอแต่สิ่งเลวร้าย เธอจะไม่ทนอีกต่อไป มันถึงเวลาที่หญิงสาวจะลุกขึ้นสู้ เพื่อลูกรักของเธอแล้ว
"แน่ใจนะเขม ว่าจะให้มาเรียมเข้าเรียนที่นี่ มันแพงมากเลยนะ" ลัลนาพูดออกมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนรัก
"สำหรับมาเรียมแล้ว มันไม่แพงเลยนา สิ่งเดียวที่เขมจะทำให้มาเรียมได้ คือการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูก"
"สิ่งที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุดสักหน่อยเขม" ใช่ลัลนาพูดถูก ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องแพงที่สุด แต่เธอจะไม่ขอเป็นผู้แพ้อีกแล้ว เขมิกาได้รู้มาว่าลูกของชยันต์กับผู้หญิงคนนั้นเรียนอยู่ที่นั่น เธอจึงอยากให้ลูกสาว มีการศึกษา มีโรงเรียนที่เทียบชั้นกับคนเหล่านั้นที่เคยทำร้ายเธอ
"ลูกของชยันต์เรียนที่นั่น!" เขมิกาพูดออกมาด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
"ฮ่ะ! แล้วเธอจะส่งมาเรียมไปเรียนที่นั่นทำไม เขมเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ถ้าคุณชยันต์รู้เรื่องมาเรียม เขมไม่กลัวว่าเขาจะแย่งลูกไปจากเธอเหรอเขม" ลัลนาเอ่ยถามออกมาอย่างร้อนรนใจ ผิดกับเขมิกาที่นิ่งเฉยชาเสียจนเพื่อนสนิทเดาความคิดไม่ออก เธอกำลังคิดจะทำอะไร การผูกพยาบาทจองเวรนั้น ล้วนมีผลเสียด้วยกันทั้งสิ้น
"เขมใช้นามสกุลใหม่ เขาไม่มีทางรู้ว่ามาเรียมเป็นลูกของเขา ที่สำคัญนาต้องเป็นคนรับส่งมาเรียมแทนเขม"
"อืมได้ แต่เขมอย่าลืมนะ สายใยของพ่อกับลูกมันมักจะผูกพันกันได้เสมอ เรื่องรับส่งมาเรียมมันเป็นหน้าที่ของนาอยู่แล้ว"
"เขาไม่มีวันจะได้สัมผัสมาเรียม เพราะเขาเป็นคนสั่งฆ่ามาเรียมไปแล้ว ตั้งแต่เขมตั้งท้อง ลูกที่เขาไม่ต้องการ ชยันต์ก็ไม่ควรจะได้สัมผัสกับความเป็นพ่อ นาไว้ใจเถอะนะ สิ่งที่เขมกำลังทำ เขมล้วนทำเพื่อมาเรียมทั้งนั้น"
"สรุปแล้วตามนี้นะ เดี๋ยวนาจะให้คนไปจัดการเรื่องเอกสารการเข้าเรียนของมาเรียมให้เรียบร้อย"
"อืม ตามนั้นขอบใจมากนะนา"
"เปิดเทอมเตรียมพร้อมนะสาวน้อย แม่นาไปก่อนนะคะคนเก่ง" ทั้งคู่สนทนากันจบประโยค มาเรียมก็เดินเข้ามาพอดี ลัลนาเอามือลูบลงที่ศีรษะเของมาเรียมอย่างรักใคร่และเอ็นดู ความสดใสน่ารักของหนูน้อย ทำให้คนที่นี่ต่างก็เมตตามาเรียม มีแต่คนแย่งกันดูแลไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าขนมนมเนย พวกของเล่นเขมิกาแทบจะไม่ได้ซื้อ เพราะในแต่ละวันมักจะมีคนนำเอามาฝากมาเรียมเสมอ
เมื่อลัลนาเดินออกไปจากห้อง เขมิกาอุ้มมาเรียมเข้ามากอด พร้อมทั้งหอมแก้มซ้ายขวาอย่างมันเขี้ยว ในความน่ารักของลูกสาว
"อยากไปโรงเรียนไหมคะคนสวย ที่โรงเรียนหนูจะได้พบกับเพื่อนใหม่ด้วยนะ" เขมิกาเอ่ยถามลูกสาวออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมกับสบตาสาวน้อยเอาไว้ ด้วยความรู้สึกรักและห่วงใย อยากให้เธอได้มีอนาคตที่สดใส
"แม่เขมไปด้วยไหมคะ" เด็กหญิงมาเรียมเอ่ยถามออกมาด้วยความใสซื่อ
"แม่เขมไปด้วยไม่ได้ค่ะ แม่เขมต้องทำงานหาตังค์เยอะๆ ไว้ให้หนูซื้อขนม เข้าใจไหมคะ"
"เข้าใจค่ะ" สาวน้อยพูดพร้อมทั้งเอามือเล็กคล้องคอผู้เป็นมารดาเอาไว้ ก่อนจะจุ๊บลงไปที่เรียวปากของผู้ให้กำเนิด อย่างอบอุ่นและรักหมดใจดวงน้อยของเธอที่มี
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป การเปิดภาคเรียนใหม่ก็มาถึง เด็กหญิงมาเรียมหน้าตาบ้องแบ๊ววัยน่ารัก เดินเข้ามาในโรงเรียน พร้อมกับมารดาที่ชื่อว่าลัลนา ทำให้ผู้ปกครองบางคนที่รู้ถึงอาชีพของเธอต่างมองมาอย่างเหยียดๆ แต่ลัลนาก็ไม่สนใจ
"สวัสดีค่ะคุณครู" ลัลนาพูดพร้อมทั้งพนมมือไหว้ทักทายคุณครู ซึ่งคุณครูเองก็รีบรับไหว้พร้อมทั้งยิ้มกว้างให้กับทั้งสองอย่างเป็นกันเอง
"สวัสดีค่ะคุณลัลนา หนูมาเรียม" มาเรียมยกมือขึ้นไหว้ครูไม่สวยเท่าไรนัก เพราะเด็กน้อยเริ่มจะรู้แล้วว่าที่นี่จะไม่มีมารดาของเธอ
"ไหว้สวยๆ ค่ะหนูมาเรียม" ลัลนาเอ็ดมาเรียมเล็กน้อย ซึ่งเป็นการติเพื่อก่อ เมื่อลัลนสต้องการให้เด็กน้อยทำกิริยาให้งดงาม สมกับที่เป็นลูกหลานของบ้านรชนิศภานุพงศ์
"ซาหวัดดีคะคุณครู" แม้จะพูดยังไม่ชัดสักเท่าไหร่นัก แต่เด็กหญิงมาเรียมก็พูดออกเสียงรอเรือได้ชัดเจน กว่าพยัญชนะตัวอื่น
"สวัสดีค่ะ หนูมาเรียมไหว้สวยมากเลยนะคะ ไปค่ะคุณครูจะพาเอาของไปเก็บ แล้วไปเล่นกับเพื่อนๆ นะคะ"
"ฝากด้วยนะคะคุณครู"
"ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลัลนา หน้าที่ของคุณครูคือการอบรมดูแลและเอาใจใส่เด็กทุกคนเป็นอย่างดีค่ะ"
เมื่อลัลนาส่งมาเรียมเข้าห้องเรียนเสร็จแล้ว เธอก็เดินตรงมาที่รถ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อพบว่าคนที่เปิดรถลงมาคือชยันต์ และก็ต้องแปลกใจที่มีเพียงชยันต์กับลูกลงมาจากรถ แม่ของลูกกลับนั่งตากแอร์รออยู่ที่รถนั่นไม่ยอมลงมาด้วย ความจริงแล้วลัลนาไม่ต้องแอบก็ได้ เพราะชยันต์ไม่รู้จักเธอ ลัลนาไม่ได้ไปงานแต่งของชยันต์กับเขมิกา และไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน นั่นคือเหตุผลที่เขมิกาไว้วางใจ ที่จะให้ลัลนาเป็นคนรับส่งมาเรียม เมื่อชยันต์เดินเข้าไปในโรงเรียน ลัลนาจึงรีบก้าวขึ้นรถและขับออกจากโรงเรียนมุ่งหน้าสู่สถานเริงรมย์
~โรงเรียน~ "นี่เธอชื่ออะไร" มาเรียมมองเด็กชายอย่างสงสัย เพราะเธอไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ส่วนมากจะอยู่แต่กับแม่เขมิกาแม่ลัลนา แล้วก็ป้าน้าอาที่สถานเริงรมย์เท่านั้น ทำให้เธอยังคงก้มหน้าอยู่กับของเล่น ไม่สนใจคำถามเมื่อสักครู่
"เธอชื่ออะไรเราชื่อเมฆนะ" มาเรียมเงยหน้ามองเด็กชายอีกครั้ง ในความรู้สึกของเด็กหญิงในเวลานี้นั้น คือคำว่าเพื่อน ที่มารดาเคยบอกมันหมายถึงการแบ่งปัน การคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าจะเป็นยามทุกข์หรือยามสุขก็ตามที
"เราชื่อมาเรียม" มาเรียมพูดทั้งที่ยังก้มหน้าเล่นตัวต่อจิ๊กซอว์ การมีเพื่อนมันเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเด็กหญิงอย่างมาเรียมมาก เพราะเธอโตมากับห้องสี่เหลี่ยม แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย เธอจึงยังไม่ชินกับสังคมแบบนี้
"ชื่อมาเรียมเหรอ ชื่อเพราะจังเลย วันนี้ใครมาส่งมาเรียม คุณพ่อหรือคุณแม่ล่ะ" คำถามของเด็กชายเมฆ ทำให้มาเรียมหยุดชะงัก คำว่าพ่อมาเรียมแทบจะไม่ได้สัมผัสและไม่เคยได้ยินมารดาพูดถึง แต่เด็กที่ฉลาดอย่างเธอก็พอจะรู้ความหมายของคำว่าพ่ออยู่บ้าง
หลังเลิกเรียนแม่ลัลนามารับกลับและส่งเด็กหญิงมาเรียมถึงห้อง ก่อนที่เธอจะรีบเดินออกไป เพราะมีสายเรียกเข้าของแขกคนสำคัญเข้ามาพอดี ขณะที่เขมิกากำลังง่วนอยู่กับการทำงานบ้าน
เมื่อถึงบ้าน สิ่งแรกที่เด็กหญิงมาเรียมสงสัยมาทั้งวัน นั่นคือพ่อของเธอหายไปไหน ทำไมถึงมีแต่แม่ มาเรียมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ผู้ให้กำเนิด ก่อนจะไหว้ทักทายและถามขึ้น
"สวัสดีค่ะคุณแม่ แม่คะพ่อของมาเรียมหายไปไหน" คำถามของมาเรียม ทำให้ผู้เป็นมารดาถึงกับเจ็บจี๊ดที่อกข้างซ้าย เพิ่งไปโรงเรียนวันแรกมาเรียมก็ได้คำถามนี้มาแล้ว แม้ว่าเขมิกาเตรียมตั้งรับไว้ก่อนหน้าแล้วก็ตามที แต่ความรู้สึกลึกๆ มันก็อดที่จะเจ็บปวดแทนลูกสาวไม่ได้ ที่เธอไม่มีบิดาเหมือนกับคนอื่นเขามีกัน
เขมมิกาจูงแขนลูกสาวไปที่โซฟา เธออุ้มลูกน้อยขึ้นมานั่งที่ตัก ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มซ้ายขวา พร้อมกับส่งยิ้มกว้างให้กับมาเรียม เพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกให้ลูกรู้ว่าเธอจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้เอง
"แม่จะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้หนูเองนะ ไม่ต้องกลัว แม่จะปกป้องลูกเอง ถ้าใครถามว่าพ่อของลูกอยู่ที่ไหน มาเรียมบอกเขาไปว่าพ่อของหนูอยู่บนท้องฟ้า พ่อเป็นเทวดาอยู่ที่ดวงดาวดวงใดสักดวงที่ไกลแสนไกล แต่พ่อก็มองมาที่หนูเสมอนะ" เขมิกากำลังโกหกลูกสาว ซึ่งเธอคิดว่านั่นมันคือทางออกที่ดีที่สุด
"ถ้าหนูคิดถึงพ่อ หนูต้องมองไปที่ท้องฟ้า ที่มีดาว พ่อจะมาหาหนูตอนกลางคืนเหรอคะ"
"ใช่แล้วจ้า"
"กลางวันพ่อก็มองไม่เห็นหนู เพราะว่าไม่มีดาวมีแต่พระอาทิตย์"
"กลางวันเราต่างหากที่มองไม่เห็นพ่อ แต่พ่อมองมาที่หนูตลอดเลยนะ"
"หนูเข้าใจแล้วค่ะ พ่อจะมองมาที่หนูเสมอ หนูรักแม่นะคะ" เขมิกาโอบเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอด เธอได้แต่หวังว่าความรักทั้งหมดของเธอที่มีนั้น จะสามารถทดแทนสิ่งที่ขาดหายให้กับมาเรียมได้
เมื่อเขมิกาอธิบายทุกอย่างให้เด็กน้อยที่พอจะเข้าใจอยู่บ้าง จากนั้นมาเรียมก็นั่งลงที่พื้นตั้งหน้าตั้งตาเล่นของเล่นต่อตามประสาของเด็ก หลังจากลูกน้อยจับจ้องอยู่แต่การเล่นของเล่นทำให้เขมิการีบเช็ดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ เวลานี้มันไหลอาบแก้มสองข้าง สุดที่จะห้ามไว้ได้ เธอไม่รู้เลยว่าในอนาคตข้างหน้ามาเรียมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เด็กน้อยจะผ่านมันไปได้ไหม เธอจะสร้างภูมิคุ้มกันและเกราะกำบังให้กับลูกได้นานและดีแค่ไหน เขมิกาได้แต่หวังว่าลูกสาวของเธอจะแข็งแกร่ง จนสามารถผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ในวันที่ไม่มีเธอ