Chapter 3
คนแปลกหน้าในคืนหลอกลวง (2)
หน้าห้องน้ำชายที่อยู่ติดกันกับห้องน้ำหญิง จอมทัพทำทีเป็นยืนคุยโทรศัพท์เพื่อรอจังหวะให้เป้าหมายออกมา ความสามารถพิเศษของทหารสายลับคือหูตาต้องไวช่างสังเกต...จังหวะที่หางตาเห็นว่าหล่อนกำลังเดินออกมา เขาทำทีเป็นเดินผละออกมาจากจุดเดิมขณะมือยังถือโทรศัพท์แนบไว้กับหู ระยะห่างจากกันไม่กี่ก้าวเดิน
อะไรบางอย่างที่หล่นลงบนพื้นทำให้สุดที่รักก้มมอง มันมาจากผู้ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าเพราะมีเขาเพียงคนเดียว เมื่อเห็นชัดว่าเป็นอะไร ไวเท่าความคิด หญิงสาวรีบทำให้เขารู้ตัว
"คุณคะ หยุดก่อนค่ะ"
จอมทัพซ่อนยิ้ม ก่อนจะหันไปมองแล้วปั้นหน้างุนงง หลุบตามองเห็นในมือของหล่อนกำแบงค์สีเทาเอาไว้แล้วยื่นมาตรงหน้า รอยยิ้มเล็กๆ คลี่ส่งมาให้อย่างไร้ซึ่งจริตมารยา เป็นสิ่งที่เขาสัมผัสได้ด้วยใจ
"คุณทำเงินหล่นค่ะ แบงค์พันด้วยนะคะ"
ชายหนุ่มทำหน้าเหลอหลา สองมือทำทีเป็นสำรวจตามกระเป๋าเสื้อและกางเกง ก่อนจะยิ้มให้หล่อนเพื่อแทนคำขอบคุณ
"จริงด้วยครับ สงสัยตอนหยิบโทรศัพท์แล้วมันติดออกมา ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงนึกไม่ออกแน่ๆ ว่าหายตั้งแต่ตอนไหน ขอบคุณมากนะครับ ผมติดหนี้คุณ"
"ไม่เป็นไรค่ะ อย่าคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณเลยนะคะ สังคมจะดีขึ้นถ้าเราไม่เอาของคนอื่นมาเป็นของตน อยู่ร่วมกันด้วยความมีน้ำใจพึ่งพาอาศัยไม่เอาเปรียบกัน"
เขารับเงินมาจากมือเรียว พินิจมองใบหน้าอีกฝ่ายผ่านเลนส์แว่นอำพรางบุคลิกตัวตนจริง ปฏิบัติการแรกทำให้เขาได้ข้อมูลเพิ่มเติมที่สำคัญเป็นอย่างมาก นั่นคือพื้นฐานนิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิดของคนตรงหน้า มันบอกอะไรได้มากมายอย่างน่าสนใจทีเดียว
เขานึกแปลกใจ ทำไมหล่อนจึงมาสนิทสนมกับแก็งค์ที่กำลังทำผิดกฎหมาย ด้วยบุคลิกดูไม่น่าจะคบกันได้...กลุ่มนักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่ธุรกิจของพวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็วจนถูกจับตามอง เขาไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้ทำอะไรกันมาบ้าง รู้แค่ว่านายของเขาได้ข้อมูลด้านลบมาจากคนบางกลุ่มในประเทศพม่า และหวยมาออกที่เขาอย่างไม่อาจเลี่ยง กับการสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับการฟอกเงิน
การแลกเปลี่ยนทำความรู้จักเริ่มขึ้นตามข้อกำหนดทางสังคมที่สั่งให้เป็นไป สุดที่รักเว้นระยะห่างสำหรับเขาเอาไว้แค่คนผ่านทางไม่มีอะไรให้จำจด เขาคือคนแปลกหน้าที่แค่บังเอิญมาเจอกัน แล้วความทรงจำสั้นๆ ก็จะถูกกระแสวันเวลากลืนหายไปในเวลาไม่นาน
ต่างจากจอมทัพ เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการใช้หล่อนเป็นสะพานเชื่อมไปสู่จุดหมาย การรู้จักแค่ผิวเผินในเบื้องต้นไม่ใช่ปัญหา นับจากวันนี้ไป เขาจะเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าหาเปิดเกมรุก เป็นการรุกที่ไม่ใช่การคว้าหัวใจ ในหัวเขาท่องเอาไว้ว่ามีแต่งานและงาน
การรู้จักกับเธอนั่นคือการเข้าใกล้ตัวหนึ่งในผู้ต้องสงสัยไปอีกขั้น จอมทัพคิดขณะพากันเดินกลับมาเพื่อนั่งโต๊ะใครโต๊ะมัน...ภารกิจในคืนนี้ผ่านไปด้วยดีไม่เสียเวลาเปล่า มันเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งความอดทนและใจเย็น เหตุนี้เขาจึงได้รับความไว้วางใจจากบอสใหญ่ ผลงานของเขาที่ผ่านมาล้วนประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
การที่จู่ๆ หนุ่มแว่นแปลกหน้าเดินกลับมาพร้อมผู้หญิงที่ตนควงมา ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนอีกฝ่ายจะแยกย้ายไปที่โต๊ะ ภัทรนนท์อดที่จะจับจ้องมองอย่างสงสัยไม่ได้...ไปรู้จักกันตอนไหน นั่นคือคำถามที่เกิดขึ้นในใจคนมอง
'ไอ้แว่นนี่มันเป็นใคร มันจีบเธอรึไงปลากริม’
ทำไมเขาจึงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ ภัทรนนท์เริ่มนั่งไม่ติดเมื่อเห็นหล่อนมีคนคุยที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ก้านสมองที่อยู่ลึกลงไปชั้นในเริ่มแปรปรวนและกระตุ้นเตือน...เขากำลังหวงคนที่มองว่าหล่อนคือน้องสาวคนหนึ่งมาโดยตลอด ชายหนุ่มจึงพยายามหลอกตัวเอง เขาแค่ห่วงและหวงไม่อยากให้หลงคารมผู้ชายจนถูกหลอกลวงให้ต้องนอนกินน้ำตา
แวบหนึ่งที่เหลือบมองไปทางนั้น คล้ายอีกฝ่ายจงใจหันมาพอดิบพอดี ท่ามกลางแสงไฟสลัว แววตาสองคู่สบกันอย่างไม่มีใครรู้เท่าทันในท่าที แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามที่ต่างฝ่ายต่างเก็บเอาไว้ สองคนที่มาเจอกันอย่างไม่อาจเลี่ยง ต่างเป้าหมายต่างการดำเนินชีวิต คือพรหมลิขิตที่ถูกขีดให้เดิน
ภัทรนนท์เบือนหน้ากลับมา เขาอารมณ์เสียกับแววตาที่แสนท้าทายยามจับจ้องมองหน้า...หล่อนมากับเขาใครก็ห้ามทะเล่อทะล่ามาคุยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า มันไม่ต่างจากการถูกหักหน้าจนเสียเชิงชายศักดิ์ศรีลูกผู้ชายผู้หญิงไม่มีวันเข้าใจ
"ไม่ต้องนั่งแล้ว กลับได้แล้วเราน่ะ เดี๋ยวที่บ้านจะว่าเอาได้"
ยังไม่ทันที่จะได้หย่อนก้นลงนั่ง สุดที่รักต้องตกใจเมื่อจู่ๆ จอมบงการก็ทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด นั่นคือการให้สุดที่รักกลับบ้านในตอนนี้ ไม่มีเหตุผลนอกจากไม่ชอบใจในสายตาคู่นั้น เขาสัมผัสได้ถึงความไม่น่าไว้วางใจว่าฝ่ายนั้นจะมาดี
"อะไรของพี่ภาม ปลากริมทำอะไรให้ถึงต้องทำเหมือนอารมณ์เสียด้วยคะ"
ยังจะไม่รู้ตัว...คิดพลางคว้าข้อมือเล็กออกแรงกระตุกให้หล่อนเดินตาม ท่ามกลางความงุนงงของรุ้งลาวัลย์ หล่อนรู้สึกหงุดหงิดจากที่ใจคอเขาคิดจะทิ้งเธอไว้กับคนอื่น ความสำคัญถูกลดค่าลงไปเพราะยายเด็กบ้านั่นคนเดียว คิดอย่างคับแค้นใจที่เขาทำเหมือนตนเป็นแค่คู่นอนไร้ซึ่งหัวใจพัวพัน
"คุณภาม อยู่ดีๆ คุณก็จะกลับ แล้วรุ้งล่ะคะ"
"ถ้าคุณไม่มีปัญญากลับก็นอนที่นี่ละกัน!"
คนฟังยืนตะลึง หล่อนเพิ่งเห็นมุมของเขาที่ยามโกรธจะแสดงนิสัยเสียๆ ออกมา วินาทีนี้แทบอยากกรี๊ดใส่หน้าคนพูด กับถ้อยคำที่ไม่ต่างจากการลากหล่อนไปตบกลางสี่แยก จนถึงกับอึ้งไปทั้งโต๊ะเลยทีเดียว
"อะไรวะไอ้วุธ ใครเสกของเข้าท้องเพื่อนมึงถึงเหมือนหมาบ้าแบบนั้น"
พีรพลมองตามหลังสุดที่รักที่กำลังถูกลากออกไป หันไปมองหน้าศราวุธ อีกฝ่ายสบตากลับด้วยงุนงงไม่ต่างกัน เพราะยังไม่ทันที่ทุกคนจะมาครบ คนชวนพวกเขามานั่งดื่มก็ทำท่าจะหนีกลับเสียแล้ว
สุดที่รักขยับถอยห่างไปตั้งหลักเมื่อเขายอมปล่อยหลังจากที่ฉุดกระชากลากถูกันมาถึงรถ ยังตกใจไม่หายกับท่าทีแปลกๆ หล่อนไม่รู้จริงๆ ว่าทำอะไรผิดไป
"ไอ้แว่นโอตาคุนั่นมันเป็นใคร รู้จักกันมานานหรือยัง ทำไมถึงบังเอิญมาเจอกันที่นี่พอดิบพอดี ตามกันไปคุยที่ห้องน้ำใช่ไหม นั่นแสดงว่าเธอนัดผู้ชายให้มาที่นี่ รีบอธิบายมาก่อนที่เรื่องนี้จะรู้ถึงหูทางบ้านของเธอ"
"ทำไมคะ พี่ภามจะทำอะไร"
"ก็จะรายงานพฤติกรรมของเธอให้ทางบ้านได้รู้ ตลอดระยะ เวลาการฝึกงานที่เดอะเรด เธอจะต้องถูกควบคุมความประพฤติแบบเข้มงวดห้ามมีเรื่องผู้ชายมาพัวพัน"
นี่พ่อหรือเจ้านายกันแน่ถึงชอบบงการชีวิตคนอื่น นั่นคือสิ่งที่หล่อนอยากพูดแต่ไม่กล้าคิดดัง เพราะกลัวพ่อเจ้าประคุณจะแผลง ฤทธิ์มากกว่าเดิม
"ไม่ต้องมาทำตาปริบๆ พี่ไม่หลงกลหรอกนะไอ้ที่ชอบทำหน้าให้สงสารน่ะ...เข้าใจมั้ยฮึที่พูด!"
"ปลากริมแค่มาฝึกงาน ทำไมต้องเข้มงวดขนาดนี้ด้วยคะ"
"เธออยากมีผัวก่อนเรียนจบรึไง!"
ปากหรือกรรไกรถึงโพล่งใส่หน้ากันตรงๆ คิดพลางทำหน้างอเป็นตะขอใส่กลับ หากไม่ติดว่าเขาเป็นพี่ชายเพื่อน หล่อนจะชกให้ดั้งหักเข้าโรงพยาบาลมาทำซ่ากับสาวๆ ไม่ได้สักเดือนสองเดือน
"แค่คุยยังไม่ได้คิดอะไรเลย พี่ภามก็ใส่เอาๆ ไม่ถามสักนิด"
แล้วท่าทีเหมือนรู้จักกันมานานนั่นคืออะไร คิดยามจับจ้องคนที่ยืนทำตาใสไม่ทันเกม หล่อนไม่มีวันตามทันมารยาชายร้อยเล่มเกวียน ผู้ชายบางคนสะตอได้โล่ไม่แพ้ผู้หญิงเลยทีเดียว
"ถ้าไม่อยากถูกหลอกจนเสียผู้เสียคน ผู้ใหญ่พูดอะไรก็ควรจะเชื่อฟังเอาไว้บ้าง เข้าใจมั้ย"
"เพิ่งเจอกันวันนี้เอง เขาทำเงินตกปลากริมก็แค่เก็บให้เราเลยได้คุยกัน ไม่ได้นัดมาเจออะไรทั้งนั้นหรอกค่ะ"
"เพิ่งรู้จัก!" คราวนี้เขายิ่งโกรธหนัก น้ำเสียงหงุดหงิดพ่นออก มาเป็นชุด "เพิ่งรู้จักแล้วเดินคุยกันมาเนี่ยนะ ให้ตายสิทำไมใจง่ายกับเขาแบบนี้"
"เอ่อ..." หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย หลังจากเอ่ยถ้อยคำฆ่าตัวเองออกมา
"คงจะแลกเบอร์แลกไลน์กันแล้วล่ะสิ หึ ใช่มั้ย ถ้าให้พี่เดา"
"เอ่อ..."
"มันคือการหลอกจีบแบบเนียนๆ เพื่อหวังผล ยังไม่ทันเกมเขาอีกนะเราน่ะ เหอะ! มุกตื้นๆ แบบนี้ไปหลอกเด็กอนุบาลไป"
เขาว่าคนนิสัยเหมือนกันมักจะรู้เช่นเห็นชาติกันดี เขาคงทำบ่อยเลยรู้เท่าทันไปเสียหมด นั่นคือสิ่งที่หล่อนคิด เพียงแต่ไม่กล้าคิดดังเท่านั้นเอง
"พี่จะบอกอะไรให้ ผู้ชายใส่แว่นส่วนใหญ่มักจะบ้ากาม หมกมุ่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจริงจัง ระวังเถอะ ระวังจะเจอไอ้แว่นโรคจิตแอบถ่ายคลิปไปขายในกลุ่มลับ ได้เป็นดาราโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็ขายขี้หน้าน้อยหน่อย เพราะถูกฆ่าตายก่อนจะได้อายคน"
"โธ่...พี่ภามก็คิดไปได้ คงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ เขาอาจสายตาสั้นเหมือนปลากริม ก็เลยต้องใส่แว่น"
หล่อนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ กับความโอเวอร์ของเขาที่ลากโยงออกทะเลไปไกล
"ก็นี่ไงครับ พี่ถึงบอกว่าเราน่ะไม่มีวันทันเกมผู้ชายร้อยเล่ห์มารยา มองเขาในแง่ดีไปเสียหมด ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกัน"
ท่าทีของเขา แววตาของเขา รวมทั้งคำพูดที่ส่งผ่านความห่วงใยแม้จะมาในรูปแบบหยาบกระด้างปากร้าย ทำให้หล่อนยังคงติดค้างในใจ และจะต้องพูดมันออกมาให้ได้ กับความจริงในใจที่เขาซ่อนเร้นอยู่ในส่วนลึก จุดนั้นที่หล่อนไม่อาจสัมผัสได้เลย
"พี่ภาม...เอ่อ...ทำไมถึง...ทำไมต้องเป็นห่วงกันขนาดนี้คะ น้องสาวก็ไม่ใช่ พี่ภามมองปลากริมเป็นอะไร"
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งเพราะไม่คิดว่าหล่อนจะถามออกมาแบบนั้น...ความเงียบมาห่มคลุมพร้อมสีหน้าและแววตาของเขาที่แปลกไป ท่ามกลางแสงไฟส่องสว่างกลางลานจอดรถ ใบหน้าคมคร้ามแหงนมองไปบนท้องฟ้า คล้ายกำลังจับจ้องมองดาวพราวระยับนับร้อยพัน หมู่ดาวที่หากนั่งมองจากอีกมุมหนึ่งอันไกลโพ้น คนๆ นั้นก็จะเห็นดาวและพระจันทร์ดวงเดียวกันกับเขาอยู่ดี
ไม่มีใครรู้ว่าเขาเองนั้นเจ็บปวดไม่ต่างไปจากพี่ชาย กับรักที่ปล่อยให้หลุดมือไปเพราะความโง่งมของหัวใจ ไม่มีอีกแล้วกับวันนั้น เพราะในหัวใจของเธอไม่ได้มีเขาเช่นวันวานที่ยังเข้าใจผิด เด็กสาวช่างฝันกับฮีโร่ฝังใจในวัยเยาว์ คนที่สบตากันในวันสูญเสีย เขาคือเงาของคนที่หล่อนรักอย่างแท้จริง
ความพลั้งพลาดเพราะใจที่กำลังอ่อนแอ ใจที่กำลังช้ำหนักต้องการใครสักคนมาช่วยปลอบใจ...นั่นคือช่วงเวลาที่รุ้งลาวัลย์เริ่มเข้ามาในชีวิต สัมพันธ์ที่ไร้ข้อผูกมัดทำให้เขายังไม่มั่นใจในตัวเธอ ไม่อาจบอกได้ว่าให้หล่อนเป็นอะไร แค่คู่นอนหรือคนที่กำลังดูใจ เขาตอบหัวใจไม่ได้จริงๆ
สุดที่รักยืนรอคำตอบด้วยใจที่เต้นตึกตัก หล่อนรู้คำตอบอยู่แล้วว่าต้องออกมาเป็นแบบไหน แค่อยากถามให้แน่ใจจะได้เจียมตัวอยู่ในที่ของตน ไม่ฝันมโนไกลแล้วจะกลายเป็นหลอกตัวเอง
ชายหนุ่มหันมาสบตาคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากจินตนาการไปว่าดาวบนฟากฟ้ากำลังส่งยิ้มมาให้ตน
"เป็นห่วงทำไมน่ะเหรอ...เพราะ...ก็เพราะว่าเราน่ะ เป็นเพื่อน ซี้ของคนที่พี่รักมากที่สุดยังไงล่ะ"
'ระ รักมากที่สุดยังงั้นเหรอ!’
คนฟังใจหายหวิวโหวง เขากำลังจะสื่ออะไร หล่อนยืนนิ่งคิดทบทวนอยู่ตรงที่เดิม ในขณะที่เขาเปิดประตูรถรอให้หล่อนเข้าไป
'เขากำลังหมายถึง...อัยย์...เหรอ...’
มีความลับอะไรอีกบ้างที่เพื่อนไม่ได้บอก ผู้ชายตรงหน้าพูดให้คิดไปเป็นอื่นไม่ได้ สุดที่รักคิดทบทวนความหมายในถ้อยคำ เสียงของเขาทำเอาสะดุ้งตื่นจากภวังค์
"จะยืนตรงนั้นอีกนานมั้ยครับ เปิดประตูรอจนยุงเข้าไปบินเล่นกันให้ว่อนแล้ว"
ท่ามกลางคำถามในใจ หล่อนเหลือบมองหน้าเคร่งขรึมที่ซ่อนความลับเอาไว้มากมาย หากแต่ว่าก็ยอมเข้าไปนั่งในรถแต่โดยดี ไม่อยากมีปัญหากับเจ้าของรถเพราะถึงอย่างไรก็เถียงสู้เขาไม่ได้อยู่ดี
สุดที่รักเก็บความสงสัยเอาไว้ ไม่ได้รู้สึกโกรธเพื่อนแต่อย่างใดกับความลับที่ไม่เคยบอก ตรงกันข้าม หล่อนกลับอยากคุยให้กระจ่างถึงความจริงทั้งหมด เพราะเท่าที่รู้คือเพื่อนรักอีกคนที่ไม่ใช่คนตรงหน้า ไม่อยากคิดต่อเลยว่าเขากำลังเป็นฝ่ายเสียสละถอยห่างออกมาจากตรงนั้น เพื่อให้คนสองคนได้ลงเอยกันหลังจากที่ทดสอบหัวใจกันมาหลายปี
พอร์ชดำเงาวับจากการขัดเคลือบสีอยู่เป็นประจำแล่นปราดออกไปจากลานจอด มุ่งหน้าสู่ท้องถนนที่ไม่เคยได้พักจากการเหยียบย่ำของล้อรถ แสงสียามค่ำคืนไม่อาจกลบความโดดเด่นยามโลดแล่นไปบนเส้นทางวกวน เส้นถนนที่วนเวียนราวเส้นเลือดฝอยคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ มันสำคัญพอๆ กับเส้นเลือดของคนเราเลยทีเดียว