เมื่อมาถึงหน้าคอนโด เสริมก็ไม่ยอมส่งกระเป๋าสะพายและปิ่นโตให้ บอกจะขึ้นไปส่งที่หน้าประตูห้อง สุดท้ายแล้วสาวอ้วนก็ต้องยอมให้เขาขึ้นไปส่ง พอมาถึงหน้าห้องขอกระเป๋ากับปิ่นโตคืน เขาก็ยังนิ่งไม่ยอมส่งคืนให้เหมือนเดิมจนเธอเริ่มโมโห
“มาส่งถึงหน้าห้องแล้วยังต้องการอะไรอีกคะ” น้ำเสียงไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“ก็ผมบอกว่าหิวไง ก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาล” เสริมเอ่ยเสียงเข้ม
“หิวก็ไปหาอะไรกินสิ มายืนทื่ออยู่ที่นี่ทำไม แล้วส่งของฉันมาได้แล้ว ฉันง่วงแล้ว นี่ก็จะเที่ยงคืนแล้วด้วย” หล่อนยื่นมือออกไปรอรับของ
“ทำกับข้าวให้ผมทานหน่อยสิ”
“เดี๋ยวนะ ฉันคิดว่าฉันยอมคุณมากพอแล้วนะคุณเสริม เอาของฉันคืนมาได้แล้ว ถ้าหิวก็ไปหาซื้อกินเองเลย ฉันเหนื่อย ฉันง่วงได้ยินไหม”
“แล้งน้ำใจ ผมมาส่งคุณแท้ๆ น้ำแก้วเดียวก็ไม่ให้กิน ข้าวก็ไม่ยอมเลี้ยง”
“แล้วฉันขอร้องให้คุณมาส่งเหรอคะ คิดให้ดีๆ สิ คุณอยากมาของคุณเอง เอากระเป๋าและปิ่นโตของฉันคืนมา ฉันจะเข้าห้องแล้ว” พูดจบก็แย่งกระเป๋าและปิ่นโตในมือของคนตัวโตทันที แต่ก็ไม่ได้ผล เมื่อมือหนากำแน่นเหลือเกิน
“น้ำแก้วเดียวก็ได้” เสริมต่อรอง
เฮ้อ!
“ก็ได้ค่ะ น้ำแก้วเดียวแล้วกลับ โอเค”
“ครับ” แล้วเสริมก็ส่งกระเป๋าให้เจ้าของ ส่วนสมบุญพอได้กระเป๋ามาแล้วก็เปิดหากุญแจห้องแล้วไขเปิดเข้าไป โดยมีคนตัวใหญ่ถือปิ่นโตเดินตามตัวเองเข้าไปข้างใน เธอเปิดไฟในห้องแล้วพาเขาไปนั่งที่ชุดโซฟาขนาดเล็กของห้องตัวเองที่คับแคบ แต่จัดเป็นสัดส่วนได้อย่างลงตัว
“นั่งรอตรงนี้ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้” เธอสั่งเขาพร้อมยื่นมือไปขอปิ่นโตตัวเองในมือของชายหนุ่ม เสริมส่งให้เธออย่างว่าง่ายแล้วหย่อนก้นนั่งลงพร้อมมองสำรวจห้องเล็กของหญิงสาวไปด้วย มุมปากหนาหยักยิ้มพึงพอใจ หล่อนจัดห้องได้ลงตัวจริงๆ ทั้งๆ ที่คอนโดของเธอเล็กกว่าห้องน้ำของเขาเสียอีก
สมบุญเดินกลับมาพร้อมน้ำเย็นหนึ่งแก้วในมือส่งยื่นให้แขกที่ไม่อยากเชิญเข้าห้องสักเท่าไหร่ เสริมรับน้ำในมืออวบของสาวอ้วนมาดื่มจิบเล็กน้อย ก่อนจะวางไว้แล้วลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องนอนที่เปิดทิ้งไว้อยู่ แต่ยังเดินไม่ถึงก็ต้องหยุดเท้าที่กำลังก้าวเดินเมื่อเจ้าของห้องถาม
“คุณจะไปทางนั้นไม่ได้”
เสริมหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้สาวอ้วน ก่อนจะเดินกลับมาหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“ดื่มน้ำหมดแล้วก็กลับไปได้แล้วค่ะ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” เธอไล่เขาอีกครั้ง
“ไม่คิดจะทำอะไรให้ผมกินจริงๆ เหรอ ผมหิว” เสริมนั่งลงที่เดิมพร้อมกับมองไปยังทางครัวเล็กๆ ของเธอ
“คุณเสริมคะ กรุณากลับไปเถอะ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อย่ามาทำให้ฉันเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย และหวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกนะคะ แล้วห้ามมาคิดจีบฉันอีก”
หึหึ
“คุณห้ามผมไม่ได้หรอกครับ ถ้างั้นผมกลับก่อนก็ได้วันนี้ พรุ่งนี้และทุกๆ วันเจอกันครับ”
“ให้ตายสิ คุณไม่มีงานมีการทำรึไง”
“มีครับ แต่ผมแบ่งเวลามาหาคุณได้” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองเดินไปยังประตูห้อง
“คนดื้อด้าน” สมบุญพึมพำไล่หลังคนที่เปิดประตูห้องออกไป พอเขาออกไปแล้วเธอรีบเดินไปกดล็อกประตูห้องทันที ส่วนคนที่ออกมาจากห้องสาวก็ยืนยิ้มอยู่คนเดียวหน้าห้องครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์โดยสาร
วันนี้วันหยุด นานๆ ทีได้พักผ่อน สาวอ้วนนอนกลิ้งไปมาบนเตียงนุ่มของตัวเอง ก่อนจะลุกเดินขึ้นมาหาอะไรทาน พอดูของสดในตู้เย็นไม่มีเหลือแล้วจึงอาบน้ำแต่งตัวไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างล่างคอนโดเพื่อนำมาทำมื้อเช้าที่สายแล้วของตัวเอง
“กินอะไรดีนะวันนี้” สมบุญพึมพำกับตัวเองขณะเดินไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตใต้ตึก โดยไม่สนใจว่าตอนนี้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมายังตัวเองอยู่ วันนี้หล่อนใส่กางเกงยีนส์ขาสั้นเหนือเข่าและเสื้อยืดพร้อมกับกระเป๋าสตางค์ใบเล็กกับกุญแจห้องและคีย์การ์ดเข้าตึกมาด้วย
“ซื้อของตุนไว้ดีกว่า เพราะหยุดสองวันนี้จะนอนอยู่แต่ห้องไม่ไปไหน” เธอพึมพำกับตัวเอง แล้วเสียงสั่นเตือนของโทรศัพท์ในกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ขาสั้นก็ดังขึ้น ทำให้ต้องหยุดเดินแล้วล้วงโทรศัพท์มากดรับสาย
“จ๋า แม่บัว” สมบุญเอ่ยทักปลายสายที่โทรมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ยุ่งอยู่รึเปล่าลูก”
“ไม่ค่ะแม่บัว วันนี้บุญหยุดค่ะ”
“แม่จะโทรมาคุยเรื่องหนี้ ธกส. กับบุญน่ะ” นางพูดถึงเรื่องหนี้สิน
“เรื่องนั้นแม่บัวกับพ่อเติบไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ บุญควงเวรทุกวันเลยตอนนี้ เงินเดือนออกคงพอใช้หนี้ ธกส. ให้แม่บัวกับพ่อเติบได้จ้ะ” เธอบอกท่านทั้งสองให้สบายใจได้ เรื่องแค่นี้เธอจัดการเองได้ และเธอไม่รู้เลยว่าคนที่ยืนมองเธออยู่ไกลๆ ตอนนี้เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่ที่กดรับสายจากแม่แล้ว
“แม่ขอโทษนะบุญ ที่ทำให้ลูกลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่บัว ก็เงินที่กู้มาก็มาส่งบุญเรียน บุญเรียนจบแล้วก็ต้องหาเงินช่วยพ่อกับแม่ใช้หนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องคิดมากนะคะ เดือนหน้าหนูลาพักร้อนสองอาทิตย์จะกลับหนองบัวลำภูบ้านเราค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
“งั้นแม่ไม่รบกวนลูกแล้วนะ คิดถึงนะ คนเก่งของแม่”
“บุญก็คิดถึงแม่บัวกับพ่อเติบเหมือนกันค่ะ รักนะคะ”
“รักเหมือนกันลูกแม่” แล้วสายนั้นก็ตัดวางไป สมบุญยิ้มให้กับโทรศัพท์ในมือแล้วเก็บไว้ที่เดิม แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง เขามาได้ยังไง เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมาทำอะไรที่นี่
ว้าย!
“คุณมาได้ไงเนี่ย”
“มารอไง แล้วเมื่อกี้คุยเรื่องหนี้เหรอ เท่าไหร่ที่ต้องการ ผมจะใช้หนี้ให้เอง”
“เลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะ ขอร้องล่ะ” สมบุญไม่ตอบ แต่เดินหนีไปแทน เสริมรีบสาวเท้าเดินตามไปเดินเคียงข้างสาวอ้วนพร้อมกับถามต่อ
“ว่าไงครับ หนี้ ธกส. เท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้เอง”
“นี่คุณเสริม ฟังฉันนะ คุณกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉะนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะมาจ่ายหนี้แทนครอบครัวฉัน อีกอย่างฉันทำงานหาเงินเองได้ ไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณ”
“ผมอยากช่วย อีกอย่างก็เป็นซะสิ จะได้ไม่ต้องเกรงใจผม เงินที่เป็นหนี้จะกี่บาทกันเชียว ผมมีจ่ายให้คุณกับครอบครัวอยู่แล้ว” เสริมยังคงพูดต่อ ไม่รู้เลยว่าสาวอ้วนกำลังโกรธตัวเองมากตอนนี้
“หยุดเอาความรวยของคุณมาพูดกรอกหูฉันเถอะค่ะ หยุดเถอะ อย่าทำแบบนี้เลย ฉันว่าเราคงไม่มีอะไรต้องคุยและต้องเจอกันแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” แล้วสมบุญก็เดินตรงไปซูเปอร์มาร์เก็ตทันทีโดยไม่สนใจคนที่เดินตามตัวเองมา
เสริมยังคงไม่เข้าใจว่าตัวเองพูดอะไรผิด สาวอ้วนถึงโกรธมากถึงเพียงนี้ เสริมไม่ได้พูดจู้จี้อีก เพราะตอนนี้สมบุญหน้าตึงมาก เขาเดินตามเธอเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตเงียบๆ จะช่วยเข็นรถเข็นเธอก็เข็นหนี เขาจึงทำได้แค่เดินตามเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก
สมบุญเลือกซื้อของสดและผักตามที่ต้องการเสร็จก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ พอจ่ายเสร็จก็หอบข้าวของถือเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตโดยไม่ให้เสริมช่วยถือของในมือ เพราะของแค่นี้หล่อนถือเองได้สบาย ส่วนเสริมก็เดินตามไปติดๆ จะเดินตามเข้าไปในตึกด้วยก็ต้องหยุดเมื่อสมบุญเรียกผู้รักษาความปลอดภัยมาห้ามเขาไว้
“ลุงคะ ห้ามให้ผู้ชายคนนี้เข้ามานะคะ” เธอบอกแล้วเดินเข้าไปในตัวตึกโดยไม่สนใจจะเหลียวหลังมามองคนที่ถูกห้ามอยู่หน้าประตูกระจกเลยสักนิด
“ลุงให้ผมเข้าไปเถอะ ผมจะไปง้อเมีย”
“เดี๋ยวนะครับ หนูบุญไม่เคยมีแฟนหรือมีผู้ชายมาส่งสักครั้ง คุณเป็นผัวเธอไม่ได้หรอก และเมื่อกี้หนูบุญก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้รู้จักกับคุณ”
“ได้ครับ งั้นฝ่ายขายของคอนโดอยู่ไหน ผมจะไปซื้อห้อง” เขาพูดแค่นั้น
“ทางนั้นครับ” รปภ. ชี้มือไปยังอาคารออฟฟิศของฝ่ายขาย
“ขอบคุณครับ” แล้วเขาก็เดินกัดกรามแน่นไปทางออฟฟิศฝ่ายขายทันที
“เจอกันแน่สมบุญ มาดูกันสิว่าเงินของผมจะทำอะไรไม่ได้” เขาพึมพำกับตัวเองอย่างหมายมั่น