“ค่ะๆๆ”
รับคำแล้วก็รีบลุกเข้าห้องครัวไปทันที คัทชูที่ใส่มาเมื่อครู่ถูกถอดทิ้งไว้ตรงนอกห้อง เพราะถนัดเดินเท้าเปล่ามากกว่า ของที่ฝากม่อมซื้อมีครอบในตู้เย็นแล้ว ไม่รู้ว่าไปซื้อที่ไหน หรือว่าแถวนี้จะมีตลาด ไว้ว่างๆ ถึงจะถาม ตอนนี้ต้องรีบตักข้าวออกจากหม้อมารอให้เย็นเป็นเรื่องแรกก่อน เวลาผัดจะได้สวยๆ ไม่เละ
“คุณช่าคะ ถ้าจะทำสลัดต้องล้างด้วยเครื่องนี้นะคะ”
กำลังจะล้างผักอยู่แล้วเชียว แต่ม่อมกลับเข้ามาบอก มือก็ชี้ไปที่เครื่องอะไรสักอย่างติดอยู่ตรงผนัง
“เครื่องอะไรคะป้า?”
“เครื่องโอโซนค่ะ ไว้ล้างผัก คุณดนตร์จะไม่กินผักสดเด็ดขาดถ้าไม่ล้างด้วยเครื่องนี้”
“จริงเหรอคะ แล้วมันใช้ยังไงคะ?”
“มาๆ ค่ะ ป้าสอน เครื่องนี้ดีนะคะ มันจะช่วยล้างสารพิษค่ะ ท่านให้ทุกคนใช้ได้ค่ะ ไม่หวงค่ะ ล้างผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ได้ทุกอย่างเลยค่ะ”
“แล้วจะมีใครมาทำกับข้าวกินบ้างล่ะคะป้า นอกจากท่านของป้าคนเดียว” พูดออกไปแล้วก็เคืองตัวเองไม่น้อย ที่ดันปากไวไปหน่อย ดีแค่ไหนแล้วม่อมไม่เป็นคนเอาไปพูดต่อที่อื่น ไม่งั้นคงแย่ เลยได้แต่บอกตัวเองว่าต้องระวังคำพูดไว้ให้มากกว่านี้เท่านั้น
“แต่เครื่องนี้ป้าว่าดีนะคะ เราจะได้กินของปลอดสารพิษบ้างไงคะ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ล้างแบบนี้ใช่มั้ยคะป้า?”
“ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะป้า เดี๋ยวช่าจัดการต่อเองค่ะ ป้าจะไปซื้อมื้อเที่ยงให้พี่ๆ ก็ตามสบายเลยค่ะ ของช่าเอาเส้นเล็กแห้งลูกชิ้นเนื้อสดนะคะ”
“ค่ะ”
คนรีบหันไปยิ้มให้แม่บ้าน ก่อนจะลงมือทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับเป็นเมนูแรก ข้าวผัดกุ้งเป็นรายการต่อไป สุดท้ายคือสลัดทูน่า ตามคำขอของเจ้านายที่บอกว่าอยากกินผักเยอะๆ เสร็จก็จัดใส่จานสวยงามเข้าชุดกัน ต้มจืดก็ต้องใส่ชามที่มีฝาปิด เก็บความร้อนนานๆ จะได้ไม่ถูกบ่นแบบเมื่อเช้าอีก
ก่อนเที่ยงห้านาทีก็รีบยกไป และด้วยความที่มือไม่ว่าง เลยไม่รู้ว่าจะเคาะหรือเปิดประตูยังไง จะขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ ก็เห็นว่ายุ่งกันทุกคน เวลาก็เดินไปตลอด เลยจำต้องเดินกลับมาตรงหน้าโต๊ะของนาถรดีที่ติดสายอยู่ เท้าที่มีเพียงแตะรองรับไว้ เลยเกี่ยวขาเก้าอี้เพื่อเลื่อนออก จะได้วางถาดอันหนักอึ้งในมือไว้ จะได้ไปเปิดประตูสะดวก
“ผมช่วยครับ”
“ว้าย!!!”
เพราะเพ่งสมาธิอยู่กับการเกี่ยวขาเก้าอี้ พอมีเสียงคนดังอยู่ใกล้ๆ ก็ตกใจจนของในมือเกือบร่วง ถ้าไม่มีอีกมือมาช่วยไว้
“ใจเย็นๆ ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
อยากจะเคืองหนุ่มหล่อตัวสูง ที่มาทำให้ตกใจแทบแย่ แต่เห็นสีหน้าและท่าทางอยากช่วยของเขาแล้วก็เคืองไม่ลง เลยต้องยิ้มหน้าเจื่อนๆ ให้
“จะเอาไปไหนครับ? ผมจะได้ช่วยถือ”
“เอาไปให้เจ้านายกับแขกค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ช่าจะวางไว้แล้วไปเคาะประตูห้องค่ะ”
“ผมเคาะให้เองครับ”
คนตัวใหญ่และหล่อเหลาเดินไปหาประตูห้อง เคาะแค่สามครั้งแล้วก็เปิดพรวดเข้าไป แถมยังหันมาหาคนประคองถาดในมือแล้วยิ้มให้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเชิญด้านในได้
“ขอบคุณค่ะ”
ถึงจะไม่รู้ว่าหนุ่มหล่อเป็นใคร แต่ก็ไม่มีเวลาถาม เพราะจะเที่ยงอยู่แล้ว เดี๋ยวเจ้านายที่นั่งจ้องหน้าจออยู่จะเคืองเอา เลยได้แต่ตรงไปจัดโต๊ะเป็นเรื่องแรก เอาของออกจากถาดแล้ว ก็ต้องรีบกลับไปเอาของที่เหลืออีกรอบ นั่นคือน้ำ ผลไม้ ผ้ากันเปื้อน แถมยังเห็นหนุ่มคนเดิมนั่งคุยกับเจ้านายอย่างสนิทสนมกัน หรือว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่บอกว่าจะมากินข้าวด้วย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ความสงสัยถูกโยนทิ้งไปเมื่องานเสร็จ ก็หันไปหาเจ้านายแล้วยิ้มน้อยๆ ให้
“มีอะไรกินบ้าง?”
คนนั่งอยู่ที่เดิมถามเสียงห้วนนิดๆ ตาก็ยังคงจ้องหน้าจออยู่ มือก็ยังมีเมาส์อยู่
“ข้าวผัดกุ้ง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ สลัดทูน่าค่ะ ผลไม้เป็นแตงโมค่ะ ยะ...”
กำลังจะถามว่า อยากได้อะไรเพิ่มอีกมั้ย แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าเจ้านายไม่ปลื้ม เลยยั้งปากไว้ได้ทัน
“นี่แกจะกิน...”
“ขอบใจนะ ไม่มีอะไรแล้ว”
หนุ่มหน้าหล่อน้อยกว่าเจ้าของห้องยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกขัดจังหวะไว้ก่อน พิชชาเดาได้ทันที ว่าท่านกำลังไล่ให้ออกจากห้องเร็วๆ เลยรีบเผ่นทันที
“คุณโรเบิร์ตขอลาเต้เย็นหรือยังจ๊ะช่า?”
นาถรดีเพิ่งวางสายมองผู้ช่วยด้วยสายตาชื่นชม กับมื้อเที่ยงแรกของเจ้านายและแขก
“คนไหนคะ?”
“ที่เข้าไปเมื่อกี้นั่นล่ะคุณโรเบิร์ต เพื่อนคุณดนตร์ ปกติแกมากินมื้อเที่ยงทีไรก็จะขอลาเต้เย็นนะ แปลกทำไมวันนี้ไม่ขอ”
“คงจะรอให้อิ่มก่อนมั้งคะพี่ แต่ไม่ขอน่ะดีแล้วค่ะ เพราะช่ายังไม่เคยชงเลยลาเต้เย็น หรือว่าช่าจะต้องไปหัดชงไว้ก่อนคะ เผื่อขอขึ้นมาจะได้ไม่วุ่น”
“นั่นล่ะที่พี่กำลังจะบอก”
“ค่ะ”
“คุณช่าไม่กินก๋วยเตี๋ยวก่อนล่ะคะ?”
ม่อมเพิ่งจัดมื้อเที่ยงให้ทุกคนทักท้วงด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะป้า ช่าอยากกินแบบไม่ต้องกังวลอะไร เชิญพี่ๆ กินก่อนได้เลยนะคะ”
ว่าแล้วก็รีบเข้าห้องครัว คว้าคู่มือมาดูเป็นเรื่องแรก แล้วจัดการชงลาเต้เย็นด้วยความตั้งอกตั้งใจ เสร็จก็คิดขึ้นได้ว่าเจ้านายก็น่าจะสั่งด้วย ดูในคู่มือทันที
“บ่ายวันศุกร์ท่านจะรับอะไรน๊า ดุ๊กๆๆ”
มือบางไล่อ่านไปทีละตัวอักษร จนเห็นว่า
“Flat White มันสูตรไหนวะเนี่ยะ ไอ้ช่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเล๊ย”
เจอแล้วก็บ่นอยู่คนเดียว เพราะงงไม่น้อย ด้วยไม่คุ้นชื่อแบบนี้สักนิด แต่ก็ก้มอ่านวิธีชงต่ออยู่ดี
“ให้ใช้แก้วปากกว้างขนาดหกออน วงเล็บแก้วเดียวกับแก้วคาปูชิโน่”
อ่านถึงตรงนี้แล้ว ก็รีบไปเปิดตู้หาแก้วที่ว่านั้นทันที
“จะรู้ได้ยังไงล่ะว่าแก้วไหนจุกี่ออนซ์ต่อกี่ออนซ์ เฮ้อ! ตายๆๆๆ ตกงานแน่ๆ ไอ้ช่าเอ๊ย”
“แก้วนั้นครับ”
“อุ๊ยว้าย!!!”