บทที่๑

909 Words
อนงค์ บทที่๑ สายตาชื่นชมภาพวาดบนผืนผ้าใบเปลี่ยนไปทันทีที่เลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ จนถึงข้อเท้าเรียวสวยของนางแบบในภาพ เยี่ยมหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ เพื่อความชัดเจน ก่อนจะตบเปรี้ยงเข้าเต็มไหล่หนาของคนวาด จนพู่กันในมือกระเด็น สีเปรอะผืนผ้าใบจนรูปที่กำลังรังสรรค์ผิดเพี้ยน พร้อมกับที่เสียงโวยวายของทั้งคนถูกรังแกและคนลงมือดังขึ้น “ฉิบหายหมด ป้าบ้าหรือเปล่า ตบมาได้ เละ!” “แกนะสิบ้าหรือเปล่า วาดกำไลข้อเท้าทำไม แหกตาดูสิต้นแบบมีกำไลที่ไหน ชุดราตรีเลิศหรูอลังการแบบนี้ มันเหมาะกันตรงไหนกับกำไลที่แกเติมลงไป” “เฮ้ย! ตาฝาดแล้ว ไม่ได้วาดลงไปซะหน่อย กำไลข้อเท้าอะไรของป้า” คนวาดปฏิเสธเสียงโวยวาย “นี่ไง แหกตาดู” คนจับผิดจิ้มลงไปให้เห็นชัดๆ โดยไม่กลัวมือเปรอะเปื้อน “เฮ้ย! มาได้ยังไง” “ก็แกวาดเอง ฉันมองอยู่” “ไม่จริง ผมวาดตามแบบ ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเลย” คนเถียงเกาหัวแกรก ผมฟูที่มัดหางม้าไว้หลวมๆ รุ่ยร่าย นางแบบที่โพสท่าสวยงามนิ่งเป็นหุ่นให้วาดรูปเปลี่ยนอิริยาบถแล้วก้าวมาหาอย่างมาดมั่นทันที เพราะเห็นสองคนถกเถียงกันสักพักแล้ว “มีอะไรคะ เมื่อยนะ มัวทะเลาะกันอยู่ได้ ว้าย! ทำไมเป็นแบบนี้ละพญา” ญาณิศาหน้าง้ำทันทีที่เห็นความเสียหายของภาพวาดสีน้ำมันที่ตนเป็นแบบให้เพื่อนหนุ่มลงมือวาด สู้ทนยืนจนขาแข็ง แต่รูปก็มาเสียหายด้วยสีที่ไถลยาวเป็นทาง เธอเห็นว่าพี่สาวตนเป็นคนตบไหล่สัภยาหรือชื่อที่เพื่อนๆ เรียกพญา ทำให้รูปวาดผิดเพี้ยน แต่มันคงไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นถ้าหากเขาไม่เติมกำไลข้อเท้าลงไป “กำไลเชยๆ ใส่มาทำไม มันเข้ากับชุดของศาหรือก็เปล่า เสียอารมณ์ เสียเวลา ไม่เอาแล้ว ศาไปนวดดีกว่า” “ศา อย่าเพิ่งสิ ผมขอโทษ คือผม โอ๊ย! จะพูดยังไงดี คือผมไม่ได้” “ไม่ต้องแก้ตัว เพราะฉันมองอยู่ นายจงใจเติมลงไป” ตีรณายืนยัน ก่อนหันไปมองน้องสาวแท้ๆ ที่งอนตุ๊บป่องเดินหนีไปแล้ว “ผมเปล่านะป้า” สัภยายังเถียง จึงถูกคนที่เรียกว่าป้า ตบหัวจนผมรุ่ยร่ายนั้นกระจุยกระจายรุงรังกว่าเดิม “ยังจะเถียง” “โอ๊ย! ป้า ตบหัวอีกแล้ว ผมไม่ใช่ลูกป้านะ ตบจนหาเมียไม่ได้แล้วเนี่ย เพราะป้าคนเดียว” สัภยาต่อว่าง้องแง้งแต่ไม่มีความโกรธเคืองเจือปน อาจเพราะตีรณาเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยและเป็นพี่สาวของญาณิศานางแบบที่เดินงอนจากไปซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน สองคนพี่น้องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตีรณาดูแกร่งกร้าวและห้าวเกินหญิง ถ้าจะเรียกว่าเป็นทอมบอยก็คงไม่ผิด ในขณะที่น้องสาวนั้นสวยเฉิดฉายสมกับอาชีพนางแบบและนักแสดงที่เธอใฝ่ฝัน “หาไม่ได้หรือเลือกไม่ถูก” ตีรณาย้อน น้ำเสียงแกว่งเล็กน้อยเพราะรู้ว่าสัภยามีผู้หญิงเข้ามาพัวพันมากหน้าหลายตา เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดีและฐานะร่ำรวย สัภยาหันมาสบตาแต่ไม่พูดอะไร แล้วหันไปเก็บอุปกรณ์อย่างเซ็งในอารมณ์หลังเพ่งภาพวาดบนผืนผ้าใบฝีมือตนเอง อะไรก็สวยไปหมดเสียแต่ตำหนิของภาพจากรอยปาดพู่กันและกำไลข้อเท้า กำไลข้อเท้า! เขาเพิ่มเติมมันลงไปด้วยเหตุผลใด สัภยาให้คำตอบตนเองไม่ได้ “จะอยู่กินข้าวหรือกลับบ้าน” ตีรณาถาม ยืนกอดอกมองชายหนุ่มรุ่นน้องเก็บอุปกรณ์วาดภาพ สัภยาหันไปมอง ถามเสียงเรียบ “เหมือนป้าอยากไล่ผมนะ” “ไอ้นี่หาเรื่อง คนอย่างฉันถ้าคิดจะไล่ก็ไล่ตรงๆ ทำอย่างกับแกไม่เคยถูกฉันไล่” “ก็จริงของป้า เพราะถึงป้าไล่ผมก็ไม่กลับ ขอกินข้าวสักมื้อก็แล้วกัน” สัภยายิ้มหน้าชื่น แต่ตีรณากลับส่ายหน้าระอา “ไม่มื้อละ แกผูกขาดปิ่นโตที่นี่เลยไม่รู้ตัวหรือยังไง” “อ้าวเหรอ ก็กับข้าวบ้านป้าอร่อยนี่ พ่อกับแม่ป้าก็ใจดี น้องสาวก็สวย...” “หยุดแม้แต่จะคิด ถ้ายังไม่อยากถูกเตะ” ปากพูดถึงอวัยวะเบื้องล่าง แต่เธอกำหมัดชกฝ่ามือตนเองอย่างข่มขู่ สัภยาทำท่าผงะ ก่อนหัวเราะร่วน ตีรณาดีกับเขาทุกอย่างยกเว้นเรื่องน้องสาวที่เจ้าตัวหวงยิ่งกว่าพ่อแม่เสียอีก เธอคอยกีดกันหนุ่มๆ ที่เข้ามาขายขนมจีบรวมถึงตัวเขาที่เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับญาณิศา “ฝากป้าเอาของไปเก็บด้วยสิ ผมไปช่วยแม่ครูทำกับข้าว” เขายื่นทุกสิ่งอย่างที่หอบอยู่ให้ตีรณา จึงถูกค้อนใส่ สัภยาหัวเราะลั่นทันทีกับท่าทางของหญิงสาว “บ้าหัวเราะอะไร” ยิ่งถูกหัวเราะใส่เธอยิ่งเคือง “ป้าอย่าทำแบบนี้อีก จะอ้วก” สัภยาหัวเราะร่วน และเขารู้ว่าตีรณาเข้าใจความหมายของตนดี ก่อนจะเดินไปทางเรือนไม้ด้านหลังซึ่งเป็นครัวแยกจากบ้านหลังใหญ่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD